นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1351 คาดหวัง
ตอนที่ 1351 คาดหวัง
นี่เป็นคราแรกที่กองทัพเรือต้าเซี่ยและกองทัพเรือฝูหล่างจีปะทะกันในรอบสี่ปี
ในการปะทะครานี้ ต้าเซี่ยมีเรือรบทั้งสิ้น 180 ลำ ส่วนฝูหล่างจีมีเรือรบเพียงแค่ 60 ลำเท่านั้น
ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความก้าวหน้าทางการทหารเป็นอย่างยิ่ง แต่ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีของต้าเซี่ยจะพัฒนาไปเร็วกว่าเล็กน้อย
เรือรบลำใหญ่ขึ้น สามารถวิ่งได้เร็วกว่าเดิมและทรงพล่านุภาพมากขึ้น ความมั่นคงของปืนใหญ่ก็ก้าวหน้ามากเช่นกัน จึงทำให้ยิงได้แม่นยำมากขึ้น
อีกทั้งยังมีระบบบัญชาการที่ล้ำหน้า แม้จะยังจำเป็นต้องใช้ทหารถ่ายทอดคำสั่งและใช้สัญลักษณ์ธง ทว่าเรือรบแต่ละลำก็มีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว
และด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ทั้งสองได้ปะทะกันร่วมหนึ่งชั่วยาม แกรนด์ดยุกวิลเลียมก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง…
กองทัพเรือต้าเซี่ยจู่โจมทั้งฝั่งซ้ายและขวา เดิมทีเขาคิดจะให้เรือรบรวมกลุ่มอยู่ที่เดียวเพื่อยิงเรือรบต้าเซี่ยที่กำลังคืบหน้าเข้ามาให้แหลกสลาย เดิมทีคิดว่าการทำเช่นนี้อย่างน้อยก็อาจจะต้านทานการจู่โจมของต้าเซี่ยได้ราวครึ่งวันเพื่อถ่วงเวลาให้กองหนุนตามมาสมทบ ทว่าบัดนี้…
เรือรบ 60 ลำของเขาถูกปืนใหญ่ต้าเซี่ยโจมตีอย่างหนักหน่วงจนมิสามารถต่อต้านได้เลย !
ระยะกระสุนเป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงที่สุด เขาทำแม้กระทั่งบุกเข้าไปท่ามกลางห่ากระสุนของต้าเซี่ยอย่างมิกลัวตาย เพื่อที่จะให้กระสุนจากฝั่งของตนสร้างความเสียหายให้แก่กองทัพเรือต้าเซี่ยได้บ้าง
แพ้ เช่นนี้คงต้องแพ้สถานเดียวเท่านั้น
แต่ต่อให้ต้องแพ้ก็ต้องยิงเรือต้าเซี่ยให้จมดิ่งสู่ก้นมหาสมุทรสักสองสามลำ
แต่หลังจากเวลาผ่านไปสองชั่วยาม แกรนด์ดยุกวิลเลียมก็ต้องสิ้นหวังเสียเต็มประดา
เรือรบ 28 ลำของเขาได้ทำการบุกเข้าไปโจมตี แต่ท่ามกลางความโกลาหลนั้น จึงทำให้ประสิทธิภาพในการสั่งการต่ำลงจนน่าเวทนา หรือต่อให้สั่งการได้แต่ก็แทบจะมิเกิดอันใดกับเรือของฝ่ายตรงข้ามเลย
ศึกครานี้จะรบต่อไปเยี่ยงไร ?
