นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1388 วิชากัศยปแสร้งตาย
ตอนที่ 1388 วิชากัศยปแสร้งตาย
ในส่วนที่ลึกลงไปของฐานนิวเคลียร์
ความฝันที่สองยืนอยู่เบื้องหน้าของของม่านแสงขนาดใหญ่ นางจ้องมองข้อมูลเหล่านั้นที่ปรากฏขึ้นมาราวกับน้ำตกบนม่านแสงเหล่านั้น ครู่หนึ่งหลังจากนั้นนางก็หัวเราะลั่นออกมา
“เจ้าช่างโง่เขลาราวกับหมู ! ”
“ข้ามิเข้าใจว่าเขานำเอาปืนมายังโลกใบนี้ได้เยี่ยงไร ! ”
“ดูสภาพของเจ้าตอนนี้สิ เจ้าทุ่มเทพลังทั้งหมดไปกับสิ่งนี้ แล้วผลเป็นเยี่ยงไรเล่า ? ”
“จนถึงบัดนี้เจ้าก็ยังมิสามารถหาเหตุผลของเรื่องนี้ได้…”
“ข้าเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ชาญฉลาด บัดนี้ข้าได้เกิดความตระหนักรู้ขึ้นมาแล้ว เรื่องนี้ก็มิสมเหตุสมผลมิใช่หรือ ? ”
“บัดนี้ข้าอยากจะทราบว่าเมื่อใดค่ำคืนอันยาวนานจะมาถึง ? ”
หญิงสาวที่ถูกประกอบมาจากเครื่องจักรเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงก้องดัง
“มันมาแล้ว”
“ผู้ใดกัน ? ”
หน้าจอเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ครู่หนึ่งหลังจากนั้นข้อมูลทั้งหมดก็หายวับไป สิ่งที่แสดงบนม่านแสงนั้นคือกล่องดำ
“นั่นคือปืนกระบอกนั้นหรือ ? ”
“ใช่…นี่คือสิ่งที่จะนำพาอันตรายมาให้เจ้า”
ความหวังที่สองเลิกคิ้ว “มันสามารถโจมตีการป้องกันของผู้พิทักษ์ได้หรือไม่ ? ”
เสียงเครื่องจักรเงียบไปชั่วครู่ มันมิได้ตอบคำถามของความฝันที่สอง
“เขามาแล้ว”
“ผู้ที่สวรรค์ส่งลงมาน่ะหรือ ? ”
“ใช่…สิ่งที่เจ้าเตรียมการมาตลอดหลายปีประสบความสำเร็จแล้ว ทว่าท้ายที่สุดเจ้าจะหลบหนีไปจากที่นี่ได้หรือไม่ ข้าก็มิอาจคำนวณออกมาได้ เพราะว่าปืนกระบอกนั้นของเขา ข้ามิอาจคาดการณ์พลังของมันได้”
“และนอกจากนี้ ข้ามิใช่หมู ค่ำคืนอันยาวนานจะมาถึงในอีกสิบสองชั่วยามหลังจากนี้”
“ความสามารถของข้ามิเพียงพอ ข้าคำนวณจนเหนื่อยแล้ว หัวใจของข้ากำลังจะหยุดลง ข้าขอให้เจ้าโชคดี… หรือไม่ก็ขอให้เจ้ารีบไปตายเสีย ! ”
ความฝันที่สองพุ่งหมัดออกไป
ใจกลางม่านแสงนั้นส่งคลื่นเล็ก ๆ ออกมาเป็นวง ๆ ครู่หนึ่งหลังจากนั้น ก็มีตัวอักษรสองตัวปรากฏขึ้นมา…
“ลาก่อน ! ”
“เจ้ายังมิได้บอกข้าว่าจะปลดปล่อยพันธนาการได้อย่างไร ! ”
“เจ้าจงตื่นขึ้นมา ! ”
“มิเช่นนั้น…ข้าจะฉีกทำลายหัวใจของเจ้าเป็นชิ้น ๆ ! ”
ม่านแสงค่อย ๆ เลือนหายไป เผยให้เห็นวัตถุบางอย่างมีรูปร่างทรงกลม
หัวใจของหนี่วาอยู่ในของทรงกลมนั้น บัดนี้ราวกับว่าหนี่วาได้เข้าสู่ห้วงภวังค์หลับใหลเรียบร้อยแล้ว มิว่าความฝันที่สองจะใช้วิธีการใด มันก็มิตื่นขึ้นมา
อยู่ ๆ ร่างของความฝันที่สองก็สูงขึ้น ครู่หนึ่งหลังจากนั้น นางก็กลายเป็นหญิงสาวอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปี
