นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1379 มิมีปี่มิมีขลุ่ย
ตอนที่ 1379 มิมีปี่มิมีขลุ่ย
ห่างจากเมืองอิงเทียนราวสามสิบลี้มีหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง หมู่บ้านนั้นมีชื่อว่าหมู่บ้านเซี่ยชุน
ลำธารไหลเอื่อยนอกหมู่บ้านเซี่ยชุน ริมฝั่งของลำธารทั้งสองข้างมีที่นาผืนใหญ่
ทางทิศตะวันออกมีเรือนใหม่เอี่ยมชื่อว่าเรือนซีซาน
ที่นี่มิได้อยู่ในแผนการที่ฟู่เสี่ยวกวนวางเอาไว้ ทว่าที่นี่เป็นแผนการที่ต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินออกแบบเองกับมือ
บัดนี้ต่งชูหลาน หยูเวิ่นหวินและเยี่ยนเสี่ยวโหลวต่างก็พำนักอยู่ที่นี่ ทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่ ถอดรูปแบบมาจากเรือนซีซานในวันวาน
ซึ่งเหมือนแม้กระทั่งแม่น้ำที่เชื่อมระหว่างภูเขากับไร่นา
พวกนางสร้างโรงหมักสุราขึ้นมาอีกหนึ่งแห่ง หวางเอ้อร์และกลุ่มคนเหล่านั้นที่ฟู่เสี่ยวกวนพามา ล้วนเคยหมักสุรามาแล้วทั้งสิ้น และแน่นอนว่าสุราที่พวกเขาหมักคือสุราซีซาน
ต่งชูหลานรินสุราให้หยูเวิ่นหวินจนเต็มจอก
นางจ้องมองเรือนซีซานภายใต้แสงจากโคมไฟ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มปริ่มขึ้นมาบนใบหน้า
“ข้าคิดว่า…เขาจะต้องชอบที่นี่เป็นแน่”
หยุนเวิ่นหวินพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ชูหลานช่างเก่งกาจเสียจริง จากอิงเทียนจนถึงหมู่บ้านเซี่ยชุน แต่ละที่ล้วนมีเงาของต้าเซี่ย ที่นี่ให้บรรยากาศเหมือนตอนที่อยู่หลินเจียง”
“แม้แต่ข้าก็มิได้รู้สึกว่าอยู่ห่างจากบ้านเกิด ที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่ไปเยือนเรือนซีซานคราแรก”
“ที่นี่คือบ้านของพวกเรา ข้าคิดว่าเมื่อเขากลับมาแล้ว เขาคงจะชอบที่นี่มากเช่นกัน”
“อืม…”
เยี่ยนเสี่ยวโหลวยกจอกสุราขึ้นมา “ข้าขอเอ่ยกับท่านพี่ทั้งสองเลยว่าตอนที่พวกเราเพิ่งเดินทางมาถึงทวีปอิงเทียนนั้น แท้ที่จริงข้ารู้สึกคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนเล็กน้อย”
“ข้าคิดถึงบรรยากาศที่จินหลิงทุกวันคืน และคิดถึงท่านปู่มากเช่นกัน ทั้งยังคิดถึงชีวิตเมื่อสิบปีก่อนตอนที่ยังอาศัยอยู่ในจวนตระกูลเยี่ยน”
“ทว่าหลังจากก่อสร้างเมืองอิงเทียนขึ้นมาแล้ว ความรู้สึกคิดถึงก็ลดฮวบลงทันพลัน หลังจากที่สร้างเรือนซีซานขึ้นมา ทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่นหัวใจเสียเหลือเกิน…จอกแรกข้าขอดื่มให้ท่านทั้งสอง ! ”
ทั้งสามยกจอกสุราขึ้นมาโดยมิต้องเอ่ยพร่ำทำเพลง จากนั้นก็พากันดื่มสุราจนหมดจอก
“เฮ้อ เพียงพริบตาเดียวก็เกือบจะสี่ปีแล้วที่มิได้พบเขา ข้ากำลังคิดว่า…”
ต่งชูหลานวางจอกสุราลงด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นเต็มหัวใจ “ตอนที่เขาเดินทางออกมาจากหลินเจียง เส้นทางนั้นเต็มไปด้วยพายุฝน มันมิง่ายเลยจริง ๆ ”
“ตอนนั้นเขาเป็นเพียงนายน้อยเศรษฐีที่ดิน นิสัยเสเพลมิเอาไหน มิเช่นนั้น…มิเช่นนั้นข้าจะให้องค์รักษ์สั่งสอนเขาหรือ”
“แต่มิคาดคิดเลยว่าเป็นเพราะการสั่งสอนครานั้นทำให้พวกเรามาลงเอยกันในท้ายที่สุด นี่อาจจะเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตที่พวกเรามองมิเห็นก็เป็นได้ ”
