นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 310 ศิษย์พี่รอง
ตอนที่ 310 ศิษย์พี่รอง
เมื่ออาทิตย์อัสดง
ฝูงนกกาต่างพากันบินกลับรังนอน
บัดนี้ทะเลสาบสือหลี่สงบนิ่ง ผิวน้ำใสสะท้อนเงาราวกระจก
แสงจันทร์ครึ่งเสี้ยวกระทบมายังหอจิ้นสุ่ย
เดิมทีนี่คือค่ำคืนอันเงียบสงบ ราวกับภาพแห่งจินตนาการในบทกวี
แต่ทว่าการต่อสู้ ณ หน้าหอจิ้นสุ่ยกลับทำให้ภาพอันละมุนละไมนี้กลายเป็นฉากเข่นฆ่าที่แสนโหดร้ายไปเสียแล้ว
มองไปยังสภาพที่ปรากฏเบื้องหน้านี้ ฟู่เสี่ยวกวนได้แต่พึมพำอยู่ในใจว่า พวกเขาต่างหากที่น่าสลด ข้ามิเกี่ยวข้องอันใดเลย
ดาบของจั่วซีสุ่ยเปล่งแสงอันเยือกเย็นในยามพระอาทิตย์ตก เขาราวกับลอยลงมาจากท้องฟ้า ดาบที่ส่องแสงออกมาลอยพุ่งเข้าไปรวดเร็วคล้ายกับดาวตก อีกเพียงนิดหนึ่งก็ถึงตัวฟู่เสี่ยวกวนแล้ว
ฟู่เสี่ยวกวนรีบนำมือออกมาจากแขนเสื้อแล้วจับไปที่ปืนกระบอกนั้น
ซูเจวี๋ยใช้ดาบสลัดดาบทั้งสองที่กีดขวางเขาอยู่ จากนั้นกำลังจะพุ่งเข้าไปคุ้มกัน
ต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินหน้าซีดเผือด พวกนางกำลังจะวิ่งเข้าไปหาฟู่เสี่ยวกวนเพื่อใช้ตัวกำบังดาบที่ราวกับตกลงมาจากสวรรค์นั่น
ซูซูง้างดีดสายพิณเล็งไปยังดาบนั้น
ซูโหรวหยิบเข็มปักผ้าสะบัดออก กำลังจะปักไปยังดาบนั้นเช่นกัน
บัณฑิตทั้งหลายต่างตกตะลึง แต่ทว่าท่าป๋ายวนกับเยียนหานหวี่ยิ้มเยาะออกมาตรงมุมปาก ครานี้คงจะมิรอดเป็นแน่ เจ้าจงตายไปเสีย ! เขาผู้นี้เป็นถึงนักดาบฝีมือระดับหนึ่ง เจ้าเป็นเพียงระดับสามขั้นต้นเท่านั้น จะเอาสิ่งใดมาสู้ ?
เกาหยาเน่ยมองไปยังดาบที่พวยพุ่งมานั้นแล้วใจหาย ให้ตายสิ ! หากฟู่เสี่ยวกวนถูกดาบนี้ฟันเสียจนชีวิตมลาย เขาจะทำเยี่ยงไร ?
แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ทั้งสามคนนี้เสด็จพ่อเป็นผู้ประทานมาให้ อีกทั้งมิเคยกล่าวถึงประวัติความเป็นมา หากทั้งสามคนนี้ปลิดชีพฟู่เสี่ยวกวนจริง ๆ คาดว่าเสด็จพ่อคงจะวางแผนการไว้ล่วงหน้าแล้ว
ดังนั้นเขาจึงได้วางใจลงแล้วมองไปยังทะเลสาบสือหลี่ เหตุใดพวกหน่วยสอดแนมจึงยังมิมา ?
