นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 143 ออกเรือ
ตอนที่ 143 ออกเรือ
เช้าตรู่ของฤดูหนาวอากาศเย็นจัด ดอกไม้สีแดงที่มีอยู่ในลานบ้านต่างจางตาลงไป กลีบดอกไม้ต่างร่วงหล่นไปกับพื้น
หลังจากผ่านการฝึกฝนมาสองวันเต็ม ๆ ไป๋ยู่เหลียนและซูม่อถึงได้จำภาษามือที่ฟู่เสี่ยวกวนสอนทั้งหมดได้ขึ้นใจ
ในวันนี้ฟู่เสี่ยวกวนจะจัดระเบียบทหารผ่านศึกทั้งห้าร้อยนายที่ไป๋ยู่เหลียนพามาและผู้ประสบภัยทั้งสองพันนายที่เขาเป็นผู้คัดเลือกใหม่
สนามฝึกซ้อมด้านนอกเรือนซีซาน คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ฟู่เสี่ยวกวนกับไป๋ยู่เหลียนและซูม่อเดินไปยังเวทีสูงที่อยู่เบื้องหน้า
หลังจากที่ทหารใหม่ทั้งสองพันนายได้การฝึกฝนมานานสองเดือนก็ดูเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง แตกต่างจากสภาพหน้าเหลืองผิวแห้งยามที่มาถึงซีซานช่วงแรก ๆ
พวกเขามีมื้ออาหารที่ดี สภาพหอพักก็ดีเยี่ยม และเริ่มมีแรงผลักดันจากภายใต้การฝึกฝนของหัวหน้าทหารยามเฉินป๋อ
ส่วนทหารห้าร้อยนายที่ไป๋ยู่เหลียนพามาในยามนี้ต่างยืนสงบนิ่ง ถึงแม้พวกเขาจะมาถึงที่นี่ได้เพียงไม่กี่วัน แต่ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับนิสัยใจคอของคุณชาย
แต่เดิมพวกเขานั้นมิเชื่อ แต่หลังจากที่มาถึงเรือนซีซานก็ได้ยินเรื่องมากมายที่คุณชายผู้นี้ทำ คิดแล้วก็คงมิใช่เรื่องเท็จเป็นแน่
ตั้งแต่ที่ติดตามไป๋ยู่เหลียนมา ชีวิตของพวกเขานั้นก็ได้ขายให้แก่ไป๋ยู่เหลียนไปแล้ว แต่ไป๋ยู่เหลียนกลับกล่าวว่าชีวิตของพวกเขาต้องขายให้แก่คุณชายนามฟู่เสี่ยวกวน ——ดังนั้นในยามนี้พวกเขาจึงรอดูท่าที
อย่างไรแล้วพวกเขาก็เคยเป็นทหารของไป๋ยู่เหลียน ย่อมเชื่อมั่นในตัวไป๋ยู่เหลียน แต่ฟู่เสี่ยวกวนเป็นชายหนุ่มที่เพิ่งจะอายุ 16 ปีในตอนนี้เป็นได้เพียงคนแปลกหน้าสำหรับพวกเขา พวกเขายากที่จะเชื่อว่าชายหนุ่มอายุ 16 ปีจะสามารถทำอะไรได้มากมาย ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มผู้นี้ก็เป็นคุณชายจากตระกูลเศรษฐีที่ดิน
แต่เยี่ยงไรแล้วก็ต้องไว้หน้าแก่ไป๋ยู่เหลียน ดังนั้นในยามนี้พวกเขาจึงยืนตัวตรง มิหลงเหลือรูปลักษณ์ของกองทัพทหารชายแดนตะวันออกอีกแล้ว
กลุ่มฟู่เสี่ยวกวนสามคนเดินขึ้นไปบนเวที ผู้ที่ตื่นเต้นขึ้นมาก่อนก็คือทหารใหม่ 2,000 นาย ฟู่เสี่ยวกวนที่อยู่ในใจของพวกเขานั้นราวกับเป็นพระเจ้า
“คุณชายขอรับ คุณชาย คุณชาย…”
ทหารผ่านศึกทั้งห้าร้อยนายที่อยู่ด้านข้างต่างผงะ ให้ตายเถอะ บ้าคลั่งกันได้ถึงเพียงนี้เลยรึ?