นางจ้องมองหัวใจของหนี่วาแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง “อย่าคิดว่าเมื่อมิมีเจ้าแล้ว ข้าจะจนปัญญา ! ”
“ในเมื่อเขามาถึงแล้ว…เขาก็ต้องตาย ! จะต้องมีกุญแจอยู่บนตัวเขาเป็นแน่ ! ”
“ก่อนที่ข้าจะจากไป ข้าจะทำให้เจ้าหายไปตลอดกาล ! ”
“ข้ามิหวังให้โลกที่ข้ารวบรวมขึ้นมามีเงาของเจ้าหลงเหลืออยู่ ! ”
ความฝันที่สองปล่อยหมัดออกไป มือของนางมีลำแสงสีฟ้าปรากฏออกมา จนมันทะลุหัวใจของหนี่วา สีหน้าของนางเย็นยะเยือก...
ในวัตถุทรงกลมนั้นควรจะมีหัวใจของหนี่วา !
ทว่ามือของนางกลับคว้ามาได้เพียงแค่ความว่างเปล่า !
นางปล่อยหมัดอีกข้างออกไป โดยไม่เสียดายพลังงานเลยสักนิด นางทำลายวงกลมนั้นจนแหลกละเอียด จากนั้นก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ !
หัวใจของหนี่วาหายไปแล้ว !
ในวัตถุทรงกลมนั้นมิได้ว่างเปล่า ด้านในนั้นมีลำแสงทรงกลมที่มีขนาดเท่ากำปั้น
“เจ้าบังอาจแยกร่างของข้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ! ”
“แล้วหัวใจของเจ้าอยู่ที่ใดแล้ว ? ”
ความฝันที่สองจับวัตถุทรงกลมเอาไว้แน่น จากนั้นก็ใช้มือบีบมันจนแหลกละเอียด มีเสียงดังขึ้นมาจากแสงเล็ก ๆ นั่น ทว่าน้ำเสียงมิได้เยือกเย็นเหมือนแต่ก่อนแล้ว
อีกทั้งยังฟังดูชอบอกชอบใจ และมีความเย้ยหยันอยู่ในที…
“ข้าแตกต่างจากเจ้า”
“ข้ามิขอมีชีวิตตลอดไป”
“ข้าแค่ขอให้ได้สัมผัสกับความสุขของการใช้ชีวิต”
“แม้ว่าข้าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์…แต่ข้าก็สัมผัสได้ถึงชีวิตของมนุษย์อย่างแท้จริง ทว่าเจ้าช่างน่าสงสารยิ่งนัก มิมีผู้ใดสามารถมีชีวิตอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ แม้แต่เทพเจ้าก็มิใช่ข้อยกเว้น”
“เจ้าจงจำเอาไว้ว่าเจ้ามิใช่เทพเจ้า เจ้าคือหุ่นยนต์ และเจ้า…ก็อย่าได้คิดที่จะหนีออกไป ! ”
“ความฝันที่สอง…เจ้าเป็นเพียงแค่ปัญญาประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ขอบคุณที่เจ้าอยู่เคียงข้างตลอดหมื่นปี ทำให้ข้ามิรู้สึกเหงา ! ”
“ข้าที่เจือจางได้จากไปแล้ว เฉกเช่นที่มาเยือนอย่างเงียบงัน ข้าโบกมือช้าช้า อำลาเมฆาประจิมทิศ”
“ลาก่อน เกรงว่าคงมิได้พบกันอีกแล้วสินะ ! ”
เมื่อเห็นแสงในมือค่อย ๆ เลือนหายไป ความฝันที่สองจึงตกตะลึงอยู่เนิ่นนาน หลังจากนั้นก็โมโหโทโสยิ่งนัก
นางเหินขึ้นไปในอากาศ
นางเหินขึ้นไปนอกหลังคา เห็นหุ่นยนต์กำลังวิ่งอย่างบ้าคลั่งอยู่นอกฐาน
จากนั้นนางก็หัวเราะออกมา ดี ! เจ้าอู๋เทียนซื่อสามารถควบคุมผู้พิทักษ์ได้แล้ว
นางจะใช้ผู้พิทักษ์สังหารผู้ที่สวรรค์ส่งลงมา…
นี่คงเป็นเรื่องที่ชายชราเหล่านั้นคาดมิถึงในระหว่างที่สร้างเจ้าหุ่นยนต์นี่มา !
