นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1377 บอกลาฉางอันอีกครา
ตอนที่ 1377 บอกลาฉางอันอีกครา
จี้หยุนกุยจากไปแล้ว
แต่ความรู้สึกผิดปกติที่จี้หยุนกุยแสดงให้เห็นเพียงชั่วพริบตานั้น ยังคงติดตรึงในตาของฟู่เสี่ยวกวน
คำเอ่ยของจี้หยุนกุยฟังดูจริงใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อฟู่เสี่ยวกวนย้อนรำลึกถึงความทรงจำในอดีตพบว่าตั้งแต่ที่สวีหยุนชิงผู้เป็นมารดาปรากฏตัวขึ้นมาจนถึงตอนนี้ นางมักจะปกป้องภัยอันตรายให้ตนอยู่เสมอ ซึ่งมันขัดแย้งกับการคาดคะเนของเป่ยหวังฉวนทั้งหมด
จี้หยุนกุยได้ยืนยันหนักแน่นในสองประเด็นด้วยกัน
ประเด็นแรกก็คือตนถือกำเนิดมาจากสวี่หยุนชิง เช่นนั้นก็หมายความว่าสวี่หยุนชิงเป็นคนที่มีเลือดเนื้ออย่างแท้จริง และมิใช่ปัญญาประดิษฐ์ความฝันที่สองแต่อย่างใด
และสอง สวี่หยุนชิงมิเคยกระทำเรื่องใดที่ส่งผลร้ายแก่ตน เรื่องนี้ตรงกับประสบการณ์ที่ตนพบเจอมาโดยตรง และเนื่องด้วยเหตุนี้นางย่อมมิใช่ผู้ทำลายล้างอันใดนั่น
ทว่าเหตุใดนางถึงตายแล้วฟื้นคืนชีพกันเล่า ?
เยี่ยนกุยหลายเอ่ยว่าถ้าอยากพิสูจน์เรื่องนี้ให้ไปพบฟู่ต้ากวน
ตาอ้วนนั่น หรือว่าเขาจะรู้ความลับที่มิมีผู้ใดล่วงรู้มาก่อน ?
ฟู่เสี่ยวกวนถอนหายใจยาวแล้วโพล่งหัวเราะเย้ยหยันตนเอง
เดิมทีตนคิดว่าการมาเยือนโลกใบนี้เป็นเรื่องที่ง่ายดาย บัดนี้ถึงได้ทราบว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหลังโลกใบนี้มีความลับมากมายที่ยากจะเปิดเผย
ทว่าความลับนี้สำคัญจริงหรือ ?
หากมิใช่เพราะอู๋เทียนซื่อ เดิมทีตนวางแผนว่าจะมิไปสืบเสาะความจริง
เดิมทีเรื่องนี้มิได้สลักสำคัญอันใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปในอนาคต
บัดนี้ต้าเซี่ยดำรงอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว ส่วนตนเองควรจะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสุขสบายในอิงเทียน
ดังนั้นมิว่าความฝันที่สองจะก้าวหน้าไปถึงระดับใด ผู้ทำลายล้างเป็นผู้ใด ขอเพียงแค่พวกมันมิทำลายต้าเซี่ย สำหรับฟู่เสี่ยวกวนแล้ว เขาย่อมมิยินยอมที่จะไปค้นหาความจริง
เพราะในโลกแต่ละใบล้วนมีความลับที่มิอาจให้ผู้ใดล่วงรู้ซ่อนอยู่
ความลับเหล่านั้น แม้ว่าจะใช้เวลาทั้งชีวิตหรือหลายชั่วอายุคนก็มิอาจเสาะหาความจริงได้ ตนเองมีชีวิตอยู่แค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เช่นนั้นจะมัวนั่งทุกข์ทนกับเรื่องนี้ไปเพื่ออันใด ?
