นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1363 ราษฎรร่ำรวยประเทศชาติเข้มแข็ง
ตอนที่ 1363 ราษฎรร่ำรวยประเทศชาติเข้มแข็ง
มิมีผู้ใดสามารถตอบคำถามนี้ของคูฉานได้
หลังจากที่กองทัพที่หนึ่งของต้าเซี่ยจากประเทศต้าฝานไป หอเทียนจีก็มิได้ส่งข่าวคราวใดกลับมาอีกเลย ส่วนกองทัพเรือหลังจากที่ถอนสมอออกจากต้าเซี่ยก็ยังไร้ซึ่งวี่แววเช่นกัน
“ตอนที่พระองค์จะเสด็จจากไปนั้น พระองค์ทรงตรัสว่าการพิชิตยุโรปครานี้จำต้องใช้เวลาราวสามถึงห้าปี”
เยี่ยนซีเหวินวางจอกสุราลง สายตาจดจ้องไปยังเกล็ดหิมะที่ปลิวว่อนอยู่ภายใต้แสงไฟ “เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยไปสามปีแล้ว คาดว่าเขาคงใกล้กลับมาเต็มทีแล้วล่ะ”
เมื่อเอ่ยถึงฟู่เสี่ยวกวนทีไรก็รู้สึกเสียใจมิน้อย แม้ว่าทุกวันนี้ต้าเซี่ยจะอยู่ภายใต้การปกครองของสามสำนักอย่างเป็นปกติสุขดี แต่อย่างไรเสียการที่ปลดฝ่าบาทลงจากบัลลังก์ก็เป็นสิ่งที่พวกเขากังวลอยู่ดี
การประชุมราชสำนักคราใหญ่ในรัชสมัยต้าเซี่ยที่หก เดือนหนึ่ง วันที่แปด ถูกบันทึกไว้ในพงศาวดารเพราะนั่นเป็นการปลดองค์จักรพรรดิลงจากบัลลังก์คราแรกในประวัติศาสตร์โลก
เรื่องนี้ลงประกาศในหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ต้าเซี่ยเช่นกัน และในตอนนั้นทั่วทั้งต้าเซี่ยก็เดือดดาลขึ้นมา
ราษฎรมิอาจจินตนาการถึงประเทศใดประเทศหนึ่งที่มิมีองค์จักรพรรดิได้
ขุนนางน้อยใหญ่มิทราบว่าเมื่อไร้ซึ่งองค์จักรพรรดิแล้ว ต่อไปข้อพิจารณาหรือนโยบายต่าง ๆ จะดำเนินการเยี่ยงไร
ตอนนั้นทั่วทั้งต้าเซี่ยราวกับหยุดชะงักลงกลางคัน แต่ก็แค่ระยะเวลาสองเดือนเท่านั้น
สองเดือนให้หลังจากนั้น ราษฎรถึงได้ค้นพบว่าชีวิตของตนเองแทบจะมิได้รับผลกระทบอันใดจากการปลดองค์จักรพรรดิ
เกษตรกรก็ยังทำนาได้ดังเดิม ส่วนพ่อค้าแม่ขายก็ยังนั่งค้าขายได้ปกติ
เหล่าขุนนางได้พบว่าคำสั่งจากราชสำนักยังคงถ่ายทอดอย่างเป็นระบบระเบียบ นโยบายต่าง ๆ ก็ยังคงดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน
จวบจนกระทั่งบัดนี้ ดูเหมือนว่าราษฎรจะหลงลืมไปแล้วว่าจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ควรจะมีองค์จักรพรรดิอยู่เหนือสิ่งอื่นใด
ทว่าเรื่องนี้ฝานเทียนหนิงทราบดี หลังจากได้พบคูฉานที่ประเทศต้าฝาน ฝานเทียนหนิงก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง ด้วยเหตุนี้คูฉานจึงทราบเรื่องนี้เช่นกัน
การที่เดินทางติดตามฝานเทียนหนิงกลับมายังต้าเซี่ยครานี้ เดิมทีคูฉานเพียงอยากจะเห็นว่าประเทศที่มิมีองค์จักรพรรดินั้นจะเป็นเยี่ยงไร ในความคิดของเขา…มันคงเป็นสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงราวกับกลุ่มมังกรที่ไร้ซึ่งผู้นำ
