นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1327 ถอดถอน
ตอนที่ 1327 ถอดถอน
เสียงของอู๋เทียนซื่อดังก้องไปทั่วทั้งท้องพระโรงฉี่หมิง แต่กลับไร้ซึ่งทหารรักษาการณ์คนใดวิ่งเข้ามาในท้องพระโรง และมิมีผู้ใดกล้าเข้ามาจับกุมเยี่ยนซีเหวินไปอีกด้วย
ทุกคนต่างมองดูเหตุการณ์ด้วยความหวาดกลัว แม้แต่คณะทูตจากต่างแดนก็ยังรู้สึกกดดันกับสถานการณ์เบื้องหน้านี้มิต่างกัน ทว่าพวกเขาก็ยังแอบหวังอยู่ลึก ๆ หากเหตุการณ์ครานี้นำไปสู่ความโกลาหลของต้าเซี่ยได้ก็คงจะดีมิน้อย
นักเขียวข่าวของหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ต้าเซี่ยต่างก็ตะลึงงัน จะเขียนเรื่องนี้ดีหรือไม่ ?
นี่เป็นเรื่องที่มิน่าพิศมัยของต้าเซี่ย มิว่าเยี่ยนซีเหวินจะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง หรือฝ่าบาทจะถูกถอดถอนก็ตาม ถ้าหากว่าเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ลงบนหนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยเมื่อใด เกรงว่าหนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยรายสัปดาห์ฉบับนี้จะต้องขายหมดอย่างเร็วไว
แต่ถ้าหากราษฎรทราบข่าวนี้เข้า พวกเขาจะมองราชสำนักต้าเซี่ยเยี่ยงไรกัน ?
เหวินซิ่วจงบรรณาธิการใหญ่ของหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ต้าเซี่ยได้ตอบสนองกับเหตุการณ์นี้อย่างรวดเร็ว คราหนึ่งฟู่เสี่ยวกวนเคยบอกว่าในฐานะของสื่อ ข่าวที่เผยแพร่ออกสู่สาธารณชนจะต้องเป็นเรื่องจริง !
และนี่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ ข้าจำต้องให้ราษฎรได้รับรู้ถึงเหตุการณ์สำคัญที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ครานี้ !
นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างอำนาจจักรพรรดิและราษฎร !
ถ้าหากว่าอำนาจของจักรพรรดิมีชัยเหนืออำนาจของราษฎร เช่นนั้นเกรงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงคราใหญ่ แต่ถ้าหากว่าอำนาจราษฎรชนะ ต้าเซี่ยก็จะก้าวขึ้นไปอีกขั้น !
“จดไว้ อย่าให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว ! ”
เวินซิ่วจงตัดสินใจ นักเขียนลงมือเขียนอย่างเร็วไว โดยนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบันทึกลงไปทั้งหมด ซึ่งมันได้กลายเป็นพยานหลักฐานสำคัญของอารยธรรมต้าเซี่ยในอนาคต !