ทหารใหม่ 2,000 นายต่างตื่นเต้นจนฉุดไม่อยู่ หากมิใช่เพราะคำสั่งของเฉินป๋อ และในยามนี้เฉินป๋อก็ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน ไม่อย่างนั้นแล้วคนเหล่านี้ก็อาจจะพุ่งไปข้างหน้าไปก็เป็นได้
ผ่านไปหลายอึดใจฟู่เสี่ยวกวนจึงได้ยกมือขึ้นและกดลง ทันใดนั้นก็เงียบนิ่งและไร้เสียง
ไป๋ยู่เหลียนและซูม่อสบตากัน ในแววตาฉายแววตื่นตะลึง
นี่คือคำสั่งหยุด ถึงแม้ทหารใหม่จะมีเพียง 2,000 นาย แต่ฟู่เสี่ยวกวนออกท่าทางเพียงหนึ่งเท่านั้น ก็สามารถสั่งให้พวกเขาอยู่อย่างเป็นระเบียบอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คนผู้นี้หากบอกว่าเป็นผู้นำทหาร ก็คงมิเกินคาดเท่าใด
“ในวันนี้ที่ให้พวกเจ้ามารวมตัวกัน เพราะต่อจากนี้ข้ามีประกาศสำคัญจะมาแจ้งให้ทราบ ตอนนี้ข้าจักแนะนำคนผู้หนึ่งให้พวกเจ้ารู้จัก เขามีนามว่าไป๋ยู่เหลียน”
ฟู่เสี่ยวกวนยื่นมือออกไป ไป๋ยู่เหลียนก็มาหยุดยืนที่ด้านหน้า
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเราต้องจัดตั้งกองกำลังส่วนตนกองใหม่ พวกเจ้าคือสมาชิกรุ่นแรกของกองกำลังส่วนตนนี้ แต่ว่า…” ฟู่เสี่ยวกวนกวาดสายตามองไปทั้งสนามด้วยท่าทีเคร่งขรึม และน้ำเสียงก็เพิ่มความดุดันขึ้น “ช่วงเวลาต่อจากนี้ไป พวกเจ้าจะเผชิญกับการฝึกที่เข้มงวดที่สุด ครึ่งปีให้หลัง พวกเจ้าจะเข้าสู่การทดสอบครั้งแรก ผู้ที่ทดสอบไม่ผ่านก็จะถูกคัดออก หนึ่งปีให้หลัง ผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบครั้งที่สองก็จะถูกคัดออก นี่มันโหดร้ายอย่างยิ่ง แต่ข้าต้องการเพียงทหารชั้นยอด เพราะกองกำลังทหารที่เก่งกาจที่สุดในโลกนี้จะมีชื่อที่พิเศษ มีนามว่าดาบเทวะ”
“ดาบที่เหมือนพระเจ้า สามารถทำให้ศัตรูหวาดผวาได้ในทุกที่ที่ผ่านไป !”
“ในวันนี้ของปีหน้าข้าจะรอพวกเจ้าที่ตรงนี้ รอให้พวกเจ้าผ่านการทดสอบ และกลายมาเป็นสมาชิกของดาบเทวะ!”
“การฝึกต่อจากนี้มีไป๋ยู่เหลียนเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด พวกเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของนายพลไป๋อย่างมิมีข้อแม้ หากมีผู้ใดมิฟังคำสั่ง ก็สังหารเสีย!”
“หากใครใจเสาะก็ไปได้ตั้งแต่ตอนนี้ หากมีผู้ใดไม่สามารถทนรับได้ระหว่างการฝึก ก็ไปได้ตลอดเวลา ข้าจักไม่กล่าวโทษพวกเจ้า เพราะการฝึกตั้งแต่นี้ต่อไปจะทำลายความเข้าใจของพวกเจ้าไปจนสิ้น”
“ต่อจากนี้ต้องอยู่ในโอวาทของนายพลไป๋ !”
ไป๋ยู่เหลียนแบกดาบเล่มใหญ่สวมใส่ชุดที่คล่องแคล่วสองมือไขว้หลังและยืนอยู่บนเวทีสูง
สองวันมานี้ฟู่เสี่ยวกวนได้เขียนรายละเอียดแผนการฝึกทั้งหมดให้แก่เขา ภายใต้ภูเขาไต้ชาน มีสนามฝึกแห่งใหม่ได้สร้างเสร็จดีแล้ว แน่นอนว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งในสนามฝึกเหล่านั้นไป๋ยู่เหลียนไม่เคยเห็นมาก่อน
และฟู่เสี่ยวกวนก็แสดงให้เขาได้ดูทีละอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการคลานไปข้างหน้าหรือก้าวข้ามสิ่งกีดขวาง การเคลื่อนไหวของฟู่เสี่ยวกวนพลิ้วไหวราวกับสายน้ำอย่างไร้ที่ติ
ไป๋ยู่เหลียนและซูม่อในยามนั้นตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด หากทหารทุกคนสามารถบรรลุการเคลื่อนไหวตามยุทธวิธีที่ฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้กำหนดไว้ได้ ตามสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวไว้ เยี่ยงนั้นแล้วกองทัพนี้จะน่ากลัวขนาดไหนกัน?
ตามแผนกำหนดการของฟู่เสี่ยวกวน ตอนเช้าจะฝึกฝนร่างกาย ตกบ่ายจะเป็นการฝึกฝนการใช้อาวุธ ตกเย็น… ตกเย็นวิ่งขึ้นไปบนภูเขาไต้ชาน โดยแบกรับน้ำหนัก 60 ชั่ง !
