นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1333 การต่อสู้เต็มรูปเเบบ
ตอนที่ 1333 การต่อสู้เต็มรูปเเบบ
ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด
หลี่ฉางชู่กับซุนเอ้อร์หู่เเละเผิงเฉิงรวมเป็นกลุ่มเดียวกัน พวกเขาค่อย ๆ เดินไปที่คลังสรรพาวุธที่ใหญ่ที่สุดซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองปาแลร์โม
กองทัพต้าเซี่ยบุกเข้ามาประชิดพรมแดน บัดนี้เมืองปาแลร์โมได้ออกนโยบายห้ามออกจากเคหสถานในยามวิกาล ดังนั้นจึงไร้ซึ่งผู้คนตามตรอกซอยต่าง ๆ จะมีก็แค่ทหารที่ออกลาดตระเวนเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าเเม่ทัพมิชาลผู้นี้ มิได้ประมาทกองทัพของต้าเซี่ยแม้แต่น้อย แม้ว่าบัดนี้ทหารต้าเซี่ยจะปักหลักอยู่บนเทือกเขาพีเรนีสอยู่ก็ตาม เขาได้เตรียมการป้องกันการจู่โจมอย่างกะทันหันของกองทัพต้าเซี่ยเป็นอย่างดี
บัดนี้แม่ทัพมิชาลอยู่ที่หน่วยบัญชาการทหารสูงสุดโดยมิได้หลับได้นอน
เขานั่งจับพู่กันขนห่านอยู่หน้าโต๊ะเพื่อเขียนจดหมายถึงสมเด็จพระราชินีมารีอาที่สอง
“…กองทัพศัตรูได้มาถึงเทือกเขาพีเรนีสดั่งที่ฝ่าบาททรงทำนายเอาไว้ บัดนี้พวกมันประจำการอยู่บนเทือกเขาพีเรนีส คาดว่าคงกำลังหาโอกาสที่เหมาะสมสำหรับเปิดศึก”
“จากการสำรวจของสายลับ คาดว่ากองทัพของข้าศึกมีกำลังพล 400,000 นาย กระหม่อมพอจะได้ยินเรื่องราวของพวกเขาที่จักรวรรดิซิลูซิดมาบ้าง อาวุธของพวกมันยอดเยี่ยมและร้ายกาจกว่าปืนเหมาเซ่อของพวกเรา นอกจากนี้พวกข้าศึกยังมีอาวุธอีกหนึ่งอย่างที่เรียกว่าเรือเหาะซึ่งสามารถเหาะเหินบนท้องนภาได้ ข้าศึกใช้เรือเหาะยึดครองเมืองฝูสั่วแห่งจักรวรรดิซิลูซิดภายในเวลาครึ่งวัน นี่จึงเป็นเหตุให้กระหม่อมมิกล้าที่จะประมาทเป็นอย่างยิ่ง จึงได้สร้างป้อมปราการขึ้นมาที่เมืองปาแลร์โมหลายเเห่งด้วยกัน”
“…พระองค์โปรดวางพระทัย กระหม่อมได้ตัดสินใจที่จะปกปักษ์รักษาเมืองปาแลร์โมเอาไว้ และจะมิออกนอกเมืองไปทำศึกเป็นอันขาด กระหม่อมจะมิมีทางเปิดโอกาสให้ศัตรูเด็ดขาด ! ”
“…ที่ราบสีทองจะเป็นหลุมฝังศพของพวกมัน ! ”
มิชาลเขียนบรรยายยาวสามหน้ากระดาษ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา ขอเพียงแค่ยืนหยัดรักษาเมืองปาร์แลร์โมเอาไว้ได้ เพียงแค่สกัดกั้นการรุกคืบเข้าสู่ทิศประจิมเอาไว้ได้ นี่จะเป็นคุณประโยชน์มหาศาล
หลังจากมีชัยเหนือข้าศึกในครานี้ ข้าก็จะได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาทเป็นดยุก ซึ่งยศถาบรรดาศักดิ์นี้จะสืบทอดต่อไปสู่ลูกหลานตราบชั่วนิรันดร์ !
ในตอนนั้นเอง องค์รักษ์นายหนึ่งวิ่งปรี่เข้ามาด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็โค้งกายคารวะ “ท่านเเม่ทัพ ข้าศึกมีการเคลื่อนไหวขอรับ ! ”
มิชาลขมวดคิ้วเล็กน้อย “ว่ามาสิ…”
“หอคอยตรงกำแพงเมืองทางทิศตะวันออก สังเกตเห็นข้าศึกกำลังเคลื่อนพลลงมาจากเทือกเขาพีเรนีสขอรับ ! ”
“พวกมันคงจะรีบร้อนโจมตีเมืองสินะ ? ”
มิชาลชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปกำชับองครักษ์นายนั้นว่า “สั่งการให้นายพลวิตตันขึ้นประจำการบนกำเเพงเมืองเพื่อควบคุมศึก ! ”
“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง ! ”
“ช้าก่อน...สั่งให้ท่านนายพลโบเออร์เสริมกำลังป้องกันคลังสรรพาวุธและโกดังเสบียงด้วย เพราะข้าศึกสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ! ระวังอย่าให้พวกมันเข้ามาในเมืองเพื่อระเบิดทำลายทรัพย์สินของพวกเราได้ ! ”
องค์รักษ์นายนั้นได้จากหน่วยบัญชาการทหารขั้นสูงสุดไป มิชาลลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบสุราจากในตู้ออกมานั่งดื่มกับสหายเก่าแก่ที่นั่งอยู่เบื้องหน้า
คนผู้นั้นก็คือ…แกรนด์ดยุกไลเดน ผู้รับผิดชอบราชวงศ์ฝูหล่างจีและเป็นพระปิตุลาของสมเด็จพระราชินี !
