นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 398 ปืนคาบศิลา
ตอนที่ 398 ปืนคาบศิลา
วันเวลาที่สวยงามย่อมผ่านพ้นไปเร็วเสมอ
นอกจากไป๋ยู่เหลียนแล้ว ใต้หล้านี้ก็คงมิมีผู้ใดรู้ว่าคฤหาสน์หยุนหูที่หลบซ่อนแห่งนี้ในแต่ละวันจะเต็มไปด้วยความสุข
ต่งซูหลานเหมือนจะลืมแผนการเดิมที่วางเอาไว้ไปเสียแล้ว หยูเวิ่นหวินและเยี่ยนเสี่ยวโหลวเองก็เหมือนจะลืมว่าเดิมทีที่มาซีซาน จะพักอยู่เพียงแค่ 10 วันเท่านั้น
พวกนางหวังว่าในภายภาคหน้าจะเป็นดั่งเช่นในตอนนี้ อยู่ด้วยกัน และแก่เฒ่าไปด้วยกัน
แต่ชีวิตที่เรียบง่ายสุขสบายกลับถูกทำลายลงในวันนี้
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่เก้า เดือนเก้า วันที่เก้า
ฟู่เสี่ยวกวนสวมหมวกนั่งตกปลาอยู่ที่ทะเลสาบหยุนหู ไป๋ยู่เหลียนพายเรืออูเผิงเข้ามายังเกาะแห่งนี้ พอมาถึงข้างกายของเขา ก็ได้หยิบของที่ชายหนุ่มผู้หนึ่งฝากส่งมาให้กับฟู่เสี่ยวกวนออกมา แล้วยื่นให้กับเขา
ฟู่เสี่ยวกวนทิ้งคันเบ็ดลงทันที และพิจารณาของที่ได้รับอย่างละเอียดถี่ถ้วน ในใจพลันเบิกบานยิ่ง
เสียเวลาไปกว่าครึ่งปี ทดสอบไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ที่ฝากฝังฉินเฉิงเย่ไว้มิศูนย์เปล่าอย่างแท้จริง ปืนคาบศิลาประดิษฐ์ได้ใกล้จะสมบูรณ์แล้ว
“ได้ทดลองแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ลองแล้ว รัศมีการยิงไกลสุด 105 ชุ่น ประสิทธิภาพการทำลายล้างอยู่ในระยะ 60 ชุ่น การทำลายล้างหากเปรียบเทียบกับธนูมีระยะที่ไกลกว่า ประสิทธิภาพก็มากยิ่งกว่า อีกทั้งมิต้องกลัวเปียกฝน กระสุนปืนที่ฉินเฉิงเย่ทำขึ้นมาก็มิเลวเลย เจ้าลองดูเถิด”
ปืนคาบศิลากระบอกนี้เหมือนกับปืนคาบศิลาของชาติที่แล้วที่มีลำกล้อง กระสุนปืนฉินเฉิงเย่เลือกใช้เป็นลูกปืนตะกั่ว เพราะจะสามารถผลิตได้จำนวนมาก ต้นทุนต่ำกว่าเหล็กทองแดงอยู่บ้าง อีกทั้งความเสถียรก็มิเลวเช่นกัน
ฟู่เสี่ยวกวนนำหินเหล็กไฟ ดินปืนและกระสุนปืนเติมลงไป ถือปืนเล็งเป้าไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปราวร้อยเมตร เขาลั่นไกปืน “ปัง… ! ” สิ้นเสียง ควันกลุ่มหนึ่งลอยขึ้น เขาเดินเข้าไป ยืนมองต้นไม้ต้นนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน ยิงเข้าเนื้อไม้ลึกไปถึงสามส่วน หากถูกยิงเข้าที่ร่างกาย อย่างน้อยก็คงบาดเจ็บสาหัส
“มิเลว ยามที่เติมกระสุนลงไปยุ่งยากอยู่บ้าง เจ้าจงนำคำกล่าวของข้าไปบอกกับฉินเฉินเย่ ให้เขานำกระสุนปืนทั้งหมดห่อไว้ด้วยน้ำมันจากโรงงานผลิตสบู่ เช่นนี้ในยามที่เติมกระสุนมันก็จะสามารถไหลลื่นลงลำกล้องปืนได้เอง ช่วยประหยัดเวลาได้มากโข”
ไป๋ยู่เหลียนตกตะลึงมากยิ่งนัก ทำเยี่ยงนี้ก็ได้ด้วยหรือ ?
