นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1382 ข้อตกลง
ตอนที่ 1382 ข้อตกลง
แม่นางน้อยหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าอู๋เทียนซื่อด้วยความน่ารักใสซื่อ
นางเงยหน้าขึ้นพินิจพิเคราะห์ใบหน้าของอู๋เทียนซื่อ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงยื่นมือออกมา นางเขย่งเท้าขึ้นลูบคลำใบหน้าของอู๋เทียนซื่อ จากนั้นก็นำเอามือของตนมาจ่อตรงจมูก คิ้วของนางย่นเข้าหากันเล็กน้อย จากนั้นก็พึมพำว่า…
“อืม…กลิ่นที่คุ้นเคย”
การกระทำของนางทำให้อู๋เทียนซื่อรู้สึกประหลาดใจมิน้อย
มิใช่แค่ท่าทีของแม่นางน้อยเท่านั้นที่แปลกประหลาด ระยะห่างระหว่างเขากับแม่นางอยู่มิไกลกันมากนัก ดังนั้นเขาจึงจดจ้องไปยังใบหน้าของแม่นางน้อยผู้นั้น…พบว่าดวงตาของนางเป็นสีฟ้าอ่อน
ดวงตาสีฟ้าอ่อนมีความแปลกประหลาดซ่อนอยู่ ใบหน้าของนางงดงาม ทั้งยังดูฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก
เมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้น อู๋เทียนซื่อจึงก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่เพียงแค่หนึ่งก้าวเท่านั้น จากนั้นเขาก็ส่งยิ้มออกมา
อีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กหญิงวัยเจ็ดถึงแปดขวบเท่านั้น นางจะทำอันตรายอันใดเขาได้กัน
เกรงว่าอาจเป็นเพราะนางใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาโดยตลอด จึงมิเคยเห็นคนนอกมาก่อน เลยเกิดความรู้สึกสงสัยใคร่รู้เท่านั้น
“เจ้ามีนามว่าอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ” แม่นางน้อยเอ่ยถาม
“ข้ามีนามว่าอู๋เทียนซื่อ แล้วเจ้าเล่า ? ”
“ข้าน่ะหรือ ? …ข้ามีนามว่าความฝันที่สอง”
นี่เป็นชื่อที่พิลึกสิ้นดี ทว่าบัดนี้อู๋เทียนซื่อมิได้คิดอันใดมากมาย “ครอบครัวของเจ้าเล่า ? บ้านของเจ้าอยู่ที่ใด ? ที่นี่มีคนอาศัยอยู่เยอะหรือไม่ ? ”
ความฝันที่สองกระพริบตาปริบ ๆ นางเอียงคอมองอู๋เทียนซื่อ จากนั้นก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “ผู้ใหญ่ในครอบครัวของข้าต่างก็ตายหมดแล้ว ที่นี่คือบ้านของข้า ที่นี่นอกจากข้าแล้วมิมีผู้ใดอีก”
นางเอ่ยพร้อมด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่ามิเสียใจเพราะต้องสูญเสียคนในครอบครัวไป ทั้งยังดูเหมือนดีใจมากอีกต่างหาก
นี่เป็นเรื่องที่มิถูกต้อง ทว่าอู๋เทียนซื่อยังคงอ่อนต่อโลกมากนัก ดังนั้นจึงมิรู้สึกถึงความผิดปกติแต่อย่างใด มีเพียงแค่หลิวจิ่นเท่านั้นที่มองความฝันที่สองด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์
อู๋เทียนซื่อตกตะลึงเล็กน้อย แน่นอนว่าเขามิเชื่อว่าแม่นางน้อยอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียว เขาคิดว่านางคงแกล้งหยอกเล่น จึงลองเปลี่ยนวิธีถาม
“ข้าขอไปพักที่บ้านของเจ้าได้หรือไม่ ? ”
“ได้สิ ข้าจะพาเจ้าไปเอง”
แม่นางน้อยหิ้วตะกร้าไม้ไผ่แล้วเดินนำหน้าออกไป บัดนี้อู๋เทียนซื่อได้หลงลืมความหิวโหยไปจนสิ้นแล้ว เขาส่งสายตาให้หลิวจิ่นแล้วทั้งสองก็เดินตามแม่นางน้อยออกไป
หลิวจิ่นรู้สึกเคลือบแคลงใจมิน้อย เพราะเมื่อทอดสายตาออกไปแล้ว ภายในขอบเขตการมองเห็นของเขามิมีบ้านคน และยิ่งมองมิเห็นควันไฟที่ลอยขึ้นมาจากบ้านเรือน
อยู่ ๆ แม่นางน้อยที่ชื่อว่าความฝันที่สองก็ปรากฏตัวขึ้นมา… หรือว่าจะมีปีศาจอยู่ในใต้หล้านี้จริง ๆ ?