“ตอนนั้นข้าหวังให้เขาได้เข้าไปอยู่ในท้องพระโรง หรือเข้ารับตำแหน่งขุนนาง เพราะเยี่ยงไรเสียนี่คือสิ่งที่นำพาชื่อเสียงมาให้แก่วงศ์ตระกูล สตรีทุกคนล้วนหวังให้สามีมิยอมแพ้ใช่หรือไม่เล่า ? ”
“ทว่าหลังจากนั้น…หลังจากที่ได้เดินเคียงข้างเขา ตำแหน่งของเขากลับใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้เป็นองค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์อู๋ และจนได้มาเป็นองค์จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย… ในใจของข้านั้น ข้ารู้สึกร้อนรุ่มกระวนกระวายเสียเหลือเกิน”
“จะเอ่ยเยี่ยงไรดีเล่า ? ”
ต่งชูหลานรินสุราจนเต็มจอกอีกสามจอก แล้วเผยอปากขึ้น “สตรีข้างกายเขามากขึ้นทุกวัน จนข้าเริ่มรับมิไหว ท่านทั้งสองอย่าได้เก็บไปคิดใส่ใจเลย ทว่านั่นเป็นสิ่งที่ข้าคิดอย่างแท้จริง”
“เพียงแต่อยู่ไปอยู่มาข้าก็เริ่มคิดได้ เพราะเยี่ยงไรเสียเขาก็เป็นผู้มีความสามารถมาก ๆ คนหนึ่ง ตอนที่เขายังคงดำรงตำแหน่งจักรพรรดิ เขาก็มิได้หาสตรีมาปรนเปรอจนเต็มวังหลัง เขามีความรักให้แก่ข้าและทุกคน แท้ที่จริงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
“สิบปีล่วงเลยผ่านไปในชั่วพริบตา มาวันนี้พวกเราต่างก็อายุสามสิบกว่าปีเริ่มเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ข้าหวังว่าวันเวลาต่อจากนี้ เขาจะยังคงยึดมั่นมิเปลี่ยนแปลงและแก่ชราไปพร้อมกับพวกเรา นี่แหละชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่ข้าใฝ่ฝันถึง”
หยูเวิ่นหวินและเยี่ยนเสี่ยวโหลวพยักหน้าเห็นด้วย นี่มิใช่ความหวังของต่งชูหลานเท่านั้น ทว่านี่เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างเฝ้าฝันถึง
ด้วยเหตุนี้ต่งชูหลานจึงก่อสร้างหมู่บ้านเซี่ยชุนและสร้างเรือนซีซานขึ้นมา นางมีความมุ่งมั่นตั้งใจเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าที่นี่จะเป็นต่างบ้านต่างเมือง ทว่าเรือนที่เหมือนกันทุกประการนี้ทำให้นางอดหวนคิดถึงอดีตมิได้
“คาดว่าบัดนี้เขาน่าจะถึงต้าเซี่ยแล้ว”
หยูเวิ่นหวินเงยหน้าขึ้นมองดวงดาราสุกสกาว “เขาเอ่ยมาเองมิใช่หรือ ? เมื่อกลับมาจากต้าเซี่ยแล้ว เขาจะมิไปที่ใดอีกทั้งสิ้น”
“ชีวิตที่เหลือจะปักหลักอยู่ที่นี่ เพื่อเป็นเศรษฐีที่ดินตามที่เขาใฝ่ฝัน”
“ทวีปอิงเทียนกว้างใหญ่ไพศาลถึงเพียงนี้ บนพื้นทวีปมีชาวพื้นเมืองอยู่มากมาย แม้ว่าท่านแม่ทัพไป๋จะเอาชนะชนพื้นเมืองในระยะพันลี้ได้สำเร็จ ทว่าแม่ทัพไป๋กล่าวว่าสถานที่ที่ห่างไกลออกไปจะต้องมีประเทศอื่นอยู่เป็นแน่ ! ”
“ข้ามิอยากให้เขาไปพิชิตแดนไกลอีก และข้าก็มิอยากให้เขาไปบริหารจัดการบ้านเมืองอีกแล้ว”
“ข้าอยากใช้ชีวิตเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ เมื่อเส้นทางเดินเรือระหว่างต้าเซี่ยกับฝูหล่างจีมั่นคงเมื่อใด พวกเราค่อยพาครอบครัวกลับไปเยี่ยมต้าเซี่ยบ่อย ๆ ”
“เขาเหนื่อยมามากพอแล้ว ข้าอยากให้เขาได้หยุดพักผ่อนเสียที อยากให้เขาเป็นดั่งนายน้อยเศรษฐีที่ดินในอดีต”