ทว่าตลอดเส้นทาง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เห็น ทั่วทั้งต้าเซี่ยยังคงเจริญรุ่งเรือง มิได้เกิดสถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายเหมือนดั่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้สักนิด
อยู่ ๆ คูฉานก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา
เขาคิดจะศึกษาวิธีปกครองของต้าเซี่ย เขาอยากจะนำวิธีนี้ไปประยุกต์ใช้ที่ประเทศต้าฝาน เขาอยากกลับบ้าน อยากกลับไปยังวัดแห่งนั้นที่เขาสร้างขึ้นมาในชื่อเล่อชวน
“วันนี้เมื่อลองย้อนกลับมาคิดดูแล้ว พระองค์ช่างมีพระปรีชาสามารถเหลือล้น ! ”
คูฉานรู้สึกตื้นตันใจ เขาถอนหายใจออกมาอย่างเชื่องช้า แล้วเอ่ยว่า “พระองค์ได้จากต้าเซี่ยไปแล้วสามปี ทว่าสิ่งที่ข้าได้ยินมาตลอดทางก็ยังเป็นคำสรรเสริญที่ราษฎรชาวต้าเซี่ยมีต่อพระองค์ท่าน”
“พวกเขาต่างก็เอ่ยว่าที่มีชีวิตดี ๆ อย่างเช่นทุกวันนี้ได้เป็นเพราะมีพระองค์ และแน่นอนว่าเป็นเพราะพวกเจ้าด้วยเช่นกัน”
“ดังนั้นหากพระองค์ทรงเสด็จกลับมา…พระองค์จะขึ้นครองบัลลังก์เป็นองค์จักรพรรดิอีกคราหรือไม่ ? เพราะเยี่ยงไรเสียผืนปฐพีนี้ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของพระองค์ เพราะพระองค์ต้าเซี่ยถึงได้ก้าวเดินไปไกล ทั้งยังมั่นคงมากยิ่งขึ้น”
เยี่ยนซีเหวินส่ายศีรษะเบา ๆ แล้วพึมพำออกมาว่า “จากความเข้าใจที่ข้ามีต่อพระองค์ แท้จริงแล้วพระองค์มิใช่คนที่ขยันหมั่นเพียรสักเท่าใดนัก”
“ตอนที่พระองค์ยังประทับอยู่ที่หลินเจียงในเขตเหยา พระองค์ทรงตรัสอยู่เสมอว่าพระราชปณิธานของพระองค์นั้นมิได้อยู่ในท้องพระโรง”
“พระราชปณิธานของพระองค์คือการใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยสบาย ๆ ดังนั้นข้าจึงเห็นว่าการเดินทางพิชิตแดนไกลครานี้มีวัตถุประสงค์สองประการด้วยกัน ! ”
“ประการแรก แน่นอนว่าเพื่อผลประโยชน์จากการขยายเส้นทางสายไหมของต้าเซี่ย ส่วนประการที่สอง…พระองค์อยากจะดูว่าจักรพรรดิพระองค์ใหม่จะสามารถปกครองต้าเซี่ยได้หรือไม่ และอยากจะเห็นว่าเหล่าขุนนางจะทำเยี่ยงไรต่อไป”
“ถ้าหากว่าทุกอย่างเป็นดั่งที่พระองค์ทรงพระดำริไว้ล่ะก็ ข้าคิดว่าเมื่อพระองค์เสด็จกลับมาอีกครา เท่ากับว่าพระองค์ทรงได้กลับมาตุภูมิของพระองค์อย่างแท้จริง”
คูฉานใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง การบุกเบิกเส้นทางสายไหมนั้นเป็นเยี่ยงไรเขาก็มิอาจทราบได้ ทว่าบัดนี้องค์จักรพรรดิพระองค์ใหม่ประสบความล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัด
แต่นั่นก็เป็นถึงบุตรชายของเขาเชียว !
ถ้าหากว่าเขากลับมาแล้วทราบว่าบุตรชายของเขาถูกเยี่ยนซีเหวินปลดลงจากบัลลังก์ ทุกวันนี้ถูกกักขังอยู่ในพระราชราชวัง…เขาจะโกรธเคืองหรือไม่ และเขาจะคาดโทษเยี่ยนซีเหวินหรือไม่ ?