นี่เป็นความกังวลในเรื่องที่มิควรกังวลด้วยซ้ำไป
แม้กระทั่งตอนนี้ ฟู่เสี่ยวกวนก็ยังคิดเช่นนั้น…
เช่นนั้นการไปเยือนโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่อู๋เทียนซื่อจะไปถึงที่นั่นคงเป็นการดีที่สุด
เขามิสนใจที่จะเข้าไปในโบสถ์เพราะข้างในนั้นอันตรายจนเกินไป
แม้ว่าหอเทียนจีชั้นที่สิบแปดจะมีชุดเพื่อสวมป้องกัน แต่เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปหนึ่งหมื่นปี ผู้ใดจะไปทราบได้ว่ามันยังสามารถป้องกันรังสีนิวเคลียร์จากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่หรือไม่
ส่วนมารดาสวีหยุนชิง มิว่านางจะเป็นคนแบบใด ทว่าท้ายที่สุดแล้วนางก็ยังเป็นมารดาของตนอยู่ดี
ท่านแม่ชื่นชอบลูกของตน ทั้งยังรักใคร่กลมเกลียวกับบรรดาภรรยาของตน ส่วนตาอ้วนผู้นั้น…ก็เป็นคู่กัดกันมาโดยตลอด
เช่นนั้น แม้ว่าท่านแม่จะเป็นผู้ทำลายล้าง แต่นางก็มิเคยทำให้ตนเองเสียหาย ส่วนเรื่องที่ว่านางเป็นผู้ใดมิใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้นางได้มีความสุขในช่วงปั้นปลายชีวิต
เมื่อคิดหาเหตุผลมาปลอบใจตนเองได้แล้ว ฟู่เสี่ยวกวนจึงเดินกลับเข้าไปในห้อง จากนั้นก็นอนหลับสนิท เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกคราก็เป็นเวลาเช้าตรู่แล้ว
หลังจากนี้ตนอาจจะยุ่งเล็กน้อย
ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางไปเคารพหลุมศพของเฮ้อซานเตา เขาลูบป้ายหลุมศพของเฮ้อซานเตาแล้วพรั่งพรูคำเอ่ยออกมามากมาย
หลังจากนั้นก็ไปเคารพหลุมศพของเหวินสิงโจว ทว่าเขามิได้เอ่ยถึงเรื่องอู๋เทียนซื่อ แต่กลับเอ่ยถึงเรื่องราวตอนที่เขาเดินทางมาร่วมงานชุมนุมวรรณกรรมของราชวงศ์อู๋ และเอ่ยถึงบทสนทนาครานั้นที่จวนของเหวินสิงโจว
การสนทนาครานั้นเป็นการสนทนาที่มีความหมายยิ่งนัก และเป็นเพราะการสนทนาครานั้นที่ทำให้เหวินสิงโจวประพันธ์ตำราหลี่เสวียฉบับสมบูรณ์ขึ้นมา
การกลับไปฉางอันครานี้ เขาจะจัดงานประชุมราชวงศ์ขึ้นมา แล้ววางแผนการค้าระหว่างต้าเซี่ยและทวีปยุโรป แต่จะมิกำหนดแผนพัฒนาระยะห้าปีขึ้นมาเฉกเช่นแต่ก่อน
เขาพำนักอยู่ในเมืองฉางอันเป็นเวลากว่าสามวัน ในเวลาสามวันนี้ส่วนมากเขาขลุกอยู่ในห้องทรงพระอักษร
เขาได้สนทนากับขุนนางคนสำคัญอย่างพวกฉินโม่เหวิน และยังยืนยันให้สามแผนกหกกรมและคณะรัฐมนตรีดำรงอยู่ต่อไป มิว่าในอนาคตต้าเซี่ยจะมีจักรพรรดิหรือไม่ อำนาจของประเทศจำต้องยึดสิ่งนี้เป็นหลักเกณฑ์
ฤดูใบไม้ผลิในเมืองฉางอันนั้นงดงามยิ่งนัก ถ้าหากมิเกิดเรื่องของอู๋เทียนซื่อขึ้นมาเสียก่อน ฟู่เสี่ยวกวนวางแผนจะอาศัยอยู่ในเมืองฉางอันอีกสักระยะ เพื่อไปดื่มสุรากับพวกเยี่ยนซีเหวินที่หอซื่อฟาง และไปฟังดนตรีที่หอหลิวหยุน หรือประพันธ์บทกวีที่สะเทือนโลกอีกครา เหมือนผู้คนได้หลงลืมไปแล้วว่าตนคือบุรุษหมายเลขหนึ่งในใต้หล้า
เขาวางแผนที่กลับไปเยือนสถานที่ในวันวานอย่างเมืองจินหลิงด้วยซ้ำไป
ไปเยี่ยมเยี่ยนเป่ยซีกับฉินปิ่งจง และผู้อาวุโสในสมัยราชวงศ์หยู
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวของคูฉานแล้ว เขายังคิดจะไปเยี่ยมคูฉานที่ชื่อเล่อชวนอีกด้วย
ไปนั่งถกเถียงธรรมมะกับคูฉานที่กลับมาจากต้าฝาน หรือจะไปนั่งต้มชาแล้วฟังเสียงหมู่หญ้าพัดพลิ้วตามแรงลมในยามราตรี
ทว่าเขามิมีเวลาทำสิ่งเหล่านี้
เขาจำเป็นต้องออกเดินทางโดยเร็วที่สุด
เรื่องเหล่านี้คงต้องรอให้ตนกลับมาจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นถึงจะสามารถทำได้
การจากลาต้าเซี่ยในครานี้ ฟู่เสี่ยวกวนมิได้พาไพร่พลไปด้วยมากนัก
นอกจากทหารจำนวน 100 นายที่ติดตามไปแล้ว ก็มีเพียงแค่จี้หยุนกุย หนิงซือเหยียนและเยี่ยนกุยหลายเท่านั้น
ของที่นำไปด้วยนอกจากสิ่งอุปโภคบริโภคแล้วนั้น เขายังนำปืนที่ศูนย์วิจัยพัฒนาขึ้นติดมาด้วย
แน่นอนว่ายังมีแว่นตากันแดดรวมถึงชุดป้องกันต่าง ๆ จากหอเทียนจีชั้นที่สิบแปดด้วยเช่นกัน
เขาจำเป็นต้องกลับไปยังอิงเทียน แล้วพาบรรดาศิษย์ในสำนักเต๋าทั้งหลายร่วมขบวนไปด้วย หลังจากนั้นก็ไปรวมพลกับกองทัพที่สมเด็จพระราชินีมารีอาที่สองจัดเตรียมเอาไว้
เรือฉางอันแล่นออกจากท่าเรือเจียงเฉิงด้วยความเร็วเต็มกำลัง
ฟู่เสี่ยวกวนยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือฉางอัน แล้วทอดสายตามองต้าเซี่ย
ภาพของแผ่นดินใหญ่ค่อย ๆ เลือนหายไปจากสายตา และมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ
นั่นคือต้าเซี่ยที่เขาสร้างขึ้นมากับมือ
“หวังว่าเจ้าจะงดงามยิ่ง ๆ ขึ้นไป” ฟู่เสี่ยวกวนพึมพำในใจ !