……
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสียงคำรามของอู๋เทียนซื่อ เยี่ยนซีเหวินยังคงแสดงท่าทีนิ่งเฉยสงบเยือกเย็น
ในขณะเดียวกัน ฉินโม่เหวินและหนิงหยู่ชุนก็หันไปมองที่อู๋เทียนซื่อ
“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมเป็นขุนนางของพระองค์ก็จริง แต่ในขณะเดียวกันนั้น พวกกระหม่อมก็เป็นขุนนางของราษฎรชาวต้าเซี่ยด้วยเช่นกัน ! ”
“พวกกระหม่อมบริหารต้าเซี่ยตามนโยบายที่จักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงกำหนด เพราะนโยบายของจักรพรรดิพระเจ้าหลวงได้ผ่านการพิสูจน์โดยยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ของต้าเซี่ย จนกระทั่งทุกวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างได้พิสูจน์แล้วว่านโยบายของจักรพรรดิพระเจ้าหลวงนั้นถูกต้อง และพวกเราในฐานะของขุนนางทั้งสามฝ่าย พวกเราจะทำแค่สิ่งเดียวซึ่งนั่นก็คือ…ให้นโยบายของต้าเซี่ยได้ดำเนินต่อไป ! เพื่อรับประกันว่าต้าเซี่ยจะมิออกนอกลู่นอกทาง และเพื่อรับประกันว่าราษฎรจะได้ใช้ชีวิตอย่างรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป ! ” ฉินโม่เหวินเอ่ยด้วยท่าทีที่มิเเข็งกร้าวหรือถ่อมตัวจนเกินไป
“นโยบายที่ฝ่าบาททรงตรัสเมื่อครู่นั้นเป็นดั่งที่เยี่ยนซีเหวินเอ่ย มันผิดต่อแผนพัฒนาระยะห้าปีของต้าเซี่ย และผิดต่อกฏหมายการค้า ถ้าหากจะดำเนินนโยบายนี้จริง ๆ การค้าของต้าเซี่ยจะเกิดการผันผวนคราใหญ่ และการผันผวนนี้ย่อมมิใช่เรื่องดี เพราะจักรพรรดิพระเจ้าหลงทรงใช้เวลานานหลายปีกว่าจะนำพาการค้าภาคเอกชนก้าวหน้ามาอย่างทุกวันนี้ ทำให้สินค้าของต้าเซี่ยได้ยืนอยู่บนเวทีที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการแข่งขันเช่นนี้ ! ”
“แต่การที่ฝ่าบาทประสงค์จะกลับไปยังจุดที่เคยเป็นมา มันจะนำผลที่ร้ายแรงเกินกว่าจะจินตนาการได้มาให้ต้าเซี่ย และมันจะโจมตีการค้าอย่างรุนแรง มันจะจำกัดการพัฒนาด้านการผลิตของต้าเซี่ย ทั้งยังสร้างความผันผวนให้แก่ตลาดอย่างมหาศาล ไหนจะส่งผลกระทบต่อตลาดต่างแดนที่พวกเราได้ครอบครองในทุกวันนี้ ! ”
“ดังนั้นกระหม่อมหวังว่าพระองค์จะถอนนโยบายนี้เสีย ถือว่าเพื่อต้าเซี่ยและเพื่อราษฎรนับร้อยล้านคนของต้าเซี่ย ! ”
คำเอ่ยของเยี่ยนซีเหวินได้สร้างขั้นบันไดให้แก่อู๋เทียนซื่อ
ถ้าหากเขายอมแพ้เสียตั้งแต่ตอนนี้แล้วยอมเดินลงบันได เช่นนั้นก็จะมิมีอันใดเกิดขึ้น อย่างน้อยก็มิเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้
แต่ในฐานะองค์จักรพรรดิ…ในฐานะองค์จักรพรรดิผู้ซึ่งมีอำนาจสูงส่งล้นฟ้า อู๋เทียนซื่อย่อมมิยอมก้าวขาลงมาจากบันไดนั่น !
นี่เป็นศึกระหว่างสองขั้วอำนาจ !
เป็นศึกเดิมพันว่าอำนาจของจักรพรรดิจะอยู่ภายใต้กฎหมายหรือไม่ !