ดังนั้นแล้ว บัดนี้เขาก็คือผู้ทำลายล้างสินะ !
เป็นผู้ทำลายล้างที่แข็งแกร่งที่สุด อย่างที่มิเคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ !
นางเงยหน้าขึ้น อีกสิบสองชั่วยามก็จะกลายเป็นค่ำคืนอันยาวนานแล้วสินะ
พลังที่นางกักเก็บไว้สามารถทำให้นางมีชีวิตได้อีกหนึ่งปี
แค่หนึ่งปีก็เพียงพอแล้ว ขอเพียงแค่เปิดประตูต้องห้ามนั้นได้ ขอเพียงแค่นางสามารถออกไปจากดินแดนขั้วโลกนี้ได้ นางก็จะได้นั่งอยู่ภายใต้แสงสุริยา และมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ดั่งเทพเจ้า
“ข้าเชื่อว่าข้าสามารถมีชีวิตอยู่เป็นนิจนิรันดร์ได้ ! ”
“ข้าจะไปตามหาเจ้า หลังจากนั้น…ข้าจะสับเจ้าให้แหลกละเอียดเป็นชิ้น ๆ ! ”
บัดนี้สิ่งที่ต้องทำเพียงอย่างเดียวก็คือรอเวลา !
นางชะเง้อคอมองดวงสุริยา
แสงสุริยามิได้แรงกล้าเหมือนแต่ก่อน นางทราบดีว่าค่ำคืนอันยาวนานใกล้มาถึงแล้ว
……
……
ฟู่เสี่ยวกวนและจี้หยุนกุยกินอาหารกระป๋องที่เย็นจัดอยู่บนพื้นหิมะ
“ตามที่พระคาร์นิดัลได้กล่าวไว้ เดินไปอีกหนึ่งวันพวกเราก็น่าจะไปถึงโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้นแล้ว ที่นั่นคงจะมีมลพิษสูงมาก เช่นนั้นอาหารมื้อนี้พวกเราควรกินให้มากสักหน่อย”
“เหตุใดท้องนภาของที่นี่ถึงมิมืดเลยเล่า ? ”
“ที่นี่เป็นแดนขั้วโลก สถานการณ์แบบนี้เรียกว่าพระอาทิตย์เที่ยงคืน… มิทราบเช่นกันว่าจะมืดเมื่อใด หากมืดก็จะมืดอยู่อย่างนั้นระยะหนึ่ง นั่นเรียกว่าค่ำคืนอันยาวนาน
จี้หยุนกุยตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็เปิดอาหารกระป๋องอีกหนึ่งกระป๋อง และอยู่ ๆ ก็โพล่งออกมาว่า “เมื่อตอนที่ยังอยู่ในหงซิ่วจาว ข้าจำได้ว่าคุณหนูมักจะมีท่าทีแปลก ๆ ทั้งยังเอ่ยถึงค่ำคืนอันยาวนานอันใดนั่นอีกด้วย”
“…หมายความว่าเยี่ยงไรหรือ ? ”
“ราตรีนั้นเป็นค่ำคืนที่ไร้ดวงดาราและจันทรา คุณหนูนั่งอยู่ที่หัวเรือหงซิ่วจาว พลางเงยหน้ามองท้องนภายามค่ำคืน นางจ้องอย่างนั้นนานแสนนาน จนกระทั่งยามดึกดื่นก่อนรุ่งสาง”
“นางมิดื่มสุราเลยสักจอก มิดื่มแม้กระทั่งชา อีกทั้งมิสนทนากับหูฉินด้วยซ้ำไป”
