นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 399 รายงานการรบ
ตอนที่ 399 รายงานการรบ
ครึ่งเดือนแห่งความสำราญผ่านไปเพียงชั่วพริบตา
ภูเขาเฟิ่งหลินมีฝนตกปรอย ๆ สามสาวงามนั่งร้องไห้ระงม
ใจของฟู่เสี่ยวกวนพลันแตกสลายแล้ว
“ข้ารับรองกับพวกเจ้าว่าข้าต้องกลับมาอย่างปลอดภัย ! ”
ต่งชูหลานสูดลมหายใจเข้าลึก เช็ดน้ำตาบนใบหน้า เรียกสติกลับมา “แท้ที่จริงพวกข้ารู้ว่าเจ้ามีเรื่องราวมากมายต้องไปจัดการ พวกข้ามิได้มีเจตนาจะรั้งเจ้าไว้ เพียงแต่เรื่องราวที่ภูเขาหิมะในเมืองกวนหยุนเป็นเหมือนฝันร้ายของพวกข้าอย่างแท้จริง เจ้ามิรู้หรอกว่าวันเวลาเหล่านั้นพวกข้าผ่านมาได้เยี่ยงไร”
“เยี่ยงนั้นข้าจะมิกลับไปที่จินหลิงแล้ว ธุระที่ซีซานมีมากมายนัก เจ้ามิมีเวลามาดูแล พวกข้าต้องคอยดูเอาไว้”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้า ขณะนี้หยูเวิ่นหวินและเยี่ยนเสี่ยวโหลวเองก็หยุดร้องไห้แล้ว หยูเวิ่นหวินขยี้ดวงตา เบะปากแล้วกล่าวว่า “ที่จินหลิงข้าและเสี่ยวโหลวจะไปดูแลเอง กิจการที่เมืองกวนหยุนมีข้ากับเสี่ยวโหลวคอยจัดการอยู่ หากมีเรื่องจำเป็น ข้าค่อยไปที่เมืองกวนหยุนอีกสักครา”
“มิจำเป็นต้องทำให้ลำบากถึงเพียงนั้น เยี่ยงไรเสียที่นั่นก็สามารถทำเงินได้มิมีที่สิ้นสุด ที่เมืองกวนหยุนนั้นมีต่งซิวเต๋อคอยดูแลอยู่คาดว่าคงมิมีปัญหาใหญ่อันใด พวกเจ้าทั้งสองจำเป็นต้องพักอยู่ที่จินหลิงบ่อยสักหน่อย เพราะข้าต้องการข่าวคราวของจินหลิง”
ฟู่เสี่ยวกวนหันไปมองทางหยูเวิ่นหวิน และกล่าวอย่างจริงจังว่า “องค์ชายสี่กำลังจะทำอันใดอยู่กันแน่ ? หอซี่หยู่ข้าได้สั่งให้คืนแก่ฮองเฮาซั่งแล้ว ศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ยคาดว่ายังอยู่ที่เมืองกวนหยุน ข้ามิอาจจะเข้าไปสังเกตการณ์เขาได้อีก แต่ข้าเชื่อว่าเขาต้องเคลื่อนไหวเป็นแน่”
เขายื่นมือออกไปจับมือของหยูเวิ่นหวินเอาไว้ ลูบไล้มือของนางอยู่พักหนึ่ง แล้วยังกล่าวอีกว่า “ดังนั้นเจ้าต้องคอยเตือนฮองเฮาซั่ง สำหรับองค์ชายสี่ จะประมาทมิได้เป็นอันขาด แต่ต้องจำไว้ให้มั่นว่าห้ามแพร่งพรายข่าวว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ หากองค์ชายสี่กระทำการใดที่ผิดปกติให้เจ้าส่งข่าวผ่านม้าเร็วซีซานที่อยู่ในจินหลิงนำข่าวมาให้กับข้า”
หยูเวิ่นเหวินพยักหน้าอย่างแน่วแน่ เยี่ยนเสี่ยวโหลวเอ่ยถามขึ้นแผ่วเบา “เยี่ยงนั้น…ข้าทำสิ่งใดเพื่อเจ้าได้บ้าง ? ”