เขาเพียงแค่คิด แล้วหันความสนใจไปยังดาบนั่น
เขามั่นใจยิ่งว่าฟู่เสี่ยวกวนจะต้องตายหรือไม่ก็สาหัสเป็นแน่ ใครให้เจ้าแย่งชิงกับข้ากันเล่า ที่นี่คือเมืองกวนหยุนเป็นถิ่นของข้า ต่อให้เจ้าเป็นมังกรมาจากที่ใดก็จงเจียมตน แม้แต่เป็นราชสีห์ก็ควรเก็บกรงเล็บของตนเอาไว้ !
น่าเสียดายแท้ ๆ เจ้าหมอนี่ประพันธ์กวีได้มิเลวเลย ต่อจากนี้คงจะมิได้ยินกวีที่ไพเราะเช่นนี้แล้ว
แต่ทว่า ! ในฉากต่อมาเขาก็ต้องเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง !
คล้ายมีลูกชิ้นลูกโตกลิ้งลงมาจากหลังคาของหอจิ้นสุ่ย !
ลูกชิ้นมนุษย์ !
ขนาดพอดีกับโม่หิน !
ร่างกายของเขาอ้วนใหญ่กว่าเกาหยาเน่ยสามเท่า !
เขาม้วนตัวกลิ้งลงมาด้วยความเร็ว และใกล้เข้ามายังหอจิ้นสุ่ยทุกครา คล้ายกับจะกลิ้งลงมาตกลงบนหัวของฟู่เสี่ยวกวน จากนั้นวินาทีที่เขาแผ่ร่างกายออกมา เป็นจังหวะที่ดาบของจั่วซีสุ่ยกำลังจะพุ่งแทงฟู่เสี่ยวกวนพอดี เขายื่นมืออ้วนกลมขนาดเท่ากับใบต้นปาล์มออกมา
มือนี้ไม่ว่ามองเยี่ยงไรก็ดูเชื่องช้า แต่ทว่ากลับว่องไวยิ่ง
พริบตาเดียว นิ้วมือทั้งสองของเขาก็ยื่นออกมาคีบรับดาบนั้นเอาไว้
ชายอ้วนผู้นั้นลงมาสู่พื้นธรณี แต่จั่วซีสุ่ยยังคงลอยอยู่บนชั้นบรรยากาศ
เมื่อมองไปจะเห็นเป็นว่า ชายอ้วนนั่นคีบดาบของจั่วซีสุ่ยเอาไว้ แล้วยกจั่วซีสุ่ยให้ลอยขึ้นกลางอากาศ
จั่วซีสุ่ยขยับดาบ นิ้วทั้งสองของชายอ้วนท้วมจึงได้ปล่อยออกแล้วดีดนิ้วไปยังดาบเล่มนั้น “ติ๊ง… ! ” เสียงดังกังวาน จากนั้นก็พบว่าจั่วซีสุ่ยได้ตีลังกาลอยกลับไปแล้วตกลงสู่พื้น
เขาขมวดคิ้วแล้วอุทานออกมาว่า “เกาหยวนหยวน ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนเดิมทีหวังจะชักปืนปลิดชีพจั่วซีสุ่ย คาดมิถึงว่าเจ้าลูกชิ้นกลม ๆ นี้ จะมาช่วยเขาบังดาบเอาไว้ทันเวลาพอดี
บัดนี้ชายอ้วนกลมผู้นั้นยืนอยู่เบื้องหน้าเขา รูปร่างสูงใหญ่กว่าฟู่เสี่ยวกวนมากนัก ที่สำคัญคือ…เขาสามารถบดบังทัศนียภาพของฟู่เสี่ยวกวนได้ทั้งหมด !
ชายอ้วนผู้นี้หันหลังกลับมาตบลงที่ไหล่ของฟู่เสี่ยวกวน เมื่อสักครู่เขายืนมองอยู่ที่ชายคาหอจิ้นสุ่ย เมื่อพบว่าดาบของจั่วซีสุ่ยกำลังจะปลิดชีวิตฟู่เสี่ยวกวน แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับสงบนิ่งไร้ความกลัวหรือมิคิดแม้จะถอยหนี !
