นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 391 ซีซานโฉมใหม่
ตอนที่ 391 ซีซานโฉมใหม่
ณ หลินเจียง เรือนซีซาน
ต่งชูหลานมาถึงที่นี่ได้ 15 วันแล้ว
ต่งชูหลานได้ไปยังแปลงนาเหล่านั้นแล้ว และได้พบกับผู้เช่าแปลงนาแทบจะทุกคนแล้ว อีกทั้งยังได้กินอาหารที่จวนของหวางเอ้อหนึ่งมื้ออีกด้วย
นางได้ไปดูสิ่งที่เรียกว่ามันเทศ สิ่งนี้เติบโตได้เป็นอย่างดี เลื้อยไปตามพื้นธรณี หวางเอ้อสงสัยมาตลอดว่าในท้ายที่สุดมันจะโตออกมาเป็นแบบไหนกัน จะได้ผลผลิตมากเยี่ยงที่คุณชายได้เขียนเอาไว้ในจดหมายหรือไม่
ชุนซิ่วนำมันเทศนั่นกลับมาหนึ่งกระสอบ เขาได้เพาะปลูกต้นกล้าตามวิธีที่ฟู่เสี่ยวกวนเขียนเอาไว้ หลังจากนั้นก็พบว่าเมื่อปักต้นกล้าลงไป คาดมิถึงว่าจะสามารถปักได้เต็มพื้นที่สิบกว่าหมู่ !
คุณชายได้ฝากข้อความไว้กับชุนซิ่วว่า หากปลูกพืชชนิดนี้มันจะสามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้กับพวกเขา หากพืชชนิดนี้ให้ผลผลิตมิมาก หรือผลที่งอกออกมามิได้คุณภาพ คุณชายจะมิขาดทุนเยี่ยงนั้นหรือ ?
ดังนั้นเขาจึงต้องดูแลมันเทศสิบกว่าสิบหมู่นี้ให้ดีที่สุด แน่นอนว่าเพื่อหลังจากที่คุณชายกลับมาเห็นแล้ว คุณชายจะต้องพอใจกับมันอย่างแน่นอน
คุณหนูต่งมาครานี้นางได้บอกว่าคุณชายยุ่งเป็นอย่างมาก มิสามารถปลีกตัวมาได้ ทุกคนที่อยู่ซีซานได้ยินเรื่องเช่นนี้เข้าจึงเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ มีเพียงแค่ชุนซิ่วที่ในใจกลับรู้สึกมิสบายใจอย่างบอกมิถูก
นางอยากจะเอ่ยถามคุณหนูต่ง แต่นางก็รู้กฎเป็นอย่างดี คุณหนูต่งเป็นคนที่จริงจังเป็นอย่างมาก ในเมื่อคุณหนูบอกว่าคุณชายยุ่งเป็นอย่างมาก แล้วนางยังจะไปเอ่ยถามอันใดได้อีกกัน
ความมิสบายใจของชุนซิ่วนั้นมาจากบานหน้าต่างในทุกราตรีของคุณหนูต่งบานนั้น
คุณหนูต่งพักอาศัยอยู่ในห้องของคุณชาย โคมไฟด้านหน้าบานหน้าต่างนั้นถูกดับลงในเวลาที่ดึกมากแล้ว
เป็นเพราะคุณนายหนูต่งกำลังนั่งดูรายการบัญชีเหล่านั้น เวลาที่ชุนซิ่วไปเก็บกวาดห้องของคุณหนูต่ง นางก็จะเห็นร่องรอยของน้ำตาบนสมุดบัญชีเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน
จนถึงบัดนี้ก็ยังไรซึ่งวี่แววของคุณชาย ยิ่งคุณหนูต่งร้องไห้…ชุนซิ่วก็ยิ่งรู้สึกใจคอมิดีเท่าใดนัก ขออย่าให้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นกับคุณชายด้วยเถอะ !
วันที่สองคุณหนูต่งตื่นแต่ย่ำรุ่งอีกเช่นเคย นางเดินเข้า ๆ ออก ๆ อยู่ในเรือนราวกับไร้จุดหมาย แต่ชุนซิ่วกลับพบความลับในการกระทำของนาง เส้นทางนั้นคือเส้นทางเดียวกับที่แต่ก่อนคุณชายใช้ออกกำลังกายในยามเช้า
หรือว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับคุณชายอย่างแท้จริง ?