การที่สมเด็จพระราชินีทรงมีพระราชรับสั่งให้ส่งท่านเเกรนด์ดยุกมาที่นี่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์เเล้วว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับอสุรกายจากแดนบูรพามากเพียงใด
หลายวันมานี้ท่านแกรนด์ดยุคไลเดนได้เห็นแม่ทัพมิชาลเตรียมการทุกอย่าง เขารู้สึกพึงพอใจในตัวแม่ทัพท่านนี้เป็นอย่างยิ่ง
ในความเห็นของเขาแล้วนั้น เขาคิดว่าอสุรากายจากแดนตะวันออกแค่ 400,000 คนต่อให้เหาะเหินเดินอากาศได้ พวกเขาก็มิมีหนทางที่จะโจมตีเมืองปาแลร์โมที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กนี้ได้
มิชาลรินสุราสองจอก จากนั้นก็มอบอีกจอกให้แก่แกรนด์ดยุคไลเดนพร้อมเอ่ยว่า “ช่วงนี้ท่านแกรนด์ดยุคอาจจะต้องลำบากสักเล็กน้อย ทว่าการที่อสุรกายเหล่านี้รีบยกทัพเข้ามาก็ถือว่าเป็นเรื่องดี หากข้ากำจัดอสุรกายเหล่านี้หมดเมื่อใด ท่านแกรนด์ดยุคจะได้นอนหลับเต็มที่สักที”
แกรด์ดยุคไลเดนยกจอกสุราขึ้นมาแล้วโบกมือปัด “ลำบากท่านแม่ทัพต่างหาก ข้าเริ่มชราแล้ว ทั้งยังว่างงานมิมีอันใดทำ คนเราเมื่อแก่ตัวลงก็จะนอนมิหลับเป็นเรื่องปกติ”
ท่านแกรด์ดยุคไลเดนลิ้มรสสุราแล้วเอ่ยต่อว่า “ท่านแม่ทัพต้องระมัดระวังเรื่องการโจมตีของข้าศึกจากท้องนภาเป็นพิเศษ แม้จะมีที่กำบัง แต่ถ้าหากข้าศึกกระหน่ำทุ่มระเบิดล่ะก็ เกรงว่าจะสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ชาวเมืองทั้งหลาย”
“ท่านแกรนด์ดยุคได้โปรดวางใจ ถ้าหากว่าข้าศึกต้องการจะโจมตีกลางอากาศขึ้นมาจริง ๆ ชาวเมืองจะต้องย้ายไปยังสถานที่หลบภัย เมืองปาแลร์โมได้สร้างสถานที่หลบภัยมากกว่าหนึ่งพันแห่ง เพื่อรับมือกับการโจมตีทางอากาศของข้าศึกนั่นเอง”
“จริงสิ” มิชาลโน้มกายลงไปใกล้แล้วเอ่ยกระซิบถามว่า “ท่านแกรนด์ดยุค มิทราบว่าสมเด็จพระราชินีทรงมีคำทำนายหรือไม่ว่าศึกครานี้พวกเราจะแพ้หรือชนะ ? ”
แกรด์ดยุคส่ายศีรษะ “ตอนที่ข้าออกเดินทางมาจากบาห์เรนเคยได้เอ่ยถามสมเด็จพระราชินีเช่นกัน พระองค์ตรัสว่ามิอาจมองเห็นนิมิตได้อย่างชัดเจน ดังนั้นยิ่งต้องระมัดระวัง”
“พระราชินียังตรัสอีกว่าศึกบนภาคพื้นทวีปครานี้มีความสำคัญยิ่งนัก ศึกที่เมืองปาแลร์โมเป็นศึกที่สำคัญมากที่สุด สมเด็จพระราชินีทรงบัญชาการณ์กองทัพเรือด้วยพระองค์เอง เพราะทางมหาสมุทรมีกองทัพเรือจากแดนบรูพารุกคืบเข้ามาเช่นกัน และเกรงว่าจะเป็นวิกฤตที่สาหัสที่สุดนับตั้งแต่สถาปนาประเทศขึ้นมา”
มิชิาลตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน “อสุรกายเหล่านั้นมาจากแดนตะวันออกเช่นกันหรือ ? ”
มิชาลพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “กองทัพเรือของพวกเรามีทั้งสิ้น 6 กองทัพด้วยกัน มีเรือ 3,000 ลำ นี่ถือเป็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่สมเด็จพระราชินีทรงตั้งพระทัยให้มีการต่อสู้เต็มกำลังเช่นนี้ ก็เพื่อที่จะเป็นตัวพิสูจน์ความเก่งกาจของกองทัพศัตรู ! ”