“พวกเจ้ารังแกเจิ้น ! ”
อู๋เทียนซื่อเดือดดาลจนใบหน้าและหูแดงก่ำ เขายื่นมือไปชี้ทั้งสามคนแล้วกัดฟันเอ่ยว่า “พวกเจ้าเป็นขุนนางเผด็จการ ! พวกเจ้าอาศัยอำนาจที่เสด็จพ่อมอบให้มาควบคุมเจิ้นทุกอย่าง ทำให้พระบัญชาของเจิ้นมิอาจออกไปเฉิดฉายนอกท้องพระโรงแห่งนี้ได้ ! ”
“พวกเจ้าหวังจะช่วงชิงอำนาจ ! เจตนาอันชั่วร้ายของพวกเจ้าถูกเปิดเผยออกมาหมดแล้วสินะ ! ”
เสียงของอู๋เทียนซื่อดังก้องไปทั่วท้องพระโรงฉี่หมิง จัวอี้สิงถอนหายใจยาวออกมา เยี่ยนซีเหวินสูดลมหายใจเข้าหนึ่งครา จากนั้นก็ประคองสองมือขึ้นย้อนถามว่า “ฝ่าบาท…พวกกระหม่อมทำผิดอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? นโยบายใดของพวกกระหม่อมทำให้ต้าเซี่ยได้รับความเสียหายกัน ? ”
“เพื่อสืบทอดพระปณิธานในการบริหารบ้านเมืองของจักรพรรดิพระเจ้าหลวง พวกกระหม่อมได้ดูแลทุกอย่างมิขาดตกบกพร่อง แต่ละนโยบายล้วนทำด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ทั้งหมดเพราะสิ่งใดกัน ? ”
“เพราะต้องการจะแย่งชิงประเทศเยี่ยงนั้นหรือ ? ฝ่าบาท…จักรพรรดิพระเจ้าหลวงยังมิสิ้นพระชนม์ ! พระองค์เพียงแค่เสด็จไปดินแดนยุโรปอันไกลโพ้นก็เท่านั้น ดังนั้นพระองค์ทรงทำสิ่งนี้เพื่อเหตุใดกัน ? ”
“ในฐานะที่ฝ่าบาททรงเป็นโอรสของพระองค์ ฝ่าบาทยังมิเข้าใจพระดำริของพระองค์อีกหรือ ? ”
“พระองค์เพียงอยากเป็นเศรษฐีที่ดินก็เท่านั้น ! พระองค์จะกลับไปเป็นเศรษฐีที่ดินของพระองค์เสียก็ได้ ทว่าพระองค์จะฝ่าอันตรายเดินทางข้ามมหาสมุทรไปเพื่อสิ่งใดกัน ? ”
“บนมหาสมุทรนั้นอันตรายเพียงใด พระองค์ทรงทราบหรือไม่ ? ”
“เมื่อเดินทางถึงทวีปยุโรป ย่อมหลีกเลี่ยงมิได้ที่จะเกิดสงคราม พระองค์มีเพียงกองทัพเดียว ฝ่าบาททรงทราบหรือไม่ว่ามันเสี่ยงมากเพียงใด ? ”
“พระองค์ทรงทำทั้งหมดนี้เพื่ออันใดกัน ? ”
เสียงของเยี่ยนซีเหวินดังก้องท้องพระโรงฉี่หมิง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นพลางจ้องหน้าอู๋เทียนซื่อตาเขม็ง จากนั้นก็แผดเสียงใส่อู๋เทียนซื่ออีกว่า “ที่พระองค์ทรงทุ่มเททั้งหมดนั้นก็เพื่อให้ต้าเซี่ยคงอยู่ตลอดไป ! เพื่อให้ต้าเซี่ยตั้งตระหง่านเหนือดินแดนใดอย่างมิมีวันล้มลง ! ”
“แล้วฝ่าบาทเล่า ? ฝ่าบาทเป็นโอรสของจักรพรรดิพระเจ้าหลวงแท้ ๆ ช่วงเวลาที่จักรพรรดิพระเจ้าหลวงให้ฝ่าบาทติดตามอยู่ข้างกายตลอดหนึ่งปีนั้น ฝ่าบาทได้เรียนรู้สิ่งใดบ้างกัน ? ”
“ฝ่าบาทมิได้เรียนรู้สิ่งใดเลย ! ฝ่าบาทประสงค์จะครอบครองอำนาจจนหน้ามืดตามัว พระองค์ทรงเชื่อขี้ข้าในหน่วยพระราชวังชั้นใน แต่กลับมิยอมฟังข้อชี้แนะที่กลั่นมาจากความจงรักภักดีของพวกกระหม่อม ! ”
“และทุกวันนี้พระองค์เลือกที่จะเดินสวนทางกับทุกสิ่ง…ช่างมิคู่ควรกับความไว้วางใจของจักรพรรดิพระเจ้าหลวงเสียจริง ! ”
“ต้าเซี่ย… มิใช่ประเทศของพระองค์ ต้าเซี่ยเป็นของราษฎร ! ”
“ทหาร ! ”
เยี่ยนซีเหวินแผดเสียงออกไปข้างนอก จากนั้นฮั่วหวยจิ่นก็ได้นำทหารนับพันนายเคลื่อนพลเข้ามาในท้องพระโรง
“ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแล้วนั้น เมื่อใดที่องค์จักรพรรดิทรงมีพฤติกรรมขัดขวางความก้าวหน้าของต้าเซี่ย… บัดนี้เมื่อพระองค์ต้องการให้พระราชอำนาจตั้งอยู่เหนือกฎหมาย เช่นนั้นแล้วเสนาบดีทั้งสามฝ่ายและคณะรัฐมนตีต่างก็มีมติเห็นชอบให้ถอดถอนฝ่าบาทออกจากตำแหน่ง ! ”
เยี่ยนซีเหวินโค้งกายคารวะอีกครา “กระหม่อมขอประกาศถอดถอนจักรพรรดิอู๋เทียนซื่ออย่างเป็นทางการ ณ บัดนี้ ! ”
ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบสงัดทันตา
ขุนนางทุกคนต่างจ้องมองไปที่อู๋เทียนซื่อด้วยท่าทีนิ่งเฉย พวกเขาแทบมิอยากจะเชื่อว่าเยี่ยนซีเหวินจะประกาศถอดถอนจักรพรรดิจริง ๆ
และนี่ก็มีบัญญัติอยู่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง
สำหรับขุนนางส่วนใหญ่รวมถึงราษฎรทั้งหลาย คิดว่าเป็นแค่การเขียนไว้เฉย ๆ เท่านั้น เขียนให้พอรู้ว่ามีการบัญญัติเช่นนี้อยู่
มันมิสามารถนำมาปฏิบัติจริงได้ เพราะความคิดที่หยั่งรากฝังลึกมิอาจสลัดทิ้งได้ในวันเดียว ใต้จิตสำนึกของพวกเขา ชาติบ้านเมืองยังเป็นของจักรพรรดิแต่เพียงผู้เดียว และราษฎรในใต้หล้าล้วนเป็นราษฎรของพระองค์ ขุนนางในใต้หล้าก็เป็นขุนนางของพระองค์เช่นกัน
ทว่าบัดนี้ ขุนนางได้ถอดถอนองค์จักรพรรดิลงจากบัลลังก์…
อู๋เทียนซื่ออ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงพึงเพริด จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาราวกับกำลังคลุ้มคลั่ง เขาชี้ไปทางเยี่ยนซีเหวินพลางหัวเราะร่าออกมา “เจ้าจะถอดถอนเจิ้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ เจ้าคิดจะถอดถอนเจิ้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“เจิ้นเป็นบุตรชายของฟู่เสี่ยวกวน พวกเจ้าต่างก็เป็นพี่น้องของเขา แล้วพวกเจ้ายังคิดจะถอนถอนเจิ้นอยู่อีกหรือ ? ”
“ใต้หล้านี้เป็นของเจิ้น พวกเจ้าเป็นขุนนางของเจิ้น หากเจิ้นต้องการให้ขุนนางตาย ขุนนางก็ต้องตาย ! เยี่ยนซีเหวิน เจิ้น…อยากให้เจ้าตายไปเสีย ! ”
ฉินโม่เหวินจ้องมองอู๋เทียนซื่อด้วยสายตาเย็นชา “ข้า ฉินโม่เหวิน ผู้บัญชาการสูงสุดของสำนักตรวจสอบพระราชโองการเห็นชอบให้ดำเนินการถอดถอนฝ่าบาทออกจากตำแหน่ง ! ”
หนิงหยู่ชุนก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นเดียกวัน “ข้า หนิงหยู่ชุน ราชเลขาธิการเห็นชอบให้ดำเนินการถอดถอนฝ่าบาทออกจากตำแหน่ง ! ”
เยี่ยนซีเหวินหลับตาลงช้า ๆ “ทั้งสามแผนกเห็นชอบ คณะรัฐมนตรีได้โปรดลงมติ ! ”
“ตามที่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ในระหว่างที่ถอดถอนฝ่าบาท ฝ่าบาทจำต้องหลบไปก่อน ผู้บัญชาการฮั่ว โปรดพาฝ่าบาทเข้าพระราชวังและห้ามมิให้เสด็จออกไปข้างนอก อีกอย่างให้จับตัวขันทีในหน่วยพระราชวังชั้นในออกมาให้หมด ! ”
“งานประชุมราชสำนักจะดำเนินต่อไปโดยมีเสนาบดีทั้งสามฝ่ายเป็นผู้จัดการประชุม ! ”