“ศักยภาพของมนุษย์นั้นไร้ขีดจำกัด นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าหน่วยรบพิเศษ ความจริงแล้วก็เป็นไปตามมาตรฐานของการฝึกยุทธวิธี ใช้การฝึกฝนที่ห่างไกลจากการฝึกฝนของทหารทั่วไปเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขา ฝึกฝนพวกเขาให้กลายเป็นอาวุธสงคราม ก็เท่านั้น”
เอาเถอะ ต่อจากนี้ข้าจักฝึกกระต่ายเหล่านี้ให้กลายเป็นอาวุธสงครามให้ได้ !
“ข้าจะกล่าวเพียงประโยคเดียว ทหารของข้ามิมีคนอ่อนแอ !”
“คุณชายกล่าวไว้แล้ว ผู้ใดที่มิฟังคำสั่ง ก็สังหารเสีย !”
ไป๋ยู่เหลียนแผ่จิตสังหารออกมา พลิกมือชักดาบยาวออกมา เกิดเสียงดังสนั่น ทันใดนั้นเวทีสูงที่อยู่ใต้เท้าก็ถูกตัดมุม
ดาบยาวในมือของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ต่อจากนี้จะทำการแบ่งกลุ่ม เฉินป๋อ ออกมา ! ”
……
…..
ทีมถูกแบ่งออกไปตามแผนการเดิมอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะทหารเก่าหรือทหารใหม่ต่างก็ให้ความร่วมมือดีอย่างยิ่ง บางทีเพื่อที่จะได้เข้าดาบเทวะ หรือบางทีอาจเป็นเพราะถูกบังคับโดยอำนาจดาบของไป๋ยู่เหลียน แต่สรุปแล้ว ความกังวลใจแต่เดิมในเรื่องความขัดแย้งกันระหว่างคนเก่าคนใหม่ของฟู่เสี่ยวกวนก็มิได้ปรากฏขึ้น
ขบวนทัพที่ใหญ่โตถูกไป๋ยู่เหลียนลากไปสนามฝึกที่ภูเขาไต้ชาน มีชาวบ้านมากมายเข้ามาเมียงมอง ฟู่เสี่ยวกวนใคร่ครวญ แล้วจึงส่งทหารยามไม่กี่คนไปขอให้พวกเขาออกห่างไป หลังจากนั้นก็มีป้ายติดประกาศที่ด้านนอก สถานที่สำคัญทางทหาร ห้ามเข้ารับชม !
ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็คือการฝึกทหาร ถึงแม้จะเป็นกองกำลังส่วนตน แต่ก็เป็นกองกำลังที่มากเกินไป ในกรณีที่มีผู้มีจุดประสงค์แอบแฝงเข้ามายุ่ง ถึงแม้ฟู่เสี่ยวกวนจะมีวิธีแก้ไขปัญหา แต่เยี่ยงนั้นจะยุ่งยากอย่างมาก เพราะย่อมมีคนจับเรื่องนี้มาทำเป็นบทความ
เรือนหลังซีซานมีซูเจวี๋ยกับซูโหรว ส่วนซูม่อนั้นให้ความสนใจกับวิธีการฝึกฝนอย่างมาก โดยหลังจากได้รับการยินยอมจากฟู่เสี่ยวกวน ซูม่อก็เข้าร่วมเช่นกัน
เรือนหลังเงียบอย่างยิ่ง
ภายในห้องซูเจวี๋ยกำลังนั่งสมาธิฝึกลมหายใจ ซูโหรวปักดอกไม้อยู่ข้างลำธาร ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่ในศาลาเพียงลำพังและกำลังเขียนจดหมายให้กับฟู่ต้ากวน
ภายในจดหมายนั้นมีอยู่สองเรื่อง ประการแรกต้องการให้แม่ห้ามอบหมายให้ครอบครัวของนางตีอาวุธขึ้นมาชุดหนึ่ง อาวุธชุดนี้จะแตกต่างจากปกติทั่วไป หนึ่งคือมีดสั้น หนึ่งคือดาบ หนึ่งคือ** สุดท้ายก็คือหน้าไม้ธรรมดา
ประการที่สองต้องการให้แม่หกมอบหมายให้ครอบครัวของนางเย็บเสื้อผ้าขึ้นมาจำนวนหนึ่ง สิ่งนี้จะมีความแปลกใหม่อย่างมาก ต้องทำตามแบบชุดออกรบที่ฟู่เสี่ยวกวนเคยใส่มา
สุดท้ายเขาก็หยิบกระดาษขึ้นมาวาด และระบุไว้เป็นพิเศษว่าสิ่งนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับ
หลังส่งจดหมายออกไป ฟู่เสี่ยวกวนก็นอนอยู่บนเก้าอี้ ครุ่นคิดถึงทหาร 2,500 นายว่าสุดท้ายแล้วจะหลงเหลืออยู่เพียงเท่าใด หากเขาได้รับสั่งให้เป็นทูตของการอภิเษกสมรสจริง ๆ กองกำลังนี้ก็ต้องพาไปด้วยแต่นั่นมิใช่เพื่อปกป้องเขา แต่เขาต้องการขโมยม้าศึกของชาวฮวงเล็กน้อย