นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1352 เหยียบแผ่นดิน
ตอนที่ 1352 เหยียบแผ่นดิน
ศึกเกาะสเตอร์ได้ปิดฉากลงในยามเช้าตรู่
เรือรบของกองทัพเรือที่หนึ่งภายใต้การบัญชาการของแกรนด์ดยุกวิลเลียมได้พลิกคว่ำทั้งหมด 60 ลำ มิมีเรือลำใดที่สามารถหลบหนีจากการโจมตีของกองทัพเรือต้าเซี่ยได้ ทว่าเรือธงของวิลเลียมก็มิได้ยอมแพ้แต่อย่างใด เขายืนอยู่บริเวณหัวเรือ แล้วออกคำสั่งให้บุกโจมตีกองทัพเรือต้าเซี่ยดั่งผีเสื้อราตรีบุกเข้ากองไฟ
เรือธงของเขาถูกยิงถึงสามนัดด้วยกัน เขาหลับตาลงท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังลั่น
เรือเสบียงกว่าครึ่งของกองทัพเรือร่วมได้อ้อมสนามรบนี้เพื่อเดินทางไปยังเกาะสเตอร์ ทหารเรือ 30,000 นายที่ประจำการอยู่บนเรือเสบียงได้ขึ้นไปบนเกาะและโจมตีทหารรักษาการณ์จนแตกพ่ายภายในระยะเวลาแค่ 2 ชั่วยาม จากนั้นก็ทำการยึดครองเกาะสเตอร์ซึ่งเป็นฐานริมทะเลได้สำเร็จ
ทหารเรือทั้งสองหมื่นนายได้กวาดล้างทหารที่เหลือของฝ่ายศัตรู ส่วนจั่วมู่ยืนออกคำสั่งอยู่บนเรือฉางอัน…
นอกจากกองทัพเรือที่หนึ่งแล้ว กองทัพเรืออีกห้ากองทัพที่เหลือล้วนเดินหน้าเข้าไปบริเวณน่านน้ำของเกาะสเตอร์ และปักหลักรักษาการณ์อยู่ห่างจากเกาะสเตอร์ไปราว 10 ลี้
กองทัพเรือที่หนึ่งจอดเทียบท่าเรือบริเวณเกาะสเตอร์ ฟู่เสี่ยวกวนและคนอื่น ๆ ได้ขึ้นมาเหยียบบนผืนปฐพีต่างแคว้นแดนไกล
ทันใดนั้นเอง กองทัพเรือที่สองและสามราว 120 ลำซึ่งประจำการอยู่บริเวณเกาะโพกะรากำลังมุ่งหน้ามาอย่างเต็มกำลังโดยมีแกรนด์ดยุกบุรัคเป็นผู้บัญชาการทั้งสองกองทัพ
แกรนด์ดยุกบุรัคยืนอยู่บนหอบัญชาการ เขาทอดสายตามองมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ภายใต้แสงอาทิตย์รำไร
เขาชื่นชอบมหาสมุทรเป็นอย่างมาก และยิ่งโปรดปรานแสงสุริยาสีแดงฉานที่สาดส่องลงบนผืนน้ำเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าบัดนี้เขากลับมิได้รู้สึกโปรดปรานมากขนาดนั้น
หลังจากที่เขาได้รับข่าวจากเรือเร็วของกองทัพเรือที่หนึ่ง เขาก็รีบบัญชาการให้ทั้งสองกองทัพพุ่งตรงมายังเกาะสเตอร์ทันที
เขาผ่านศึกสงครามมานับร้อยศึก ชื่อเสียงของเขากึกก้องไปทั่วทั้งทวีปยุโรป แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าศัตรูของเขาครานี้เป็นศัตรูที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา !
เขาเป็นพสกนิกรที่จงรักภักดีต่อสมเด็จพระราชินีมารีอาที่สองมากที่สุด เขาเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่พระนางทรงกำชับให้ระมัดระวังนั้นมิใช่สิ่งที่เกินกว่าเหตุอย่างแน่นอน
อสุรกายจากแดนบรูพาได้มาเยือนแล้วจริง ๆ
ผืนปฐพีนี้จะถูกไฟสงครามทำลายสิ้น
พวกเขามีเรือรบที่แข็งแกร่งและมีปืนใหญ่ที่ทรงอานุภาพ ทั้งยังมีกองทัพบกที่โหดเหี้ยมอำมหิตอีกด้วย
ทว่าเรื่องทหารบกนั้น เขามิจำเป็นต้องกังวล เพราะเขาเชื่อว่ากองทัพบกต้าเซี่ยคงมิอาจฝ่าด่านที่เมืองปาแลร์โมมาได้
เขาจำต้องปกป้องแนวป้องกันที่หนึ่งและสองเอาไว้ หากว่ามิสามารถรักษาเอาไว้ได้… กองทัพเรือฝ่ายศัตรูอาจจะทะลวงเข้ามาสู่แนวป้องกันที่สามบริเวณน่านน้ำฝูหล่างจีได้ และนั่นคือแนวป้องกันสุดท้ายของจักรวรรดิ
บัดนี้เวลาได้ล่วงเลยไปหนึ่งวันเต็ม ๆ ทว่ายังไร้ซึ่งวี่แววของข่าวสารใด ๆ และมิทราบเช่นกันว่าแกรนด์ดยุกวิลเลียมจะยืนหยัดรักษาเกาะสเตอร์เอาไว้ได้หรือไม่ หรือว่าต่างฝ่ายต่างเผชิญหน้ากับทางตันก็เป็นได้
หลังจากที่ได้ยินว่ากองทัพศัตรูยกทัพมานับร้อยลำ หัวใจของจอมทัพบุรัคก็ได้ร่วงดิ่งลงสู่หุบเหว ในขณะที่กองทัพเรือกำลังจะออกเดินทางนั่นเอง เขาได้ส่งเรือเร็วไปยังท่าเรือไมเจอร์ลิน
ท่าเรือไมเจอร์ลินเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิ และเป็นแนวป้องกันที่สามของจักรวรรดิ
ที่นั่นมีกองทัพเรือที่สี่ ห้าและหกของจักรวรรดิกว่าสองร้อยลำ
และที่นั่นก็มีแกรนด์ดยุกโมซีผู้มีชื่อเสียงลือเลื่องนั่งแท่นบัญชาการ แต่ในสายพระเนตรของสมเด็จพระราชินีแล้วนั้น ถ้าหากว่าอสุรกายจากแดนบรูพามาเยือนอย่างแท้จริง ศึกสงครามบริเวณแนวป้องกันที่สองต่างหากถึงจะเป็นศึกที่มีความสำคัญที่สุด
ความหมายโดยนัยก็คือ…ถ้าหากว่าแนวป้องกันที่สองถูกข้าศึกโจมตีเมื่อใด ต่อให้แนวป้องกันที่สามมีความสามารถแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ยากที่จะได้เปรียบแล้ว
ตนกำลังแบกความไว้พระทัยของฝ่าบาทเอาไว้บนบ่า อนาคตของจักรวรรดิล้วนขึ้นอยู่กับตนแล้ว !
ว่าแต่ศัตรูแข็งแกร่งไร้เทียมทานถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ?
แกรนด์ดยุกบุรัคมิได้ระแวงสงสัยในเรื่องนี้แม้แต่น้อย เขากลับมองว่าฝูหล่างจีที่สามารถรวบรวมหลายประเทศในทวีปยุโรปได้นั้น ย่อมมีกองทัพเรือที่แข็งแกร่งเหนือผู้ใดในใต้หล้า
ถ้าหากว่ากองทัพศัตรูแข็งแกร่งมากกว่ากองทัพเรือของฝูหล่างจี เช่นนั้นมันเป็นกองทัพแบบใดกัน ?
ในขณะที่แกรนด์ดยุกบุรัคกำลังนึกภาพอยู่นั้น ผู้ช่วยของเขาก็วิ่งปรี่เข้ามาด้วยท่าทีรีบร้อน
“ท่านแกรนด์ดยุกที่เคารพ มองเห็นกองทัพศัตรูแล้วขอรับ…เป็นกองทัพขนาดใหญ่มหึมา ! ”
แกรนด์ดยุกบุรัคตื่นตกใจขึ้นมาทันใด เขารีบยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่อง ทันใดนั้นก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง…
ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง บนผืนมหาสมุทรที่เงียบสงบ มีกองทัพเรือขนาดใหญ่โตแน่นขนัด !
แท้ที่จริงเรือพวกนั้นมิได้ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย พวกมันกำลังลอยล่องอยู่บนมหาสมุทร ราวกับปิศาจร้ายกินเนื้อที่คอยอ้าปากกว้างจ้องจะเขมือบ
ตำแหน่งที่กองทัพเรือตั้งอยู่เลยเกาะสเตอร์ออกมาเล็กน้อย…. ภายใต้ขอบเขตที่สายตาสามารถกวาดไปถึงนั้น เขามิเห็นเงากองทัพเรือที่หนึ่งของฝูหล่างจีแม้แต่ลำเดียว มิมีแม้กระทั่งควันไฟแห่งสงครามด้วยซ้ำ นี่หมายความว่ากองทัพเรือที่หนึ่งของจักรวรรดิได้ถูกกวาดล้างจนราบคาบ และศึกครานี้ก็ใช้เวลาสั้นมากยิ่งนัก สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ากำลังรบของศัตรูนั้นมิธรรมดา !