มิชาลสูดหายใจเข้าไปลึก จากนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “ได้ยินมาว่าดินแดนทางตะวันออกนั้นตั้งอยู่ไกลแสนไกลจากพวกเรา ทว่าผู้รุกรานเหล่านี้กลับยกทัพเข้ามาถึงสองเส้นทางด้วยกัน”
“ดังนั้นแล้วพวกเราจะต้องชนะทั้งศึกทางมหาสมุทรและทางบก ! ”
แกรนด์ดยุกไลเดนกระดกสุราในจอกจดหมดเกลี้ยง แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “สมเด็จพระราชินีทรงตรัสว่า…เมื่อกำจัดกองทัพศัตรูทั้งทางมหาสมุทรและทางบกได้เมื่อใด พระองค์จะนำกองทัพเรือแห่งจักรวรรดิไปพิชิตแดนตะวันออกเป็นการส่วนพระองค์”
“ไปพิชิตดินแดนอันอุดมสมบูรณ์นั่น ! แล้วทำให้ดินแดนบูรพาอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้น กลายเป็นประเทศราชของพวกเรา ! ”
“หลังจากที่เจ้าชนะศึกเมืองปาแลร์โมในครานี้แล้วนั้น ฝ่าบาทย่อมออกพระราชโองการให้แก่เจ้า โดยให้เจ้าเป็นผู้จัดตั้งกองทัพพิชิตแดนไกลแห่งจักรวรรดิ ซึ่งจะเดินทางไปยังดินแดนบูรพาอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้น ! ”
มิชาลรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันใด เขานั่งตัวตรงแล้วตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้ามิมีทางทำให้ฝ่าบาทต้องผิดหวัง ! ”
เมื่อสิ้นเสียง องค์รักษ์นายหนึ่งก็วิ่งเข้ามา
เขายืนอยู่เบื้องหน้าของมิชาล จากนั้นก็โค้งกายลงเพื่อคารวะ “รายงานท่านแม่ทัพ เรือเหาะ… เรือเหาะของข้าศึกได้ผงาดขึ้นสู่ท้องนภาแล้วขอรับ ! ”
มิชาลลุกพรวดขึ้นมา “ท่านแกรนด์ดยุกจงพักผ่อนอยู่ที่นี่เถิด ข้าจะไปดูเรือเหาะของข้าศึกบนกำแพงสักหน่อย ! ”
เขาสวมชุดเกราะแล้วเดินออกไปจากหน่วยบัญชาการทหารขั้นสูงสุด เขาเดินไปยังกำแพงฝั่งตะวันตกโดยมีทหารองค์รักษ์คอยคุ้มกัน 3,000 นาย
ในขณะเดียวกัน พวกหลี่ฉางซู่ก็ได้หลบกองทหารลาดตระเวนนับครามิถ้วน จนในที่สุดก็อยู่ห่างจากคลังสรรพาวุธทางตะวันออกเฉียงใต้ไปราว 10 จั้ง
ในคลังสรรพาวุธมีแสงสว่างทั่วบริเวณ หลี่ฉางซู่ยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมา จากนั้นก็ต้องขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
เพราะที่คลังสรรพาวุธมีป้อมยามล้อมรอบ และแต่ละป้อมมีทหารยืนอยู่สามคนพร้อมด้วยอาวุธครบมือ
ส่วนด้านในของคลังสรรพาวุธนั้นมีทหารคอยลาดตระเวนมิขาดสาย จากการสังเกตพบว่าพวกเขาแทบจะมิเหลือช่องว่างระหว่างกองเลย
เช่นนี้ข้าจะมีโอกาสเข้าไปใกล้คลังสรรพาวุธได้เยี่ยงไรกัน ?
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็ได้ยกกล้องส่องทางไกลขึ้นส่องอีกครา พลันเห็นเรือเหาะผุดขึ้นมาเต็มท้องนภาอันมืดมิด
ซึ่งมิใช่แค่เรือเหาะ 2 ลำ เพื่อคุ้มกันกองทหารจู่โจม 1,000 นาย กวนเสี่ยวซีได้สั่งการให้ทหารอากาศออกรบทั้งหมด !
“หัวหน้า พวกเราจะทำเยี่ยงไรดี ? ” ซุนเอ้อร์หูเอ่ยถาม
“รอก่อน รอให้กองทัพอากาศของพวกเราโจมตีระลอกแรกเสียก่อน ! ” หลี่ฉางซู่ยิ้มร่าพลางเอ่ยตอบ