นางเอ่ยว่าผู้ใหญ่ในบ้านนางตายหมดแล้ว ทั้งยังยิ้มขำขัน…หรือว่านางจะเป็นปีศาจร้ายกันนะ ?
หัวใจของเขาตุ้ม ๆ ต่อม ๆ จากนั้นก็มองดูเงาหลังของอู๋เทียนซื่อ เขารู้สึกกังวลอย่างยิ่งในหัวใจ ถ้าหากว่าแม่นางน้อยผู้นี้เป็นปีศาจอย่างแท้จริง ฝ่าบาทคงจะถูกนางกินจนมิเหลือแม้แต่กระดูก ส่วนตนเองก็คงจะหลีกเลี่ยงความโชคร้ายนี้ไปมิได้
ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “แม่นางน้อย มิทราบว่าสถานที่แห่งนี้มีทางเชื่อมต่อกับโลกภายนอกหรือไม่ ? ”
ความฝันที่สองยังคงกระโดดโลดเต้นอยู่เบื้องหน้า นางก้มลงไปเก็บเห็ดบ้างเป็นครั้งครา จากนั้นก็ตอบว่า “มีสิ เพียงแต่ว่าทางออกเหล่านั้นถูกปิดเอาไว้ทั้งหมดแล้วล่ะ พวกท่านสามารถเข้ามาที่นี่ได้ แต่จะออกไปมิได้แล้วล่ะ”
“…เพราะเหตุใดกัน ? ”
ความฝันที่สองหันหน้ากลับมา “มิมีเหตุผลว่าเพราะเหตุใด ? ปีนั้นพวกเขาก็กำหนดให้มันเป็นแบบนี้ อ่า…จริงสิ ! ที่นี่ดูเหมือนจะมีปัญหาเกิดขึ้น เหมือนว่านานมาแล้วจะมีคนผู้หนึ่งเคยเดินทางมาที่นี่ หลังจากนั้นก็มาอีกหนึ่งกลุ่ม และพวกเขาก็เดินทางจากที่นี่ไป ข้าคิดว่าอาจจะมีช่องทางเร้นลอดออกไปได้ เพราะเยี่ยงไรเสียเวลามันก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว…”
อู๋เทียนซื่อมิเข้าใจในคำเอ่ยของนาง ส่วนความฝันที่สองก็มิได้อธิบายอันใดต่อ นางหันหน้ากลับไป ทว่ามิได้กระโดดโลดเต้นเหมือนเดิม และมิได้เก็บเห็ดอีกต่อไปแล้ว
อยู่ ๆ แววตาของนางก็เผยความชั่วร้ายออกมา และมุมปากก็ยกโค้งขึ้น
ทั้งสองคนนี้มิใช่คนที่สวรรค์ส่งลงมา
ทว่านางจะใช้อู๋เทียนซื่อล่อลวงให้คนผู้นั้นมาที่นี่
เพราะนางต้องการกุญแจไขรหัสความทรงจำของนาง
นางอยากจะออกไปจากที่นี่ !
“ฮ่า ๆ ! ”
“เจ้าหัวเราะอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ข้าคิดว่ามันน่าสนใจดีน่ะ”
“อันใดน่าสนใจเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ความฝันที่สองเอนศีรษะน้อย ๆ ของนางมองไปยังอู๋เทียนซื่อ
“เจ้าคิดว่า…หากพ่อกับลูกเอาปืนมาจ่อศีรษะของกันและกัน ท้ายที่สุดแล้วผู้ใดจะเป็นผู้ลั่นไกออกมาก่อน ? ”
“……”
อู๋เทียนซื่อมิอาจตอบได้ เพราะเขามิเคยคิดถึงเหตุการณ์แบบนั้นมาก่อน
อยู่ ๆ ความฝันที่สองก็นั่งลง นางวางตะกร้าในมือของนางลง แล้วตบพื้นหญ้าเบา ๆ เพื่อให้อู๋เทียนซื่อนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“เจ้าสามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ ? ”
อู๋เทียนซื่อนิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาขึ้นครองบัลลังก์ให้ความฝันที่สองฟัง ทั้งยังตอบคำถามบางคำถามที่ความฝันที่สองเอ่ยถามขึ้นมา
เดิมทีเขามิมีเหตุจำเป็นอันใดต้องบอกเล่าให้เด็กเยี่ยงนางฟัง เพราะเขาคิดว่าเยี่ยงไรเสียเด็กก็คือเด็ก สิ่งที่เขาตามหาเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และมีพลังอำนาจ
แต่มิทราบว่าเพราะเหตุใด อาจเป็นเพราะสายตาที่ตั้งหน้าตั้งตาคอยและดูเหมือนมิมีพิษมิมีภัยอันใดของแม่นางน้อย หรืออาจเป็นเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจที่เก็บงำเอาไว้ในใจมานานจนเกินไป และแน่นอนว่าอาจเป็นเพราะความอัดอั้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้
เขาเพียงแค่ระบายให้ความฝันที่สองฟังก็เท่านั้น แต่เขาช่างมิรู้เลยว่าความฝันที่สองได้ข้อมูลหลาย ๆ อย่างมาจากคำบอกเล่าของเขา
และสิ่งเหล่านี้ก็ได้เติมเต็มสิ่งที่หนี่วามิสามารถบอกนางได้…
เกิดปัญหาขึ้นกับหนี่วาเสียแล้วสิ !
