นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 439 หุ้นส่วนซีซาน
ตอนที่ 439 หุ้นส่วนซีซาน
ค่ำคืนนั้น เป็นความทรงจำที่ยากจะลบออกไปได้ของผู้คนในเมืองจินหลิง
เหนือท้องนภาที่ใหญ่โตได้มีดอกไม้ไฟที่สวยงามปรากฏขึ้น
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนในเมืองหลวงตกตะลึงมากที่สุด กลับเป็นบอลลูนที่ลอยอยู่ในอากาศ อีกทั้งยังมีคนที่อยู่ในบอลลูนนั่นอีกด้วย คาดมิถึงว่าจะสามารถใช้สิ่งนั้นเพื่อลอยขึ้นไปได้ !
นี่คือสิ่งที่สามารถลบล้างความคิดของผู้คนทั้งหมดได้อย่างมิต้องสงสัย ในวันรุ่งขึ้น ข่าวนี้ก็ได้แพร่ขยายไปทั่วทั้งเมืองจินหลิง
สิ่งนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยการค้นคว้า โดยใช้หลักการของความร้อน !
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ฟังแล้วเข้าใจ แต่ฟังดูแล้วก็เหมือนจะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากยิ่งนัก ดังนั้น กระแสของการค้นคว้าจึงได้โหมกระพือขึ้นในเมืองจินหลิงอีกครา สำนักศึกษาจี้เซี่ยตัดสินใจจะขยายสำนักศึกษาการค้นคว้าในปีหน้า และรับสมัครบัณฑิตที่ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าให้มากขึ้น
เรื่องเหล่านี้ต่างก็ไม่เกี่ยวข้องกันกับฟู่เสี่ยวกวน
เพราะเขายุ่งเป็นอย่างมาก !
ยุ่งกับภรรยาทั้งสาม ยุ่งกับการนับรายได้จากของในงานแต่ง ยุ่งอยู่กับการจัดการข้อซักถามในเรื่องนโยบายของฝ่าบาทและอื่น ๆ
จนกระทั่ง 10 วันให้หลัง หรือก็คือเดือนสิบเอ็ด วันที่ยี่สิบแปด ในที่สุดเขาก็ได้มีเวลาว่างเสียที
“ลูกชายเอ๋ย พ่อได้เห็นเจ้ามีครอบครัว พ่อก็โล่งใจไปได้แล้ว พ่อจะกลับไปที่หลินเจียงเสียหน่อย และจะนำข่าวนี้ไปบอกกับแม่ของเจ้า ในเมื่อเจ้าปลีกตัวไปมิได้ก็หาเวลาที่ว่าง ๆ แล้วกลับไปเสียบ้าง เรื่องส่วนบุคคลเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย”
“ท่านพ่อ ข้ารู้สึกมาโดยตลอดว่าท่านมีเรื่องบางอย่างกำลังปิดบังข้าอยู่”
ดวงตาของฟู่ต้ากวนเบิกกว้าง “ข้าจะมีเรื่องอันใดปิดบังเจ้ากันเล่า เป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เท่านั้น เอาล่ะ ๆ เรื่องที่สำคัญของเจ้าตอนนี้ก็คือมีบุตรหลาย ๆ คน จงจำไว้ว่า เรื่องวุ่นวายในใต้หล้า มีเพียงการสืบทอดตระกูลเท่านั้นที่เป็นเรื่องใหญ่ ! ”
ฟู่ต้ากวนเอ่ยกระซิบกระซาบด้วยท่าทีล่อกแล่ก แต่ก็ถูกซูซูได้ยินเข้า
ซูซูนั่งอยู่บนชิงช้าในศาลาเถาหราน สองขาเปลือยเขย่าไปมา แต่ในแววตานั้นกลับไร้ซึ่งสีสัน
เขาแต่งงานแล้ว !
มีภรรยา 3 คนและหนึ่งในนั้นก็ได้ตั้งครรภ์แล้ว !
เขาใกล้จะเป็นพ่อคนแล้ว !