เยี่ยนซีเหวินยกยิ้มบาง ๆ ออกมา เหมือนว่าเขาจะทราบถึงความเคลือบแคลงสงสัยของคูฉาน “นั่นเป็นเพราะพระองค์ทรงพระราชทานอำนาจให้แก่พวกเรา พอลองย้อนกลับมาคิดในตอนนี้ การที่พระองค์ทรงจัดตั้งระบบสามสำนักหกกรมและคณะรัฐมนตรีขึ้นมา คาดว่าพระองค์ทรงมีพระราชดำริถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว”
“ข้ายังจำได้ตราตรึงในหัวใจว่าสมัยที่ยังอยู่ในเมืองจินหลิง ท่านพ่อได้เชิญพระองค์มาสนทนาที่จวนของข้า ในงานเลี้ยงครานั้นพระองค์ทรงตรัสถึงพระราชดำรินี้เช่นกัน ตอนนั้นฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่บัดนี้…พระองค์ทำถูกต้องแล้ว ! ”
“พระองค์ทรงตรัสว่าหากต้องการสลัดทิ้งบ่วงโซ่พันธการที่ครอบศีรษะราษฎรออก จำต้องกักขังความอำนาจบาตรใหญ่เอาไว้ในกรงให้ได้เสียก่อน เพราะประเทศใดประเทศหนึ่งมิควรฝากเอาไว้ในมือของคนเพียงคนเดียว ! ”
“ตอนนั้นพระองค์เพิ่งจะมีพระชนมพรรษา 18 พรรษา ผ่านมาแล้ว 16 ปี… ทว่าแท้จริงแล้วเขายังคงดำเนินการเรื่องนี้อยู่เสมอ เช่นการที่พระองค์ทรงร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญขึ้นมา หรือจะเป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ต้าเซี่ย หรือการที่ราษฎรทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาโดยปราศจากค่าใช้จ่ายเป็นต้น”
“พระองค์ทรงเปิดโลกทัศน์ของราษฎรอย่างเงียบ ๆ พระองค์ทำให้วิสัยทัศน์ของราษฎรกว้างไกลออกไป พระองค์ทำให้ราษฎรได้กินจนอิ่มท้องนอนหลับสบาย ทั้งยังทำให้ราษฎรสามารถเงยหน้าขึ้นมองท้องนภาอันกว้างใหญ่ได้ ! ”
“และทุกวันนี้ท่าทีที่ราษฎรต้าเซี่ยมีต่อขุนนางเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยเงียบเชียบ พวกเขาล้วนมิหวาดกลัว มิว่าจะเป็นขุนนางระดับใด พวกเขาเริ่มถกเถียงกันเรื่องของประเทศชาติ กระทั่งกล้าส่งเสียงคัดค้านนโยบายที่มิเป็นประโยชน์ ! ”
“บางทีพวกเขาอาจจะยังมิทราบว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญคืออันใด ทว่าในความเป็นจริงพวกเขากำลังปกป้องรัฐธรรมนูญที่มอบอำนาจให้แก่พวกเขา ! ”
“ที่พวกเจ้าเห็นว่าต้าเซี่ยเจริญรุ่งเรืองในทุกวันนี้ แม้ว่านี่จะเป็นน้ำพักน้ำแรงของพระองค์ แต่สำหรับข้าแล้วนั้น พระกรณียกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมิใช่การรวมเอกราชทั้งห้าแคว้นและมิใช่การแก้ไขปัญหาเรื่องความเป็นอยู่ของราษฎรเช่นเดียวกัน ทว่ามันคือการที่พระองค์ทรงกำจัดกรงที่ครอบงำอยู่เหนือศีรษะของราษฎรซึ่งมีอยู่มานานนับพันปีได้สำเร็จ ! ”
“พระองค์ทรงตรัสเอาไว้ว่าความคิดที่เป็นอิสระก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์อย่างมิมีที่สิ้นสุด ! ”
“พระองค์ยังตรัสอีกว่าดินที่ปลดเปลื้องพันธการสามารถแตกหน่อความคิดได้อย่างอิสระ”
“สิ่งที่ขุนนางต้องทำนั้นมีเพียงแค่สิ่งเดียว…ซึ่งนั่นก็คือการบริการราษฎร ! ”