กองทัพเรืออันทรงเกียรติที่สามารถพิชิตทวีปยุโรปได้ แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าทหารต้าเซี่ยก็มีสภาพมิต่างอันใดจากเด็กน้อย
กองทัพเรือที่แข็งแกร่งเพียงนี้ ต่อให้กองทัพเรือของฝูหล่างจีทั้งหมดมาสู้รบพร้อมกัน ก็เกรงว่าจะมิใช่คู่มือที่เหมาะสมของต้าเซี่ยอยู่ดี
เขาวางกล้องส่องทางไกลลงแล้วหันไปมองรอบกาย บนมหาสุมทรอันกว้างใหญ่ สิ่งที่ตนมองเห็นในตอนนี้คือเรือรบของฝ่ายตนที่มีเปลวไฟลุกโชนและกำลังจมดิ่งลงไปใต้มหาสมุทร พวกเขามิมีแม้กระทั่งหนทางให้หลบหนี
บัดนี้หากรวมเรือรบของตนที่เป็นเรือธงแล้วล่ะก็… จะยังคงเหลือเรือรบที่สามารถต่อสู้ได้อีกเพียง 10 ลำ
แกรนด์ดยุกวิลเลียมได้ออกคำสั่งสุดท้ายท่ามกลางสถานการณ์ที่สิ้นหวัง…
“บุกเข้าไปต่อให้ต้องชนก็จำต้องทำให้เรือของศัตรูจมลงไปให้ได้ ! ”
……
……
เรือฉางอันซึ่งอยู่ในกองทัพเรือที่หนึ่งมิได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับศึกครานี้เลยด้วยซ้ำ
ฟู่เสี่ยวกวนที่กำลังนอนหลับฝันดีถูกเสียงกระสุนปลุกให้ตื่นจากการหลับไหล เขานวดคลึงดวงตาแล้วลุกขึ้นจากเตียง จากนั้นก็เดินมาไปยังแท่นบัญชาการ จั่วมู่ยื่นกล้องส่องทางไกลไปให้เขา “นอนหลับสบายหรือไม่ ? ”
“อืม…” ฟู่เสี่ยวกวนรับกล้องส่องทางไกลจากเขามาถือไว้ จากนั้นก็ยกขึ้นมาส่อง “และข้ายังฝันอีกต่างหาก ในฝันพวกเราได้กลับไปยังต้าเซี่ย องค์จักรพรรดิกำลังพระราชทานรางวัลแห่งเกียรติยศให้แก่พวกเจ้า…”
เขามองไปเบื้องหน้าแล้วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “รบเสร็จแล้วหรือ ? ”
“ใกล้จะเสร็จแล้ว”
“เอาเถิด” ฟู่เสี่ยวกวนคืนกล้องส่องทางไกลให้แก่จั่วมู่แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ข้ายังฝันอีกว่าองค์จักรพรรดิทรงสร้างจัตุรัสขนาดใหญ่ยักษ์ขึ้นมานอกเมืองหลวงฉางอัน และทรงสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นมา… อนุสาวรีย์นั้นสลักนามของผู้ที่เสียสละทุกคนตั้งแต่สถาปนาต้าเซี่ยขึ้นมา”
“การจะก่อสร้างประเทศที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ จำเป็นต้องพึ่งพาการร่วมแรงร่วมใจของคนทั้งประเทศ พึ่งพาความแข็งแกร่งของประเทศ ความแข็งแกร่งทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงทหารผู้แข็งแกร่งซึ่งมิเกรงกลัวต่อคำว่าพ่ายแพ้ทั้งหลาย ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนหรี่ตาลง จากนั้นก็มองไปที่ดวงสุริยาซึ่งกำลังส่องแสงสว่างเจิดจ้า “ข้ามิได้ชื่นชอบการสู้รบแต่อย่างใด แต่เพื่อให้ต้าเซี่ยได้ยืนหยัดอย่างมั่นคง และเพื่อพลังแห่งวาทกรรมของต้าเซี่ยต่อใต้หล้าในอนาคต ดังนั้นจึงมีเหตุจำเป็นต้องทำศึกพิชิตแดนไกลครานี้”
“ข้าทราบดีว่าเหล่าทหารต่างก็ลำบากมาตลอดทาง แต่จะต้องยืดหยัดต่อไป…ยืนหยัดจนกระทั่งข้าและฝูหล่างจีได้ลงนามในสนธิสัญญาแล้วเสร็จ จากนั้นพวกเราก็จะกลับบ้านสักที”
คำว่ากลับบ้าน ทำให้จั่วมู่และฟางจาวหยางที่หน้าดำคร่ำเครียดเผยรอยยิ้มออกมา
“ท่านกล่าวว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่ ทั้งยังมีสถานที่อีกมากมายที่พวกเรามิเคยไปมิใช่หรือ ? ”
“ก็ใช่น่ะสิ แต่ข้าคิดว่าเรื่องที่เหลือส่งต่อให้ลูกหลานของพวกเรารับช่วงต่อเถิด”
ฟู่เสี่ยวกวนกวักมือเรียกทั้งสองคนมาที่โต๊ะชาบนดาดฟ้าเรือ จากนั้นก็จัดแจงต้มชาพลางเอ่ยว่า “การสำรวจเป็นกระบวนการที่ยาวนาน มันมิใช่เรื่องที่คนรุ่นเราสามารถทำจนแล้วเสร็จได้”
“มันลึกล้ำดั่งมหาสมุทร ข้าคาดว่าน่าจะมีมหาสมุทรสี่แห่งและภาคพื้นทวีปเจ็ดทวีปด้วยกัน… ทว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น”