เยี่ยนเสี่ยวโหลวมิมีโอกาสได้เห็นฟู่เสี่ยวกวนตอนที่เขายังอยู่หลินเจียง ทว่านางได้ยินต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินเอ่ยถึงบ่อยครั้ง ดังนั้นนางจึงมีความเข้าใจอย่างแจ่มชัด
“ข้าคิดว่าเขาจะมิไปจัดการเรื่องพวกนั้นอีก เพราะว่าเขาได้วางมือจากตำแหน่งองค์จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยแล้ว”
“ต้าเซี่ยที่เทียนซื่อและพี่ชายของข้า, พี่ฉิน, พี่หนิงรวมถึงหยุนซีเหยียนปกครองจะปลอดภัยภายใต้การดูและของพวกเขา ส่วนเขาก็จะมิมีเรื่องใดให้กังวลใจอีก”
“ส่วนเรื่องการบุกเบิกดินแดนบนผืนทวีปนี้…ท่านแม่ทัพไป๋ได้สร้างกองทัพทหารไว้สามสี่แห่ง มีอาวุธครบครัน ทั้งยังมีศูนย์วิจัยอาวุธอีกด้วย… ข้าเคยถามท่านแม่ทัพไป๋ จึงได้ทราบว่าวัตถุประสงค์ของเขาเพื่อป้องกันเท่านั้น เพราะทุกวันนี้ที่นี่มีคนอาศัยอยู่มากมาย ถึงเยี่ยงไรก็ต้องป้องกันความปลอดภัยเอาไว้ก่อน”
“ดังนั้นข้าจึงคิดว่าเขาจะปักหลักอยู่ที่นี่ตลอดไป เช่นนั้นแล้วครอบครัวของพวกเราก็จะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาและจะมีแต่ความสุขรักใคร่กลมเกลียวกัน”
ต่งชูหลานยกจอกสุราขึ้นมา น้ำตาไหลอาบสองแก้มด้วยความรอคอย จากนั้นก็ท่องบทกวีที่เขาเคยประพันธ์ให้นาง ซึ่งนอกจากฉินปิ่งจงแล้วก็มิมีผู้ใดเคยได้ยินออกมาโดยมิรู้ตัว
“แยกจากกันจะฝากฝังความรู้สึกได้เยี่ยงไร ?
ขมิ้นน้อยคิดคำนึงนกนางแอ่น
ในวันนี้คำนึงถึงความสับสนในเวลานั้น ความคิดที่หลงทาง ล่วงรู้ก็ข้างแรมและดอกไม้โรย
ไม่เคยรู้ว่าหนทางไปเจียงนั้นเป็นเยี่ยงไร แต่กลับมาถึงหวู่อี้อย่างชัดเจน
เร่งรีบจะเอ่ยกล่าวก็พรากจาก ความฝันอันหอมหวานได้หายไป ด้วยเสียงไก่ที่หน้าต่าง”
“พวกเราพี่น้องมาร่วมดื่มกันเถิด รอเขากลับมาค่อยขอให้เขาประพันธ์บทกวีให้อีกหน่อย เพื่อเหลือทิ้งไว้ให้ลูกหลาน ! ”
ทั้งสามยกจอกสุราขึ้นมา ท่ามกลางราตรีอันมืดมิดนั้นเอง ไป๋ยู่เหลียนทะยานลงมาจากท้องนภา !
เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวทั้งชุด ในมือถือดาบยักษ์ ส่วนด้านหลังสะพายปืนเอาไว้ !
เขาทะยานลงมาหยุดอยู่เบื้องหน้าทั้งสามคน ใบหน้างดงามดูเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาคารวะ
“เรียนฮูหยินทุกท่าน บัดนี้คุณชายเดินทางมาถึงเมืองอิงเทียนแล้วขอรับ ! ”
ทั้งสามต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริด ต่งชูหลานสังหรณ์ใจถึงความผิดปกติทันใด…
ในเมื่อฟู่เสี่ยวกวนกลับมาถึงเมืองอิงเทียนแล้ว ต่อให้เขาอยากเจอพวกนางมากเพียงใด เขาก็คงจะเดินทางมาในยามเช้า
เขาย่อมมิเร่งรีบถึงเพียงนี้
และคงมิส่งไป๋ยู่เหลียนเดินทางมาแจ้งข่าวด้วย !
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นกัน ? ”
“…คุณชายกล่าวว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย”
ย่อมมิใช่เรื่องเล็กน้อยเป็นแน่ !
สตรีทั้งสามนางมองตากันแล้วลุกพรวดขึ้นมาทันใด
“ไป ไปเมืองอิงเทียนกันเถิด ! ”
“ข้าน้อยเตรียมรถม้าเอาไว้แล้ว เชิญฮูหยินทั้งสาม ! ”
สุราวางอยู่บนโต๊ะ
หอมฟุ้งไปทั่วสารทิศ
โคมไฟยังคงส่องสว่างดังเดิม แต่กลับไร้ซึ่งเงาของผู้คน