ซูซูสูดลมหายใจเข้าลึก พลางคิดไปว่ารอจนกระทั่งศิษย์พี่ใหญ่กลับมา ข้าก็ควรจะไปจากที่นี่ได้แล้ว !
ฟู่เสี่ยวกวนไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีที่แปลกไปของซูซู เขาส่งฟู่ต้ากวนจนถึงหน้าประตูจวน ในทันทีที่รถม้าจากไป ก็ได้พบกับหยูเวิ่นเต้าเดินมาพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่ง
ให้ตายเถอะ !
จะให้ข้าพักผ่อนสักหน่อยก็มิได้เลยหรือ ?
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก แต่หยูเวิ่นเต้ากลับหดหู่ยิ่งกว่าฟู่เสี่ยวกวนเสียอีก !
ให้ตายเถอะ !
ข้าเป็นถึงองค์ชายห้า แต่การจะพบหน้าเจ้าในแต่ละคราช่างเป็นเรื่องที่ยากเสียจริง !
ให้ตายเถอะ ข้ามิได้มาที่นี่เพื่อยืมเงินเจ้าเสียหน่อย พวกข้ามาที่นี่เพื่อเอาเงินมาให้เจ้า แต่เจ้ากลับมิดีใจเยี่ยงนั้นหรือ ?
เงินจำนวนนี้ผ่านมา 10 วันแล้วก็ยังมิได้ให้ นี่จึงทำให้หยูเวิ่นเต้าและคนอื่น ๆ กลุ้มอกกลุ้มใจเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาหาตัวฟู่เสี่ยวกวนมิพบ แต่กลับพบหน้าไป๋ยู่เหลียนอยู่บ่อยครา จากที่ไป๋ยู่เหลียนเล่ามาจึงได้ทราบว่าฟู่เสี่ยวกวนมีธุระมากมายที่ต้องจัดการ
คนผู้นี้เหมือนมิใช่มนุษย์แล้ว !
สงครามคืออะไรที่เขาได้เขียนไว้ที่พระราชวังจินเตี้ยนเมื่อปีที่แล้ว มันกลับมิใช่การเขียนเรื่องการทหารบนกระดาษเท่านั้น !
แต่เขาใช้กลยุทธ์ฉบับนั้นกับกองกำลังดาบเทวะ และเหล่าอาวุธสังหารที่ทางศูนย์วิจัยซีซานได้วิจัยออกมา ประกอบไปด้วยปืนใหญ่หงอีของกองทัพชายแดนตะวันออกที่เอามาตั้งในสงครามคราแรก และรวมไปถึงปืนไฟที่โด่งดังในสงครามภูเขาผิงหลิง
สิ่งของเหล่านี้เป็นอาวุธที่สำคัญของแคว้น แต่ตอนนี้กลับเป็นผลิตผลส่วนบุคคลของฟู่เสี่ยวกวนแต่เพียงผู้เดียว ฮ่องเต้ได้เพ่งเล็งสิ่งของเหล่านี้เขม็ง และได้เรียกฟู่เสี่ยวกวนมาเข้าเฝ้าอยู่หลายครา เพื่อให้ติดตั้งสิ่งของเหล่านี้ไว้ที่ชายแดนของแคว้นหยูด้วย
ดังนั้นของเหล่านี้ต่างก็เป็นเงินทั้งสิ้น !
ดังนั้นเรื่องการลงทุนนี้ก็ได้อยู่ชิดเส้นยาแดงผ่าแปดแล้ว
โชคดีที่ในวันนี้มากันแต่เช้า และได้ขวางเขาเอาไว้ที่หน้าประตู เจ้ามิมีที่ใดให้หนีไปได้อีกแล้ว
ทันใดนั้นหยูเวิ่นเต้าก็ได้หัวเราะขึ้นมา จนผู้มองอย่างฟู่เสี่ยวกวนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง “มิไปดื่มสุราหรือทานข้าว จะร้องรำทำเพลงอันใดก็มิไป สรุปเลยว่า บัดนี้ข้าจะมิไปไหนทั้งสิ้น ! ”
เจ้ากำลังคิดอันใดอยู่กัน ?