“หลังจากที่ลงนามทางการค้ากับทวีปยุโรปเสร็จสิ้นแล้ว กองทัพต้าเซี่ยจะใช้พื้นที่ของหลากหลายประเทศเพื่อสร้างท่าเรือทางการทหารขึ้นมา… ดังนั้นแล้วหนทางการพัฒนาของกองทัพเรือเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเอง”
“จุดประสงค์ก็เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประเทศที่ร่วมทำสัญญากับต้าเซี่ย ประการที่สองคือเส้นทางเดินเรือนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของต้าเซี่ย พวกเราจำต้องรักษาเส้นทางเหล่านี้เอาไว้ให้ดี เพื่อนำพาความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจมาให้แก่พ่อค้าชาวต้าเซี่ย รวมไปถึงราษฎรชาวต้าเซี่ยของพวกเรา”
สำหรับเรื่องศึกและสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามทางทะเล จั่วมู่มีความคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เขาทราบดีว่าเมื่อเส้นทางสายนี้ถูกบุกเบิกเมื่อใด มันจะเป็นดั่งเส้นทางทองคำของพ่อค้าชาวต้าเซี่ย แต่เขามิได้มองไปไกลเท่าที่ควร
“พวกเราต้องใช้เวลากว่าสองปีกว่าจะมีวันนี้ได้ ความเร็วของเรือพ่อค้ามิได้เร็วเท่าเรือรบของพวกเรา กว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่คงต้องใช้เวลากว่าสามปี”
ฟู่เสี่ยวกวนรินชาให้ทั้งสองคนคนละหนึ่งถ้วย “สามปี ไปกลับก็หกปี แต่หากไปกลับแล้วสามารถสร้างรายได้เท่ากับระยะเวลาสิบปี… พวกเจ้าคิดว่าพวกเขาจะยอมมากันหรือไม่ ? ”
“เมื่อได้ผลกำไรมหาศาล เหล่าพ่อค้าย่อมหวังจะร่นเวลาเพื่อที่จะหาเงินได้มากกว่า ดังนั้นพวกเขาย่อมคิดที่จะว่าจ้างผู้ที่เก่งกาจด้านวิทยาศาสตร์อย่างแน่นอน เพื่อวิจัยแรงขับเคลื่อนให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น สิ่งนี้จะทำให้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด…”
ฟู่เสี่ยวกวนยกถ้วยชาขึ้นมา จากนั้นก็ทอดสายตามองมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เเล้วหวนคิดถึงโลกที่เขาจากมาซึ่งเกือบจะเลือนหายไปในความทรงจำ ครู่หนึ่งหลังจากนั้นเขาจึงจิบชาพลางเอ่ยว่า “สักวันหนึ่งเรือจากต้าเซี่ยที่เดินทางมายังทวีปยุโรปอาจจะใช้เวลาแค่มิกี่เดือนเท่านั้น”
เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องนภา “สักวันหนึ่งจะมีเครื่องบินลำยักษ์บินอยู่เหนือท้องนภา…มีขนาดใหญ่กว่าเรือเหาะของพวกเรามากนัก สามารถบินจากต้าเซี่ยมายังทวีปยุโรปใช้เวลาเพียงมิกี่ชั่วยามเท่านั้น”
ฟางจาวหยางอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง พร้อมเอ่ยถามด้วยความมิอยากจะเชื่อ “มันเป็นไปได้จริงหรือ ? ”
“เหอะ ๆ ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ สิ่งที่จะกระตุ้นความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็คือเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงมิเคยดูแคลนอาชีพค้าขายเลย ข้าพยายามกระตุ้นการค้าและยกระดับพ่อค้าตั้งแต่แรกเริ่ม จึงทำให้เกิดกฎหมายการค้าขึ้นมา ทั้งยังจัดตั้งกรมการค้าเพื่อคอยบริการพ่อค้าโดยเฉพาะ”
“ข้าหวังว่าอนาคตของต้าเซี่ยจะเดินไปตามทิศทางนี้ต่อไป”
“ข้าหวังว่าฝ่าบาทจะทรงเข้าใจถึงจุดนี้ ภายใต้ความช่วยเหลือของพวกเยี่ยนซีเหวิน และสืบทอดความเข้าใจนี้จนชั่วลูกชั่วหลาน”
ฟู่เสี่ยวกวนมิทราบเลยว่าอู๋เทียนซื่อที่ตนคาดหวังเป็นหนักเป็นหนานั้น บัดนี้ถูกเยี่ยนซีเหวินปลดออกจากตำแหน่ง และถูกกักขังเอาไว้ในพระราชวัง เส้นทางเดินเรือของต้าเซี่ยเกือบจะเบี่ยงเบนออกนอกลู่นอกทางไปเสียแล้ว
ดวงไฟที่จุดขึ้นมาอย่างลำบากยากเย็นก็เกือบต้องดับสนิทลงไปแล้ว