“สำนักอาวุธปืนเริ่มผลิตของสิ่งนี้แล้วหรือยัง ? ”
“ได้เริ่มผลิตไปแล้วเมื่อสิบวันก่อน เพียงแต่ข้าคิดว่าเจ้ากำลังยุ่งอยู่ ไม่อยากมารบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของเจ้าเท่าใดนัก สำนักอาวุธปืน 1 วันผลิตได้ราว 100 กระบอก หากต้องติดตั้งให้ทั้งหน่วยก็คาดว่าจะต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน”
“มิได้ บอกให้สำนักอาวุธปืนเพิ่มจำนวนคนประเดี๋ยวนี้ ข้าต้องติดตั้งให้ดาบเทวะภายในครึ่งเดือนนี้ เพราะเส้นทางไปผิงหลิงต้องใช้เวลาเดินทางกว่าสิบวัน ที่กบดานของกงเซินจ่างนั้นอยู่ลึกเป็นอย่างมาก เกรงว่าการสู้รบครานี้คงจะต้องใช้เวลารบกันอีกสักพัก อีกทั้งเมื่อถึงเดือนสิบเอ็ดองค์หญิงสามก็จะต้องเดินทางไปยังแคว้นฮวงแล้ว”
ไป๋ยู่เหลียนพยักหน้า “หน่วยสอดแนมที่ภูเขาผิงหลิงข้าได้ส่งออกไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว รอให้พวกเราไปถึงที่นั่นเสียก่อน จากนั้นก็คงจะได้ทราบรายละเอียดข่าวสารและแผนที่”
“เช่นนี้ดียิ่ง ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนควงปืนคาบศิลาและกล่าวว่า “ต่อไปนี้ข้าให้เวลาเจ้าได้เพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น ให้ทุกคนทำความคุ้นเคยกับของสิ่งนี้เสีย ข้ามีความต้องการเพียงหนึ่งสิ่ง หนึ่งนาทีอย่างน้อยต้องทำได้สามข้อ พวกเขาต้องมีความชำนาญในการเติมหินเหล็กไฟและกระสุน และยังต้องรับประกันความแม่นยำในการยิงปืน ! ”
“หนึ่งนาทีนี้นานเท่าใด ? ”
“เอ่อ…หนึ่ง สอง สาม เจ้านับตามความถี่นี้จนถึงหกสิบ”
“…ได้ ! ”
ทั้งสองคนนั่งอยู่ข้างทะเลสาบ ฟู่เสี่ยวกวนหยิบคันเบ็ดขึ้นอีกครา “เสี่ยวไป๋เอ๋ย เจ้าจงบอกกับฉินเฉิงเย่อีกสักหน่อย ปืนนี้ยังแก้ไขข้อบกพร่องต่อไปได้”
“ฉินเฉิงเย่แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะออกมา “มิเป็นไร หลังจากบอกเขาไปเขาจะยิ่งคลั่งไคล้เข้าไปอีก เจ้าบอกเขาว่า วิธีการใส่กระสุนปืนก่อนยังมิค่อยดีเท่าใดนัก สามารถเปลี่ยนเป็นการใส่ทีหลังได้”
“เท่านี้หรือ ? ”
“อือ เท่านี้แหละ เขาจะค้นคว้าออกมาด้วยตนเอง หินเหล็กไฟใช้งานเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”
“ทดลองแล้ว บินได้ แต่มีปัญหาเรื่องทิศทาง จะต้องดูว่าลมพัดไปทางไหน”
ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิด ของชิ้นนี้ยามนี้ยังไม่ต้องจัดการ ลอยได้ก็เพียงพอแล้ว
“กล้องส่องทางไกล ต้องจัดสรรให้ทหารทุกนายคนละชิ้น หมวกเหล็กชุดเกราะเตรียมพร้อมแล้วหรือไม่ ? ”
“หมวกเหล็กชุดเกราะเหล็กและอาวุธยามนี้มีเพียงพอให้พวกเราใช้ ข้าได้ทดลองแล้ว ดีกว่ากองทัพทหารอยู่มากโข”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักน้า “การไปผิงหลิงครานี้ ให้นำดาบเทวะแบ่งเป็นกลุ่มเพื่อทำภารกิจ อาวุธและหมวกเหล็กชุดเกราะให้ขนส่งโดยม้าเร็วซีซานนำดาบเทวะแต่งตั้งเป็นผู้คุ้มกันรถขนส่ง ต้องรับประกันว่าการเคลื่อนไหวครานี้จะเป็นความลับ ข้าเองก็จะไปด้วย ต้องกำจัดกงเซินจ่างโดยเร็ว จากนั้นเจ้าจงนำดาบเทวะไปออกฝึกที่แคว้นฮวง การจู่โจมม้าศึกเรื่องนี้ก็เร่งด่วนมากเช่นกัน…