“ข้าขอออกคำสั่ง…ให้กองทัพหยุดรุกคืบไปด้านหน้า ! ”
“จงฟังคำสั่ง…ให้เรือรบแต่ละลำเตรียมตัวให้พร้อม ! ”
“จงจับตามองการเคลื่อนไหวของเรือรบศัตรูอย่างใกล้ชิด หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ให้รายงานข้าในทันที ! ”
บนผืนมหาสมุทรแห่งนั้น กองทัพเรือร่วมต้าเซี่ยและกองทัพเรือที่สองกับสามของฝูหล่างจีต่างก็ได้เผชิญหน้ากันแล้ว แต่กลับมิมีการเป่าแตรประกาศสงครามแต่อย่างใด
ตอนนี้ฟู่เสี่ยวกวน จั่วมู่รวมถึงฟางจาวหยางและองค์รักษ์อีก 1,000 นายได้ขึ้นมาบนเกาะสเตอร์ พวกเขาได้นำคนกลุ่มหนึ่งสำรวจตรวจตราบนท่าเรือ ต่างก็รู้สึกชอบใจยิ่งนัก
ที่นี่เป็นท่าเรือขนาดใหญ่และมีสภาพแวดล้อมดีเยี่ยม มองเพียงปราดเดียวก็ทราบแล้วว่าฝูหล่างจีได้ทุ่มทุนสร้างท่าเรือแห่งนี้จำนวนมหาศาล
เพราะท่าเรือแห่งนี้มีอุปกรณ์ครบครัน มีท่าเทียบจอดเรือและมีโกดังสำหรับบำรุงรักษาเรือมากมาย ถ้าหากว่ากองทัพเรือต้าเซี่ยสามารถเข้ามาที่นี่ได้ ก็เท่ากับว่าได้กุมจุดยุทธศาสตร์ของน่านน้ำทวีปยุโรปเอาไว้แล้ว…
“เหล่าจั่ว ทิ้งเรือเสบียงไว้ที่นี่ 30 ลำ ให้นำสิ่งของและเสบียงเก็บไว้ในโกดังของที่นี่ จากนั้นจงเปลี่ยนเรือเสบียงเป็นเรือรบ... แม้ว่าความสามารถทางการรบจะด้อยกว่า แต่มันก็สามารถช่วยแบ่งเบาได้มากโข”
“ให้ทหารบนเรือเสบียง 30 ลำประจำการอยู่ที่นี่ชั่วคราว เพื่อรอพวกเรากลับมา”
“ให้พวกเขาสำรวจเกาะแห่งนี้ให้ดี หลังจากที่พวกเรากลับมาแล้วจะได้เริ่มวางแผนกัน บางที่นี่อาจจะเป็นท่าเทียบเรือที่สำคัญแห่งหนึ่งของต้าเซี่ยก็เป็นได้”
จั่วมู่พยักหน้า “รับทราบขอรับ…”
ทันใดนั้นเขาก็หันไปมองฟู่เสี่ยวกวนด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “ท่านมิคิดจะทำไร่ทำนาที่นี่เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะชอบใจพลางตบบ่าของจั่วมู่ “จะว่าไปความคิดของเจ้าก็มิเลว ทว่าเศรษฐีที่ดินของที่นี่คงจะมิใช่ข้า ข้าหวังว่าจะเป็นลูกหลานเหลนโหลนของพวกเรา ! ”
สายตาของฟู่เสี่ยวกวนจดจ้องไปยังแสงสุดท้ายของวัน จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า “ให้ราษฎรชาวต้าเซี่ยของพวกเราขยันผลิตทายาท ให้ชาวต้าเซี่ยกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ในใต้หล้านี้ ให้พวกเขาได้เป็นคนใหญ่คนโตได้รับความเคารพยกย่อง ต้าเซี่ยต้องประเทศที่ใหญ่ที่สุดและมีเกียรติมากที่สุด ! ”
จั่วมู่แทบจะจินตนาการมิออกเลยว่าเมื่อราษฎรชาวต้าเซี่ยได้ย่ำเท้าก้าวเข้ามาบนทวีปที่ไกลแสนไกลนี้จะเป็นเยี่ยงไรต่อไป คิดมิออกว่าเมื่อราษฎรชาวต้าเซี่ยมีการขยายเพิ่มขึ้นจะเป็นเยี่ยงไรต่อไป
ทุกคนในใต้หล้าต่างใช้ภาษาต้าเซี่ย
ทุกคนในใต้หล้าต่างใช้สกุลเงินของต้าเซี่ย
ทุกคนในใต้หล้าดำรงอยู่ตามความประสงค์ของต้าเซี่ย
นี่คือความงดงามของประเทศที่แข็งแกร่ง ประเทศที่จั่วมู่ถวิลหา !