……
……
ณ เมืองฉางอัน
จวนตระกูลเยี่ยน
บนศาลาในสวนดอกไม้หลังจวน
หยุนซีเหยียนจ้องมองเยี่ยนซีเหวิน เยี่ยนซีเหวินซูบผอมลงไปมากโขภายในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้กล่าวโทษเขาแม้เพียงคำเดียว หยุนซีเหยียนทราบดีว่าด้วยสัมพันธ์ของฟู่เสี่ยวกวนและเยี่ยนซีเหวิน จะยิ่งทำให้เยี่ยนซีเหวินกล่าวโทษตนเองไปตราบนานเท่านั้น
เขายกขวดสุราขึ้นมารินให้เยี่ยนซีเหวิน จากนั้นก็ตบบ่าเขาเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้า…เขาก็เอ่ยแล้วมิใช่หรือ ? ว่าหากเขาเดินทางไปยังขั้วโลกเหนือ นั่นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะนำตัวของอู๋เทียนซื่อกลับมาได้”
“และเขายังเอ่ยอีกว่า…เมื่อเขาช่วยอู๋เทียนซื่อกลับมาได้แล้ว เขาจะอาศัยอยู่ที่อิงเทียน ข้าจึงอยากจะถามเจ้าสักหน่อยคำว่าด้วยความสามารถที่เขามีนั้น ยังจะมีเรื่องใดในใต้หล้าที่เขาทำมิได้อีกหรือ ? ”
“บัดนี้เขาได้ฝากต้าเซี่ยไว้กับพวกเราแล้ว นี่ต่างหากที่เป็นภาระหนักหนาที่พวกเราต้องแบกรับ ต้าฝานเต้ายังต้องส่งขุนนางไปประจำการมากมาย ทั้งยังมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องส่งทหารเข้าไปประจำการ ! ไหนจะเรื่องทวีปยุโรปนั่นอีก การสร้างท่าเรือจำต้องใช้ช่างฝีมือจำนวนมาก และท่าเรือแต่ละแห่งจำเป็นต้องส่งทหารเข้าไปประจำการโดยเร็วที่สุด…”
“ข้ากลับคิดว่า เรื่องเทียนซื่อก็ให้เขาจัดการไปเสีย ส่วนพวกเรา… ภารกิจที่สำคัญของพวกเราก็คือจะต้องสร้างต้าเซี่ยให้งดงามยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก”
“หลังจากที่เปิดเส้นทางเดินเรือแล้ว การเดินทางไปยังทวีปอิงเทียนจะยิ่งสะดวกและรวดเร็ว หากพวกเราจัดการทุกเรื่องจนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เมื่อเขากลับมาอีกครา เขาจะได้พักผ่อนหย่อนใจโดยมิต้องกังวลอันใดอีก”
เยี่ยนซีเหวินถอนหายใจยาวออกมา เขากวาดตามองหยุนซีเหยียน ฉินโม่เหวินและหนิงหยู่ชุนที่กำลังมองมาที่ตนอย่างเป็นห่วง
“จากนั้นก็เอ่ยออกไปว่า…ทุกสรรพสิ่งในใต้หล้านี้ล้วนแต่มีกรรมลิขิต”
“เดิมทีเขามิเชื่อเรื่องกรรม แต่ก่อนเวลาที่เขาเผชิญหน้ากับเรื่องอันใดก็ตาม เขามักจะสงบนิ่ง มีเพียงแต่เรื่องนี้เท่านั้น…ที่ข้ามองเห็นถึงความลังเลในสายตาของเขา”
“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเราควรทำเรื่องที่ต้องทำ ข้าคงทำได้เพียงภาวนาให้เขาเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย ! ”
“และเมื่อกลับมาแล้ว ข้าหวังว่าเขาจะยังคงเป็นชายหนุ่มผู้ร่าเริงสดใสคนเดิม ! ”
“มีเพียงหนทางนี้เท่านั้น ที่จะทำให้ข้าวางใจลงได้ ! ”