สิบกว่าปีก่อนหน้านี้ ตอนที่วิญญาณของฟู่เสี่ยวกวนได้เดินทางมาถึงโลกใบนี้ หนี่วาได้แจ้งให้นางทราบในทันทีว่าผู้ที่สวรรค์ทรงเลือกได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว
แต่ทว่า !
แต่ทว่าปืนที่มาพร้อมกับฟู่เสี่ยวกวนทำให้หนี่วาตกอยู่ในสภาวะอัมพาต เพราะที่มาของปืนนั้นดูไร้เหตุผล
หลายสิบปีมานี้หนี่วาเข้าไปพัวพันกับปืนนั้น หนี่วาใช้พลังงานมากมายไปกับสิ่งนั้น จนถึงบัดนี้ก็ยังมิทราบว่าของสิ่งนั้นมาอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างไรกันแน่ !
จากคำบอกเล่าของอู๋เทียนซื่อทำให้ความฝันที่สองทราบเรื่องภายนอกอย่างแจ่มชัด ทั้งยังเข้าใจในตัวฟู่เสี่ยวกวนมากยิ่งขึ้น
บัดนี้ยิ่งทำให้นางมั่นใจว่าแผนการของนางจะต้องสำเร็จ และฟู่เสี่ยวกวนจะต้องเดินทางมาที่นี่
“ข้าช่วยเจ้าได้”
อู๋เทียนซื่อผงะตกใจ “…เจ้าจะช่วยข้าได้จริงหรือ ? ”
“อืม” แม่นางน้อยพยักหน้าด้วยสายตาตั้งมั่นแน่วแน่ เปียสองข้างของนางส่ายไปมาจนน่าขัน ท่าทีที่ดูตั้งใจแบบนี้ช่างมิสอดคล้องกับอายุของนางเอาเสียเลย ดังนั้นอู๋เทียนซื่อจึงโพล่งหัวเราะออกมา
“เจ้าคงมิทราบว่าทหารของต้าเซี่ยเก่งกาจมากเพียงใด”
“ข้าทราบแล้ว อืม…พ่อของเจ้าช่างเก่งกาจยิ่งนัก ถึงได้ทำปืนระบบกึ่งอัตโนมัติขึ้นมาได้ แต่ข้ามีของดียิ่งกว่านั้น”
ความฝันที่สองลุกขึ้นยืนแล้วตบก้นเพื่อปัดฝุ่น ทว่ามิได้ถือตะกร้าไม้ไผ่ที่มีเห็ดอยู่เต็มตะกร้าขึ้นมา
“ไปกันเถิด ข้าจะพาเจ้าไปดู”
“เจ้ามีอาวุธแบบนั้นจริง ๆ หรือ ? ”
อู๋เทียนซื่อเอ่ยถามด้วยความมิอยากจะเชื่อ จากนั้นก็ถลึงตาใส่เขา “ข้ามิเคยโกหกผู้ใด ! ”
“แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่าย ข้าจะทำให้เจ้าได้รวบรวมต้าเซี่ยเอาไว้ในกำมืออีกครา แต่เจ้าต้องรับปากกับข้าเรื่องหนึ่ง ! ”
“เรื่องใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ถ้าหากว่าพวกเจ้าสองพ่อลูกเอาปืนจ่อศีรษะกัน เจ้าจะต้องเป็นผู้ที่ลั่นไกก่อนคนแรก ! ”