ผู้ใดจะเชิญเจ้าดื่มสุราทานอาหารร้องรำทำเพลงกัน ?
“ไป ๆ ๆ เข้าไปสนทนาในจวนของเจ้าก่อนเถอะ นี่เป็นเรื่องใหญ่ ! ”
ศาลาเถาหราน ในหนึ่งโต๊ะไม่สามารถจุคนให้นั่งลงได้ทั้งหมด ฟู่เสี่ยวกวนจึงทำได้เพียงเรียกให้บ่าวรับใช้ยกโต๊ะเข้ามาอีกโต๊ะ
เหวินรั่วซีรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก จึงได้ลากไป๋ยู่เหลียนให้มาร่วมวงสนทนาด้วย
ส่วนฟู่เสี่ยวกวน ความรู้สึกในแววตานั้นคือความรู้สึกซาบซึ้ง เขาหล่อเหลาถึงเพียงนี้ ทั้งยังเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจ แต่กลับหาคบไฟที่จะจุดโคมไฟนี้มิเจอ !
นางเหลือบสายตาไปมองไป๋ยู่เหลียน ก็รู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีก เพียงแค่… เพียงแค่คนผู้นี้ขลาดเขินไปเสียเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะความแตกต่างของทั้งสองแคว้น ประเพณีของแคว้นอู๋นั้นเปิดกว้าง และมิได้พิถีพิถันเทียบเท่ากับแคว้นหยู
พวกต่งชูหลานได้ออกมาทักทาย และเรียกให้บ่าวรับใช้นำน้ำชาและผลไม้มาให้ แล้วกลับเข้าไปในห้องอีกครา
…..
หยูเวิ่นเต้าพาสีซีคุณหนูรองตระกูลสี และเซวี๋ยหยู่เยียนคุณหนูห้าแห่งตระกูลเซวี๋ยมาด้วยซึ่งฟู่เสี่ยวกวนมิได้รู้จัก ดังนั้นเขาจึงมิได้เหลือบมองแม้แต่น้อย สายตาของเขาจึงตกอยู่บนใบหน้าของหยูเวิ่นเต้า
“กล่าวมาเถอะ มีเรื่องอันใด ? ”
หยูเวิ่นเต้ามิได้รีรอ และได้รีบตรงเข้าประเด็นในทันที “ในปัจจุบันนี้เสด็จพ่อกำลังผลักดันการปฏิรูปการทดลอง ก้าวแรกกำหนดไว้ที่ 6 เขต เรื่องนี้เจ้าเองก็เข้าใจเป็นอย่างดี
และอุตสาหกรรมซีซานของเจ้าในวันนี้ ได้ดำเนินการที่เขตเหยาและเป็นไปได้ด้วยดี อีกทั้งยังกำลังสร้างขึ้นที่ผิงหลิงและชวูอี้ ส่วนอีกสามเขต เจ้ายังมิได้ลงมือแต่อย่างใด
ปีหน้าเสด็จพ่อจะเพิ่มการทดลองไปถึง 26 เขต โดย 10 สถานที่นั้นมีสองฟากฝั่งแม่น้ำหวงเหอ นอกจากนั้นอีก 5 สถานที่จะอยู่ที่หลิงหนาน และอีก 5 สถานที่จะอยู่ที่ซานหนานซีเต้า
ต่างก็เป็นสถานที่ที่ยากจนทั้งสิ้น และต่างก็เป็นเขตที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน ดังนั้นต่อจากนี้จึงจะมีการผลักดันอย่างเต็มกำลัง
อุตสาหกรรมซีซานของเจ้าแน่นอนว่ายอดเยี่ยมยิ่ง แต่เสด็จแม่กล่าวว่าขนาดของการผลักดันนี้ใหญ่เกินไป ยังมิต้องเอ่ยถึง 26 เขต เพียง 6 เขตในปัจจุบันนี้ อุตสาหกรรมซีซานของเจ้าต้องครอบคลุมทั้งหมด เรื่องการจัดการเงินทุนไปจนถึงบุคลากร เกรงว่ายากที่จะไปต่อได้
ดังนั้น ข้าจึงหาคนเหล่านี้ เจ้าเองต่างก็รู้จักทั้งสิ้น คุณหนูทั้งสองนางนี้ คือคุณหนูรองตระกูลสี…สีซี นางเคยเป็นคนที่หลงใหลในตัวเจ้า แต่ก็ได้ลบความคิดนี้ไปในคืนที่เจ้าเข้าพิธีสมรสแล้ว”
คุณหนูรองตระกูลสีหน้าแดงขึ้นมาทันพลัน นางจ้องไปที่องค์ชายห้า ก่อนจะก้มหน้าหลบ
ฟู่เสี่ยวกวนลูบจมูกไปมาด้วยความอึดอัด ผู้ใดสอนให้เจ้าเอ่ยเยี่ยงนี้กัน ?