ในสายตาของชายอ้วน นี่คือความมั่นคงดุจขุนผา มิน่าเล่าท่านอาจารย์จึงได้ชื่นชมเขานัก เหตุเพราะเขาคือชายหนุ่มผู้โดดเด่นกล้าหาญ !
“ข้าคือศิษย์รองแห่งสำนักเต๋า นามว่าเกาหยวนหยวน วางใจเถิดหากข้าอยู่ที่นี่ จะมิมีผู้ใดทำร้ายเจ้าได้แม้แต่เพียงขนเส้นเดียว ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนอ้าปากค้าง เกาหยวนหยวน พระเจ้า ! นามนี้ช่างเหมาะกับเขาอย่างแท้จริง เกาหมายถึงสูง ส่วนหยวนหมายถึงกลม !
“เจ้ายืนรอดูอยู่ที่นี่ ข้าขอไปจัดการเจ้าสวะนั่นให้เรียบร้อยเสียก่อนแล้วจะมาคุยกับเจ้าใหม่”
เกาหยวนหยวนหันหลังกลับไปด้วยท่าทางเฉิ่มเฉื่อย เขาก้าวไปทางจั่วซีสุ่ยอย่างช้า ๆ ฟู่เสี่ยวกวนสัมผัสได้ถึงพื้นดินกำลังสั่นตามแรงกระทบของแต่ละก้าวที่เขาเหยียบลง มองเห็นร่างของศิษย์พี่รองผู้นั้นสั่นเป็นคลื่นจากแสงจันทร์ที่สาดส่อง !
ต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินวิ่งมาข้างกายฟู่เสี่ยวกวน พวกนางก็มองไปยังร่างกลมอ้วนนั้นที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยความตกตะลึง ใต้หล้านี้มีมนุษย์ตัวใหญ่ถึงเพียงนี้อยู่จริงเยี่ยงนั้นหรือ ?
เกาหยาเน่ยก็มองดูเกาหยวนหยวนด้วยท่าทางตะลึงเช่นกัน เขานึกอยู่ในใจว่าให้ตายสิ ชื่อจริงข้าคือเกาฟู่ลวี่ เจ้าชื่อว่าเกาหยวนหยวน หรือเมื่อสามร้อยปีก่อนพวกเราจะเคยเป็นญาติกัน ?
แต่เยียนหานยวี่กับท่าป๋ายวนกลับรู้สึกผิดหวังยิ่ง ฟู่เสี่ยวกวน เจ้าหมอนี่มีผู้มีฝีมือคอยติดตามมากเท่าใดกัน ?
ศิษย์รองแห่งสำนักเต๋าเกาหยวนหยวน มิได้มีชื่อเสียงในยุทธภพ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้จัก แต่ทว่าท่าทางเมื่อครู่ของเกาหยวนหยวนที่ใช้เพียงสองนิ้วก็สามารถรับดาบของจั่วจิ้นสุ่ยไว้ได้ เขาผู้นี้ย่อมเป็นผู้มีฝีมือมิผิดแน่
จั่วจิ้นสุ่ยรู้จักเกาหยวนหยวน เนื่องจากเมื่อสามปีก่อนเกาหยวนหยวนเคยไปยังป่ากระบี่ และได้ท้าประลองกับรองผู้อาวุโสเหมยหลี่เสวี่ยหง
ผลปรากฏว่าเกาหยวนหยวนชนะ ส่วนเหมยหลี่เสวี่ยหงยังคงรักษาตัวกระทั่งบัดนี้
เจ้าสำนักป่ากระบี่เห็นฉากการต่อสู้นั้นแล้วกล่าวออกมาว่า “ลูกศิษย์แห่งสำนักเต๋าทั้งแปดคนนั้น เกรงว่าเกาหยวนหยวนจะเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์เป็นคนแรก”
เจ้าอ้วนตะกละนี้ เข้าสู่ขั้นปรมาจารย์เร็วกว่าคนอื่นเยี่ยงนั้นหรือ !