“ดูแลจวนฟู่ในจินหลิงให้ดี ที่นั่นคือจวนของพวกเรา ! ”
“อือ… ! ”
หยาดฝนบนชายคาของศาลาไหลลงมากลายเป็นม่านสายฝน ในศาลาแห่งนั้นมีคนอยู่สี่คนกำลังล้อมวงนั่งสนทนาและอำลากัน
แต่คำอำลาเหล่านั้นมิใช่คำบอกรักแต่อย่างใด ส่วนมากเป็นเรื่องที่ฟู่เสี่ยวกวนสั่งพวกนางเอาไว้เสียมากกว่า
อย่างเช่นอู่ต่อเรือในเขตเหยาควรออกแบบเยี่ยงไร
อย่างเช่นต่งชูหลานจำเป็นต้องรับสมัครช่างต่อเรือจำนวนมาก
อย่างเช่นให้เชิญอาจารย์ฉินมารับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ในสำนักศึกษาซีซาน ต้องสร้างหอพักเพิ่ม สร้างให้ดีขึ้นอีกสักหน่อย ให้พวกอาจารย์ที่มาจากจินหลิงเหล่านั้นได้อยู่อย่างสบายใจ
แน่นอนว่ายังมีข้อกำหนดสำหรับศูนย์วิจัยซีซานอยู่หลายข้ออีกด้วย
บัณฑิตที่เคยร่วมขบวนกับเขาในการเดินทางไปยังราชวงศ์อู๋นั้นราว 23 คนได้มาที่ศูนย์วิจัยซีซาน เพื่อให้ชัดเจนฟู่เสี่ยวกวนจึงได้หยิบยกหัวข้อออกมาหลายหัวข้อ
การวิจัยแรงดันความร้อน
การวิจัยส่วนประกอบ
การวิจัยพัฒนาการเพาะปลูกทางการเกษตร
และยังมีการวิจัยการออกแบบเรือรบโหลวฉวน
เป็นต้น…
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้มิสามารถเอ่ยออกจากปากของเขาได้ จำเป็นต้องให้ต่งชูหลานบอกต่ออีกที ใช้วิธีการให้ต่งชูหลานไปชี้แนะแนวทางกับบัณฑิตเหล่านั้น
“มันเทศจะเก็บเกี่ยวได้ประมาณเดือนสิบเอ็ด จำต้องสร้างห้องใต้ดิน เรื่องนี้หวังเอ้อสามารถทำได้ มันเทศจำเป็นต้องเก็บไว้ในห้องใต้ดิน มิเช่นนั้นเมื่อถึงฤดูหนาวจะเสียได้”
“มันเทศนี้สามารถนำมาให้ทุกคนได้ชิมสักเล็กน้อย ส่วนที่เหลือทั้งหมดนั้นเก็บเอาไว้ปลูก ปีหน้าจะต้องปลูกในพื้นที่ที่ใหญ่มากยิ่งขึ้น”
“พ่อของข้ามิรู้ไปอยู่ที่ใด จวนฟู่ต้องฝากไว้ในมือของเจ้าแล้ว ผู้คุ้มกันทุกคนในซีซาน ข้าให้ไป๋ยู่เหลียนถ่ายทอดคำสั่งเอาไว้แล้ว พวกเขาจะฟังคำสั่งจากเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
“หากแม่ข้าทั้งหกคนของข้ามิออกนอกลู่นอกทาง เงินที่ไว้ใช้จ่ายในจวนฟู่ที่หลินเจียงก็ให้มากขึ้นอีกสักหน่อย นับดูแล้วเกรงว่าพวกนางใกล้จะคลอดแล้ว หากพวกเขาออกลู่นอกทาง เจ้าจำไว้ว่า…จวนฟู่นี้ เจ้าคือเจ้านายเพียงคนเดียวเท่านั้น หากผู้ใดกล้าลองดี เจ้าจงบอกให้พวกนางไปให้พ้น ! หากพ่อของข้ากลับมา เจ้าค่อยบอกกับเขาว่า ข้ายังมีชีวิตอยู่ นี่คือคำเอ่ยของข้า”
เรื่องมิว่าจะเล็กหรือใหญ่ได้มอบหมายไว้ทั้งหมดแล้ว และเวลาก็ได้ล่วงเลยมาถึงแล้ว
ฝนยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่อง เหมือนกับความรู้สึกของพวกนางทั้งสามคนในขณะนี้
“ข้าติดค้างงานสมรสกับพวกเจ้า ในปีหน้า ข้าจะให้พวกเจ้าตบแต่งเข้ามาอย่างมีหน้ามีตาแน่นอน ข้าเอาเปรียบพวกเจ้าเกินไปแล้ว”
“สามี…”
……
รถม้าคันหนึ่งแล่นออกจากภูเขาเฟิ่งหลินไปแล้ว สตรีทั้งสามคนนั่งอยู่ในรถม้า ต่างก็มิได้เอ่ยวาจาออกมา ต่างก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง
ฟู่เสี่ยวกวนยืนท่ามกลางสายฝนที่ตกปรอย ๆ เหม่อมองออกไปยังที่ห่างไกล เงาของรถม้าลับตาไปนานแล้ว แต่เขายังคงยืนมองอยู่อย่างนั้น นั่นคือความห่วงใยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเขา
ในตอนท้าย ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ออกจากคฤหาสน์หยุนหูไปอย่างเงียบ ๆ เขาได้ใส่งอบ คลุมตัวด้วยเสื้อกันฝนและยังใส่หน้ากากเอาไว้อีกด้วย เขามุ่งหน้าตรงไปที่ค่ายดาบเทวะ
คืนนี้ ดาบเทวะจะแบ่งกองกำลังปฏิบัติการ เดินหน้าไปทางหย่งหนิงโจวของผิงหลิงอี้
การเดินทาง 800 ลี้ ใช้เวลาราว 10 วัน
ฟู่เสี่ยวกวนพักอยู่ในกระโจมแม่ทัพของไป๋ยู่เหลียน เบื้องหน้าของเขาเป็นแผนที่ของภูเขาผิงหลิงและอีกแผ่นเพิ่งจะส่งมาถึง ซึ่งเป็นรายงานการรบของกองทัพทหารบกเหนือเพื่อปราบปรามกงเซินจ่าง
“รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่เก้าเดือนแปดวันที่สิบ กองทัพทหารบกเหนือนายพลสูงสุดเผิงเฉิงอู่เข้ารับพระราชโองการจากฮ่องเต้ และได้นำทัพทหารใต้บัญชาหลานหลิงจำนวน 100,000 นายและได้แบ่งกำลังเป็น 3 เส้นทางเข้าล้อมภูเขาผิงหลิงเพื่อปราบปรามกงเซินจ่าง
กงเซินจ่างขณะนั้นว่าจ้างกองกำลัง 80,000 คน และมีกองหนุนอีก 100,000 คน ทั้งหมดเป็นผู้ลี้ภัยจากหย่งหนิงโจว
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่เก้าเดือนแปดวันที่สิบสอง กองทัพทั้งสามได้เดินทางเข้าสู่ภูเขาผิงหลิง มุ่งหน้าไปทางค่ายกองทัพสวรรค์ที่อยู่ในรังของกงเซินจ่าง
เดือนแปดวันที่ยี่สิบสาม กองทัพฝ่ายซ้ายเดินทางเข้าสู่หุบเขาเทียนเหมิน กงเซินจ่างขุดเปิดทะเลสาบเทียนเหมินหู น้ำทะเลสาบไหลทะลักออกมาสู่เบื้องล่าง ราวกับแม่น้ำที่ไหลลงมาจากท้องนภา กองทัพฝ่ายซ้าย 30,000 นายได้จมน้ำทั้งหมด รอดชีวิตมิถึงหนึ่งส่วนสิบ
กองทัพฝ่ายซ้ายยังมิได้เห็นศัตรูเลยสักคน ยิ่งไปกว่านั้นกลับสูญเสียกำลังรบไปมากโข !