ฟู่เสี่ยวกวนหันศรีษะไปถามไป๋ยู่เหลียนทันทีว่า “เจ้าว่าพวกเขาจะขี่ม้าเป็นหรือไม่ ? ”
“ซื้อม้ามาลองฝึกแล้วสิบกว่าตัว นอกจากเหล่าทหารเก่าแล้ว คนอื่นยังมิค่อยชำนาญเท่าใดนัก ขี่ได้เพียงแค่พื้นฐานเท่านั้น รอให้ทดลองจู่โจมโดยม้าศึกเสียก่อนพวกเขาคงจะขี่ได้พอประมาณ หากกลับมาถึงที่นี่ค่อยฝึกสอนอีกครา”
คงทำได้เพียงเท่านี้แล้ว “เจ้าไปเตรียมการเถอะ รอให้ทหารทุกนายคุ้นเคยกับอาวุธนี้แล้ว พวกเราค่อยชักดาบเทวะออกจากฝัก ให้เจ้าได้แต่งภรรยากลับมา ! ”
“ไสหัวไป ! ”
“ฮ่า ๆ ๆ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะเสียงดัง “เสี่ยวไป๋เอ๋ย เจ้าเชื่อสายตาข้าเถิด ภรรยาของเจ้าผู้นี้มีนามว่าเหวินซีรั่ว นางเป็นถึงหลานสาวของนักปราชญ์เหวินสิงโจวแห่งราชวงศ์อู๋ นางเป็นผู้มีฝีมือระดับสอง แท้ที่จริงข้าเป็นห่วงเจ้ามากยิ่งนัก จากนี้ไปเจ้าอย่าได้โดนภรรยาจับกดลงกับพื้นเสียล่ะ ! ”
ไป๋ยู่เหลียนถลึงตาใส่ฟู่เสี่ยวกวน “ข้าเองก็เป็นผู้มีฝีมือระดับสองเช่นกัน มิใช่…เจ้าจะไปผิงหลิง เจ้าหาทางติดต่อเหล่าศิษย์พี่แห่งสำนักเต๋าแล้วหรือไม่ ? ”
“พวกเขายังอยู่ที่ราชวงศ์อู๋ ไกลถึงเพียงนั้นคาดว่าคงทันมิแล้ว”
“ซูม่อเคยส่งจดหมายมาให้ข้าหนึ่งฉบับ บอกว่าภูมิใจยิ่ง เขากล่าวว่าเขากำลังฝึกกองกำลังเช่นนี้อยู่เหมือนกัน ทหารที่ฝีมือต่ำสุดก็ล้วนเป็นผู้มีฝีมือระดับสาม บอกว่าราวปีหน้าก็สามารถดึงออกมาฝึกได้แล้ว ต้องให้ข้าได้ลองเปรียบเทียบดูก่อน เจ้าได้เป็นศิษย์น้องสำนักเต๋าแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ศิษย์พี่ใหญ่บอกว่าท่านอาจารย์รับข้าเป็นศิษย์คนสุดท้าย แต่ข้ามิรู้ด้วยซ้ำว่าสำนักเต๋าอยู่ที่ใด ดังนั้นข้ามิรู้ว่าตนเองเป็นศิษย์น้องของสำนักเต๋าหรือไม่ แต่ศิษย์พี่ปฏิบัติกับข้าดีมากอย่างแท้จริง หากได้พวกเขามาร่วมขบวนการ การสู้รบที่ผิงหลิงครานี้คงจะง่ายขึ้นมากนัก”
ไป๋ยู่เหลียนครุ่นคิด เขาต้องคิดหาวิธีนำข่าวของฟู่เสี่ยวกวนส่งไปให้ศิษย์สำนักเต๋าให้ได้ มิใช่เพื่อให้พวกเขามาช่วยสู้รบ แต่ดาบมันมิมีตา ฟู่เสี่ยวกวนนำแนวหน้าด้วยตนเอง หากเขามิระวังจะถูกฆ่าตายเอาได้ แล้วตนเองจะอธิบายกับสะใภ้ทั้งสามเยี่ยงไรเล่า ?
ไป๋ยู่เหลียนออกไปจากคฤหาสน์หยุนหูแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนวางคันเบ็ดลงและเดินเข้าไปในคฤหาสน์หยุนหู “ภรรยาข้า ข้ากลับมาแล้ว”
เขาตะโกนเสียงดัง ทั้งสางนางเดินออกมาอย่างอ่อนช้อย ทุกนางต่างงดงามดังดอกท้อ กริยาอ่อนหวานยิ่ง
ทั้งสี่นั่งอยู่ในศาลา ฟู่เสี่ยวกวนหุบยิ้มบนใบหน้าลงทันใด และกล่างอย่างจริงจัง “อีกราวครึ่งเดือน ข้าจะต้องไปที่ผิงหลิงแล้ว…พวกเจ้ามิต้องร้อนใจไป ปราบโจรครานี้มิได้อันตรายนัก ที่สำคัญคือการทดสอบกองกำลังนี้ หากมีกำลังรบที่แข็งแกร่ง การส่งตัวองค์หญิงสามไปยังแคว้นฮวงก็จะง่ายขึ้นมามาก”
พวกนางทั้งสามคนค่อย ๆ หุบยิ้มบนใบหน้า มองฟู่เสี่ยวกวนด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอเต็มเบ้าตา ราวกับถูกทอดทิ้งไปอีกครา
ฟู่เสี่ยวกวนทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
หญิงงามเป็นสุสานของวีระบุรุษอย่างแท้จริง !