ตกดึก ชุนซิ่วทอดสายตามองไปยังหน้าต่างชั้นสองที่บัดนี้แสงไฟยังคงส่องสว่างอยู่ คิดไปคิดมาจึงเดินตรงไปที่ห้องครัว
คุณหนูต่งแม้ว่านางจะเพิ่งมาอยู่ที่นี่เพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น แต่กลับซูบผอมลงไปมากจึงต้องทำมื้อดึกให้คุณหนูเสียหน่อย บัดนี้ราวกับว่าตนเองนั้นมีความเกียจคร้านอยู่บ้าง แต่ทำเยี่ยงนี้มิได้ ชุนซิ่วลอบเตือนตนเองว่า จะต้องปรนนิติคุณหนูต่งให้เหมือนกับก่อนที่คุณชายจะเดินทางไปถึงจะใช้ได้
ต่งชูหลานนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะเขียนอักษรใต้หน้าต่าง
แท้ที่จริงแล้วนางกำลังดูสมุดบัญชีของซีซาน
ข้าวสาลีของปีนี้เก็บเข้ายุ้งฉางหมดแล้ว หักลบภาษี การเก็บเกี่ยวมิได้แตกต่างจากปีที่แล้วมากเท่าใดนัก
ข้าวสาลีเหล่านี้ต่งชูหลานมิได้จะเอาไว้ขาย ถึงแม้พ่อค้าธัญพืชรายใหญ่สามรายจะมาหาถึงสองครา แต่นางก็ได้ปฏิเสธไปเพราะของสิ่งนี้สามารถเอามากลั่นเหล้าได้ !
อีกทั้งราคาเหล้าของซีซานสูงกว่ากำไรจากการขายข้าวสาลีอยู่มากโข
ต่งชูหลานเคยไปโรงกลั่นสุราซานซี และยังเคยไปยังโรงกลั่นน้ำหอม โรงงานผลิตสบู่และโรงงานผลิตกระดาษ แล้วยังได้ทำอีกหนึ่งสิ่งคือนำคนงานทั้งหมดของทุกโรงงานมาเป็นคนของจวนฟู่ !
แน่นอนว่าค่าตอบแทนที่ให้กับคนงานเหล่านั้นคือค่าจ้างที่สูงขึ้น และอนุญาตให้ลูกหลานของพวกเขาได้เรียนหนังสือที่สำนักศึกษาซีซาน
สำนักศึกษาซีซานเปิดทำการขึ้นเมื่อต้นปี อาจารย์ในสำนักเหล่านั้นล้วนสอนตามอัตภาพ อาจารย์ที่เชิญมาสอนล้วนแต่เป็นผู้คนในซีซานที่พอจะรู้ตัวอักษรเท่านั้น !
ต่งชูหลานเห็นว่าที่นี่ทำได้เพียงแค่สอนเด็กเหล่านั้นให้พอรู้ตัวอักษรได้เท่านั้น ยังห่างไกลจากสำนักศึกษาที่แท้จริงมากนัก และยังห่างไกลจากเป้าหมายที่ฟู่เสี่ยวกวนต้องการให้เป็นอยู่มากโข
ดังนั้นเขาจึงเขียนจดหมายให้กับอาจารย์ฉินหนึ่งฉบับ มิได้เพื่อเชิญอาจารย์ฉินมาที่นี่เพื่อสอนเด็กเหล่านั้น แต่เพื่อขอให้อาจารย์ฉินช่วยหาอาจารย์ที่เก่งสักหน่อยมาสอน แน่นอนว่าย่อมให้ค่าตอบแทนสูงกว่าที่จินหลิง
ตระกูลฟู่มิได้คลาดแคลนเงินทอง !
หลังจากที่กลับมาจากแคว้นอู๋ ฮองเฮาซั่งก็ได้เรียกต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินไปที่วังเตี๋ยอี๋และนำเงินที่ได้จากการทำการค้าทั้งหมดมาให้พวกเขาด้วยหัตถ์ของพระนางเอง เงินจำนวนนั้นนับว่าเป็นเงินจำนวนมหาศาล
ต่งชูหลานยังมิมีเวลาไปเยือนเขตเหยาแต่ดูจากสมุดบัญชีแล้ว รายจ่ายของเขตเหยาสูงเป็นอย่างมาก นั่นหมายความว่าแผนการก่อสร้างโรงงานนั้นคงจะสำเร็จแล้ว
คาดว่าวันเริ่มก่อสร้างก็ใกล้เข้ามาแล้ว คงจะต้องหาเวลาไปดูเสียหน่อย
แม้นายอำเภอของเขตเหยาคนปัจจุบันคือเยี่ยนซีเหวิน แต่ต่งชูหลานยังคงรู้สึกว่าต้องไปดูให้เห็นกับตาถึงจะสามารถวางใจได้
ภูเขาเฟิ่งหลินก็ยังมิเคยไปเลยสักครา
ความเข้าใจที่ต่งชูหลานมีต่อภูเขาเฟิ่งหลินจากการมองผ่านบัญชีเท่านั้น
ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยเงินจำนวนมาก และยังเป็นเพียงสถานที่แห่งเดียวที่ผลิตปืนใหญ่หงอี
ฟู่เสี่ยวกวนเคยบอกกับนางว่า ภูเขาเฟิ่งหลินนั้นมิต้องสนใจผลผลิต มันมีความสำคัญมากกว่านั้นมากโข ต่งชูหลานมิรู้ว่าแท้ที่จริงมันมีความสำคัญเยี่ยงไร จนกระทั่งได้พบกับฉินเฉิงเย่ที่ศูนย์วิจัยซีซาน ต่งชูหลานถึงได้เข้าใจว่าเหล็กที่ภูเขาเฟิ่งหลินมิมีผู้ใดเทียบเคียงได้ในใต้หล้านี้ !