“ส่วนท่านนี้ คือคุณหนูห้าเซวี๋ยหยู่เยียนแห่งตระกูลเซวี๋ย นางมิได้ชื่นชอบเจ้า เหมือนได้ยินมาว่านางชื่นชอบ…ไป๋ยู่เหลียน ! ”
องค์ชายห้าเงยหน้าขึ้นมองไป๋ยู่เหลียน ใบหน้างดงามของไป๋ยู่เหลียนขึ้นสีแดงระเรื่อ แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับกล่าวว่า “เจ้าหมายความว่าเยี่ยงไร มาหาข้าเพื่อทำหน้าที่พ่อสื่อพ่อชักเยี่ยงนั้นหรือ ? กล่าวธุระออกมาตามตรงเถอะ ! ”
สตรีผู้นั้นแซ่เซวี๋ย คุณหนูห้าของตระกูลเซวี๋ย ฟู่เสี่ยวกวนมิได้หวังให้นางมีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับไป๋ยู่เหลียน
อย่างน้อยก็ยังมิใช่ตอนนี้ ที่เรื่องราวยังคงมิชัดเจนเยี่ยงนี้ !
องค์ชายห้าและคนอื่น ๆ กลับมิสนใจในรายละเอียดเล็กน้อยนี้ เขาแสยะยิ้มขึ้นเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “พวกข้ามีความคิดว่า เจ้ากำลังขาดแคลนเงิน พวกข้ายังคงมีเงินส่วนตัวอีกเล็กน้อย ทั้งยังทิ้งไว้โดยมิได้ทำอันใด มิสู้ลงทุนให้เจ้าแล้วทำให้อุตสาหกรรมของซีซานใหญ่โตยิ่งขึ้นไปอีก เจ้าเห็นเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนผงะ ตนกลับละเลยในจุดนี้ไป
ทุนแสวงกำไร เนื่องจากราชวงศ์หยูต้องการผลักดันนโยบายนี้ให้มากขึ้น นโยบายนี้ย่อมปลดปล่อยกำไรออกมาอย่างมหาศาล ตนคือผู้บุกเบิก ควรจะดูดเงินลงทุนให้มากขึ้นเพื่อมาจัดการกับเรื่องนี้
ดังนั้น เขาจึงคิดเรื่องหุ้นส่วนของซีซานขึ้นมาได้
เพียงแต่ฟู่เสี่ยวกวนไม่ได้แสดงท่าทีออกไป ณ ตรงนั้น แต่กลับกล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่ข้านั้นจำเป็นต้องคิดให้ดีเสียก่อน เยี่ยงนั้น…พวกเจ้าให้เวลาข้า 2 วัน ช่วงค่ำของวันที่หนึ่ง เดือนสิบสอง พวกเจ้าค่อยมาที่นี่อีกครา ข้าจะร่างหนังสือออกมาหารือกับทุกคน”