แต่บัดนี้ผ่านไปถึง 3 ปีแล้ว เขายังมิได้เข้าสู่ขั้นปรมาจารย์เลย เพียงแค่ก้าวข้ามเขตประตูเท่านั้น !
เกาหยวนหยวนค่อย ๆ ส่งสายตาไปยังจั่วซีสุ่ยที่อยู่เบื้องหน้า เขากล่าวกับจั่วซีสุ่ยเพียงว่า “เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของข้า แม่นางเหมยหลี่รักษาตัวจนหายดีแล้วหรือยัง ? นางตกลงกับข้าว่านางจะแต่งงานกับข้า”
ไอหยา !
ฟู่เสี่ยวกวนได้ยินดังนั้นก็นับถือชื่นชมศิษย์พี่รองผู้นี้มากยิ่งขึ้น
แต่เมื่อจั่วซีสุ่ยได้ยินดังนั้นกลับใจคอมิดี
แม้ว่าเหมยหลี่เสวี่ยหงจะเป็นรองผู้อาวุโส แต่นางมิได้อาวุโสตามตำแหน่ง !
นางอายุเพียง 26 ปีเท่านั้น แต่ทักษะกระบี่กลับถึงขั้นสูงสุดแล้ว
เมื่อสามปีก่อนที่เหมยหลี่เสวี่ยหงพ่ายแพ้ มิได้แพ้เพราะวิชากระบี่กำลังภายใน แต่แพ้เพราะร่างอ้วนกลมของเจ้าเกาหยวนหยวนนี่ต่างหาก
เขายังจำได้ขึ้นใจว่ากระบี่สุดท้ายที่พุ่งแทงออกไปนั้น เหมยหลี่เสวี่ยหงแทงทะลุเข้าบริเวณท้องของเกาหยวนหยวนอย่างชัดเจน มิมีผู้ใดคาดคิดว่ากระบี่มิได้แทงเข้าไป แต่ถูกไขมันที่หน้าท้องของเขาหนีบเอาไว้ จึงทำให้เหมยหลี่เสวี่ยหงมิสามารถชักกระบี่กลับได้ ส่วนเกาหยวนหยวนกลับพุ่งไปเบื้องหน้า…
เหมยหลี่เสวี่ยหงถูกไขมันชิ้นโตนั้นกดทับทั้งร่าง จนสุดท้ายก็แทบหายใจมิออก
นี่คือเรื่องที่เหมยหลี่เสวี่ยหงรู้สึกอับอายมากที่สุดในชีวิตของนาง ดังนั้นนางจึงปิดตนเองและใช้ชีวิตเงียบ ๆ เดิมทีคาดว่าเป็นเพราะต้องการจะแก้แค้น แต่เมื่อเกาหยวนหยวนกล่าวว่ารองอาวุโสสัญญาจะแต่งงานกับเขา ทำให้จั่วซีสุ่ยยากที่จะจินตนาการเสียจริง
ฟู่เสี่ยวกวนก็เช่นกัน…
ทันใดนั้นเอง ก็มีใครบางคนปรากฏขึ้นมา
เมื่อเขาผู้นั้นร่อนลงสู่พื้น ก็มองเห็นท่าทางอันหยิ่งยโสของเขา
เขายืนกวาดมองไปอย่างเยือกเย็นแล้วตะโกนออกมาว่า “ผู้ใดคือเกาหยาเน่ย ? หน่วยสอดแนมของเจ้าถูกข้าจัดการเสียจนสิ้นซากแล้ว บิดาเจ้าเรียกให้กลับบ้านไปกินข้าวรีบกลับไปเสีย ! ”