โรงหลอมโลหะของราชวงศ์อู๋นับว่ายอดเยี่ยมมากที่สุด แต่เหล็กของภูเขาเฟิ่งหลินนั้นฉินเฉิงเย่กล้ายืดอกรับประกันกับต่งชูหลานว่าดีกว่าของราชวงศ์อู๋อยู่สองในสิบส่วน !
ดังนั้นปืนใหญ่หงอีจึงมิระเบิดออก และมิว่าจะทำเยี่ยงไรกรมอุตสาหกรรมก็มิสามารถไขปัญหานี้ได้
ฉินเฉิงเย่ยังบอกอีกว่าภูเขาเฟิ่งหลินมิเพียงแต่เป็นที่ผลิตปืนใหญ่เท่านั้น อีกทั้งยังเป็นที่ผลิตอาวุธสงคราม หมวกเหล็กและชุดเกราะอีกด้วย
เวลานี้ต่งชูหลานถึงได้รู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนมีหน่วยปราบปรามถึง 4,000 นาย ตามที่ฉินเฉิงเย่กล่าวมานั้นหน่วยปราบปรามนี้มิมีกองกำลังใดเทียบเคียงได้อย่างแท้จริง !
พวกเขามีชุดเกราะแข็งแกร่งและดาบ ถึงแม้ว่าบัดนี้จะขาดเพียงแค่ปืนไฟเท่านั้น
ของสิ่งนี้ได้ผ่านการทดสอบมานับร้อยครา บัดนี้เหลืออีกเพียงมิกี่ขั้นตอนในการสรุปผลจากนั้นก็จะสามารถผลิตออกมาจำนวนมากได้
โรงงานผลิตปืนไฟในภูเขาเฟิ่งหลินได้สร้างขึ้นมาเสร็จแล้ว รอเพียงแค่แบบร่างที่สมบูรณ์จากศูนย์วิจัยซีซานก็จะสามารถเริ่มผลิตได้ทันที
ดังนั้น…ฟู่เสี่ยวกวนสร้างของเหล่านี้ขึ้นมาเขาคิดจะทำอันใดกันแน่ ?
ต่งชูหลานเงยหน้ามองไปยังแสงจันทร์ที่ส่องสว่างนอกหน้าต่าง ในใจพลางคิดว่าหากเขาอยู่ที่นี่ หากเขาได้รู้ข่าวคราวตอนนี้ที่ซีซาน เขาจะต้องดีใจมากเป็นแน่
เขาเคยกล่าวกับนางว่าเขาจะต้องไปปราบกองโจรที่ผิงหลิง
ตอนที่เขาสนทนากับหยูชุนชิวเรื่องการรบบนพื้นที่ภูเขา แต่ก่อนนางฟังมิเข้าใจเลยสักนิด แต่บัดนี้ดูเหมือนว่าเขาจะวางแผนทั้งหมดไว้เนิ่นนานแล้ว
เดือนห้าเมื่อปีที่แล้ว ณ เรือนซีซานแห่งนี้ เป็นคราแรกที่ตนเองได้จ้องมองฟู่เสี่ยวกวนอย่างจริงจัง
บัดนี้ผ่านมาหนึ่งปีกับอีกสามเดือนแล้ว ความเข้าใจของตนที่มีต่อเขาราวกับยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น
ความศรัทธาที่ฉินเฉิงเย่มีต่อเขาคือความเลื่อมใสอย่างแท้จริง ผู้เช่าแปลงนาทุกคนของจวนฟู่ต่างก็เคารพเขาเป็นอย่างมาก ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงบทกวีบทความเหล่านั้นของเขาที่วัดหานหลิงที่บัดนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งใต้หล้าเสียเนิ่นนานแล้ว ผู้คนในราชวงศ์หยูต่างก็ยกย่องเขาเป็นอย่างมาก
แต่…เขาอยู่ใดกัน ?
เจ้าไปอยู่ที่ใดกัน ?
จะดีเพียงใดถ้าหากเจ้ามิได้ไปแคว้นอู๋ตั้งแต่แรก ?
พวกเราคงจะได้แต่งงานกันแล้ว มิแน่ว่าอาจจะตั้งครรภ์ไปแล้วด้วย
วันที่เจ้าออกว่าราชการ ทุกวันข้าได้จัดเตรียมอาภรณ์ให้กับเจ้า และทำอาหารรอเจ้ากลับมา มันจะดีงามถึงเพียงใดกัน !
น้ำตาของต่งชูหลานไม่อาจสะกดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป ชุนซิ่วถือไข่ลวกหนึ่งชามเดินเข้ามาพอดี
“…คุณหนูต่ง ! ”
“อ่า ข้ามิเป็นไร เพียงแค่คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาเท่านั้น”
“คุณหนูต่งเชิญทานของว่างก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
“ชุนซิ่ว”
“เจ้าคะ”
“เจ้าคิดถึงคุณชายของเจ้าหรือไม่ ? ”
“…บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ ! ”