ในวันเดียวกันกับที่กองทัพฝ่ายขวาออกเดินทาง กองกำลังทั้งหมดของกงเซินจ่างก็ได้ปรากฎตัวอยู่บนภูเขาสูง ใช้ท่อนซุงและก้อนหินเป็นอาวุธ กองทัพฝ่ายขวาไร้ซึ่งกำลังในการต่อสู้ เนื่องจากกองกำลังของกงเซินจ่างได้เข่นฆ่ากองทัพกองทัพฝ่ายขวาไป 12,000 นาย บาดเจ็บ 15,000 นาย กองทัพฝ่ายขวาที่ถอนกำลังในวันนั้น ถูกจัดการทั้งหมดในที่แห่งนั้น
ในตอนกลางคืน กองกำลังของกงเซินจ่างได้จู่โจมค่ายกองทัพฝ่ายขวา กองทัพฝ่ายขวาแพ้อย่างราบคาบ !
เดือนแปดวันที่ยี่สิบห้า กองทัพกลางเดินทางถึงค่ายกองทัพสวรรค์ ปะทะกับเหล่ากองกำลังของกงเซินจ่าง 80,000 คน
กองทัพกลางทั้งกองแพ้ย่อยยับ กองกำลังของกงเซินจ่างตาย 30,000 คน และบาดเจ็บอีกกว่าหมื่นคน
การปราบโจรในครานี้ ล้มเหลวอย่างแท้จริง
ฝ่าบาททรงกริ้วเป็นอย่างมาก ท่านนายพลเผิงถ่ายทอดคำสั่งทันที นำกองทัพ 150,000 นายไปยังภูเขาผิงหลิงอีกครา แต่ค่ายกองทัพสวรรค์กลับว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คน แม้แต่ข้าวสักเม็ดก็ยังมิเหลือไว้
ท่านนายพลเผิงไล่ตามกงเซินจ่างไปที่ภูเขาผิงหลิง แต่กองทัพมิชำนาญการรบบนภูเขา มิอาจไล่ตามกองกำลังหลักของกงเซินจ่างได้ การรบครานี้ยิ่งรบยิ่งมองมิเห็นถึงชัยชนะ อีกทั้งยังถูกกองกำลังของกงเซินจ่างเข่นฆ่าไปกว่าสองหมื่นคน
ท่านนายพลเผิงจากเดือนแปดวันที่สามสิบได้วางแผนลวง เพื่อให้ล้อมกองกำลังของกงเซินจ่างทั้งหมด 10,000 คนเอาไว้ และทำลายมันให้สิ้นซาก ! นี่เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการปราบปรามกองโจรเหล่านี่ ส่วนกองกำลังหลักของกงเซินจ่างยามนี้ได้ไปยังภูเขาผิงหลิงทางเหนือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้านล่างนั้นเป็นอาณาเขตของแคว้นฮวง”
ฟู่เสี่ยวกวนวางข่าวกรองลง และถอนหายใจ
การสู้รบของเผิงเฉิงอู่…รบได้ขัดใจยิ่ง !
ใช้แรงงานกองพลทหารมากมาย แต่เข่นฆ่าทหารของกงเซินจ่างได้เพียง 10,000 คนเท่านั้น ยามนี้กองกำลังหลักของกงเซินจ่างหนีไปยังภูเขาผิงหลิงทางตอนเหนือแล้ว เผิงเฉิงอู่ย่อมมิกล้าใช้กองทัพใหญ่ไล่ตามไปเป็นแน่
หากทว่ากงเซินจ่างใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อ และให้กองกำลังหลักของเผิงเฉิงอู่มุ่งหน้าไปยังแคว้นฮวง หากทหารม้าของแคว้นฮวงโผล่ออกมา กองทัพทหารบกเหนือ 150,000 นายนี้คงต้องให้คำอธิบายอย่างละเอียดกับทหารม้าของแคว้นฮวงแล้ว
“เผิงเฉิงอู่ไม่ลงมือจะเป็นการดีที่สุด…ข้าเขียนจดหมายหนึ่งฉบับให้ม้าเร็วส่งไปให้กับเผิงเฉิงอู่แล้ว ! ”
ไป๋ยู่เหลียนชงักไปชั่วครู่ “เขาเป็นถึงท่านนายพลกองทัพเหนือ จะยอมฟังเจ้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มน้อย ๆ “เขาอาจจะมิยอมฟังข้า แต่เขาต้องฟังเผิงยวี๋เยี่ยนอย่างแน่นอน ! ”