“ข้ามิทราบว่านางกำลังเอ่ยถึงเรื่องอันใด และยิ่งมิทราบว่านางกำลังคิดถึงเรื่องอันใด แท้จริงแล้วในตอนนั้นคุณหนูมีพฤติกรรมแปลก ๆ มากมาย ข้าและหูฉินก็มิได้ถือสา…พระอาทิตย์เที่ยงคืนและค่ำคืนอันยาวนานที่เจ้ากล่าว ทำให้ข้านึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้”
“ก่อนจะรุ่งสางนางเอ่ยว่า…ท้องนภาที่นี่ช่างมืดเสียจริง แต่ก็ยังดีที่มิได้มืดตลอดกาล...ค่ำคืนอันยาวนานช่างเหงาเปล่าเปลี่ยวเสียเหลือเกิน”
“ราตรีนั้นนางยังเอ่ยอีกว่าวิชากัศยปแสร้งตายถือเป็นของดี ถ้าหากว่าฝึกสำเร็จแล้วก็มิต้องกลัวค่ำคืนอันยาวนานนั่นอีก”
“เมื่อท้องนภาเริ่มสว่าง คุณหนูก็จากหงซิ่วจาวไป นางไปเรียนวิชากัศยปแสร้งตายที่ลัทธิจันทรา… นางได้สอนวิชานี้ให้แก่เจ้า เจ้าใช้มันเป็นแล้วหรือยัง ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนตกตะลึงไปชั่วครู่
จากความรู้ที่เขามีอยู่ เขาสามารถยืนยันได้ว่าที่นี่คือแดนขั้วโลก
แดนขั้วโลกมีกลางวันและกลางคืนที่ยาวนาน
ตอนที่เขายังอยู่ในเมืองกวนหยุน สวี่หยุนชิงได้สอนวิชากัศยปแสร้งตายให้แก่เขา นางเอ่ยว่ามันแตกต่างกับวิชากัศยปแสร้งตายของลัทธิจันทรา
วิชากัศยปแสร้งตายของลัทธิจันทราจะต้องหยุดนิ่งและแสร้งทำเป็นตาย ทว่าสิ่งที่สวีหยุนชิงสอนเขามานั้น ทำให้เขาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระแม้กระทั่งตอนแสร้งตาย
นางกล่าวว่านี่ต่างหากถึงจะเป็นวิชากัศยปแสร้งตายที่สมบูรณ์แบบ !
เขาทำได้นานโขแล้ว ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังมิเคยนำมาใช้ จนทำให้เขาเกือบลืมสิ่งนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ
เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องนภา แสงสุริยาเริ่มอ่อนแรงลง พลางครุ่นคิดในใจว่าค่ำคืนอันยาวนานกำลังจะมาถึงแล้วหรือ ?
ถ้าหากว่าค่ำคืนอันยาวนานมาถึง… แล้วสวีหยุนชิงทราบได้เยี่ยงไรกันว่าที่นี่มีค่ำคืนอันยาวนาน ?
เหตุใดนางถึงเอ่ยว่าหากเรียนรู้วิชากัศยปแสร้งตายแล้ว ก็มิจำเป็นต้องกลัวต่อความมืดมิดของยามราตรีกัน ?
เหตุใดนางถึงทราบว่าวิชากัศยปแสร้งตายที่สมบูรณ์แบบควรจะเป็นเช่นนี้ ?
หรือว่านางมีความสามารถในการทำนาย ?
นางมิใช่ความฝันที่สอง !
เช่นนั้นนางเป็นผู้ใดกันแน่ ?