“เจ้าจงดูเอาเถิดว่าพระราชดำรัสของพระองค์นั้นต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง พวกเรามองว่าพระองค์สามารถนำพาต้าเซี่ยไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้อีกขั้น แต่เห็นทีพวกเราอาจจะต้องผิดหวัง”
เยี่ยนซีเหวินยกจอกสุราขึ้นมา “เพราะพระองค์ประสงค์จะใช้ชีวิตเจ้าสำราญ ข้าขอเอ่ยตามตรงว่าข้าก็อยากใช้ชีวิตเหมือนพระองค์เช่นกัน ! ”
“ดังนั้นเมื่อพระองค์เสด็จกลับมายังต้าเซี่ยแล้ว หากจะออกเดินทางจากต้าเซี่ยไปอีกครา ข้าจะติดตามพระองค์ไปด้วย พระองค์อยากเป็นเศรษฐีที่ดินมิใช่หรือ ? เช่นนั้นข้าคิดว่าพระองค์คงอยากมีพ่อบ้านเยี่ยงข้าเช่นกัน ! ”
“มาเถิด อย่าได้เอ่ยถึงพระองค์อีกเลย พวกเรามาดื่มสุรานี้ให้เมามายกันไปข้าง ต่อไปนี้พวกเราคงต้องเตรียมความพร้อมในหลาย ๆ ด้านเมื่อพระองค์ทรงบุกเบิกทวีปยุโรปกลับมา”
ทุกคนยกจอกสุราขึ้นมาชนกัน เยี่ยนซีเหวินหันไปมองหยุนซีเหยียนพร้อมเอ่ยถามว่า “เป็นเยี่ยงไรบ้าง ? บัญชีของกรมคลังสรุปแล้วเสร็จหรือยัง ? ”
หยุนซีเหยียนยักคิ้วหลิ่วตา “เงินมีจำนวนมหาศาล ทว่าคลังหลวงช่างเล็กยิ่งนัก ภาษีในปีนี้มากกว่าปีที่แล้วถึงสามเท่า ! สามเท่าที่ว่านี้มาจากเส้นทางการค้าบนแผ่นดินใหญ่ลีอาห์”
“เพิ่มขึ้นมาสามเท่าเลยหรือ ? สามเท่าที่ว่ามันกี่ตำลึงกัน ? ” คูฉานเอ่ยถามด้วยความฉงน
หยุนซีเหยียนยื่นมือออกมา “550 ล้านตำลึง ! ”
คูฉานผงะตกใจในทันใด เพราะประเทศต้าฝานในหนึ่งปีสามารถเก็บภาษีได้แค่ 150 ล้านตำลึงเท่านั้น ทว่าภาษีการค้าระหว่างต้าเซี่ยกับแผ่นดินใหญ่ลีอาห์ก็ปาเข้าไป 550 ล้านตำลึงแล้ว…
เขากลืนน้ำลายลงคอพลางครุ่นคิดว่าเงินตั้งมากมายเพียงนี้จะนำไปใช้เยี่ยงไรกัน ?
ครานี้ฉินโม่เหวินถึงได้ยกยิ้มอย่างเบิกบานใจออกมา “เยี่ยมจริง ๆ เช่นนั้นโครงการใหญ่ที่วางแผนเอาไว้ในปีนี้ก็มีเงินทุนมากพอไปจัดการแล้วสินะ ! ”
“ต้าเซี่ย…ยังมีอันใดให้ราชสำนักต้องออกเงินอีกหรือ ? ” คูฉานเอ่ยถามขึ้นมา
“นโยบายของกรมยุทธการ ยังมีอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากที่ต้องจัดซื้อ ! ”
“นโยบายบรรเทาความยากจนยังต้องดำเนินการต่อไป ! ”
“การศึกษาภาคบังคับของต้าเซี่ยจะต้องขยายเวลาให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ! ”
“การพยาบาลและการดูแลผู้สูงอายุจะต้องครอบคลุมราษฎรทั้งต้าเซี่ย ! ”
“การก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของต้าเซี่ย…รถไฟจะต้องวิ่งผ่านแต่ละโจว ถนนจะต้องตัดผ่านแต่ละอำเภอ ตามแผนการพัฒนาระยะห้าปีในอนาคตจะต้องมีถนนตัดผ่านแต่ละหมู่บ้าน”
“นี่ล้วนแต่ต้องใช้เงินทั้งสิ้น ! ”
“และนี่คือการนำเงินมาจากราษฎรและใช้เพื่อราษฎรดั่งที่พระองค์ทรงตรัสไว้ ! ”
“พระองค์ยังตรัสอีกว่า…เมื่อราษฎรร่ำรวย ประเทศชาติย่อมแข็งแกร่ง ! ”