นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 448 รับผู้มีความสามารถ
ตอนที่ 448 รับผู้มีความสามารถ
รายละเอียดเกี่ยวกับกรมการค้านั้น ฟู่เสี่ยวกวนมิได้กล่าวถึงอีก
เขาเกรงว่าจะทำให้ลูกน้องที่เพิ่งได้มาคนแรกตื่นตกใจหนีไปเสียก่อน !
แต่ทว่าหลี่ฉายกลับชื่นชมและยินดีเป็นอย่างยิ่ง กรมใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งระดับสูงกว่าทั้งหกกรม อนาคตของเขาคาดว่าคงจะเบิกบานมากนัก !
ชีวิตนี้ในที่สุดก็จะได้พบกับบรรดาผู้คนชนชั้นสูงสักที ในที่สุดสิ่งที่ตนเคยร่ำเรียนมาก็จะได้นำออกมาใช้สักที
ความรู้สึกอึดอัดใจที่เก็บไว้ในทรวง ในที่สุดก็ได้ระบายออกมาราวกับได้ล้างบาปแล้วอย่างไรอย่างนั้น สิ่งนี้ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนมองเขาด้วยสายตาชื่นชม
เขาผู้นี้เมื่อถึงวัยกลางคน ยังกลับไปเป็นเหมือนเมื่อวัยหนุ่มได้อยู่อีกเยี่ยงนั้นหรือ ?
ว่าแต่เขาดีใจอันใดกัน ?
อ่า… เขาอาจจะมิรู้ว่าในตอนนี้กรมการค้ามีขุนนางเพียงคนเดียวเท่านั้น พวกการร่างกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายในราชวงศ์หยูและเรื่องหลังจากที่จัดตั้งกฎหมายขึ้นในเขตต่าง ๆ แล้วอีกทั้งการติดตาม การตรวจสอบการรายงานและอื่น ๆ เรื่องเหล่านี้โยนให้เขาทำไปคนเดียวเถอะ
แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักหรือคุ้นเคยกับหลี่ฉาย แต่ต่งคังผิงรู้จักดี
ดังนั้นในวันนี้เมื่อออกมาจากห้องทรงพระอักษร เขาจึงได้เอ่ยถามต่งคังผิง และต่งคังผิงเองก็ยืนกรานว่าจะไม่ยอมปล่อยหลี่ฉายไป ในมือของเขามีกระบี่อาญาสิทธิ์ของฝ่าบาทอยู่ เขาจะต้องจัดการกับพ่อตาเสียหน่อย
ส่วนต่งคังผิงจะโมโหหรือไม่นั้น…พ่อตาจะโมโหลูกเขยด้วยเหตุอันใดกัน ?
เมื่อกับแกล้มถูกนำขึ้นมาวางบนโต๊ะ หลี่ฉายก็ได้นำสุราเทียนฉุนออกมารินให้ทุกคน
เขายกจอกขึ้นแล้วกล่าวกับฟู่เสี่ยวกวนว่า “นับแต่นี้ข้าน้อยคือคนของท่าน ข้าน้อยสัญญาว่าหลี่ฉายจะเป็นผู้เชื่อฟังคำสั่งของท่านฟู่ จะมิทำให้ท่านต้องผิดหวังหรือขายหน้าเป็นอันขาด ข้าน้อยขอดื่มให้แก่ท่านฟู่ ! ”
“ดี… ! ” ฟู่เสี่ยวกวนยกแก้วสุราขึ้นแล้วกล่าวว่า “กรมการค้าเพิ่งจะก่อตั้งขึ้น มีเรื่องราวที่ต้องจัดการมากมาย ล้วนแต่เป็นภารกิจที่สำคัญและมีความหมายยิ่ง หลี่ฉาย เจ้านั้นมีความสามารถด้านการเงิน ข้าเชื่อว่าข้าจะเห็นความทะเยอทะยานของเจ้าอย่างเต็มที่ ! ”
เลือดของหลี่ฉายเดือดพล่านในตัว เขารู้สึกว่า ฟู่เสี่ยวกวนคือแรงผลักดันของเขา หลังจากที่ทั้งสองดื่มสุราหมดจอกแล้ว เขาก็รินมันอีกคราและนั่งลง หัวใจของเขาพลุ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น
ต่อจากนั้น หลี่จินโต้วก็ได้แนะนำบุตรชายอีก 3 คนของเขา ฟู่เสี่ยวกวนแววตาเป็นประกายทันที ให้ตายสิ คนทั้งบ้านนี้ช่างมีความสามารถเสียจริง !
แม้ว่าในใจของเขาจะตื่นเต้นยินดี แต่สีหน้ากลับเรียบนิ่ง
พวกเขากินกับแกล้มและดื่มสุราพลางสนทนาอย่างเป็นกันเอง ทันใดนั้นฟู่เสี่ยวกวนได้เอ่ยถามว่า “คุณชายใหญ่ รายได้ที่ซิงหลงถังปีนี้ดีหรือไม่ ? ”
หลี่เจียตกตะลึงขึ้นมาทันพลันก่อนจะเอ่ยออกไปว่า “ในปีนี้จวบจนปัจจุบันที่ซิงหลงถังมีรายได้ทั้งสิ้น 1,218,000 ตำลึง มากกว่าปีที่แล้วหนึ่งเท่าขอรับ”
“อ่า…” ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้า จากนั้นก็ทำท่าครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยว่า “เหตุใดโรงรับจำนำจึงได้รับความนิยมมากถึงเพียงนี้ ? ”
หลี่เจียนิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็มองไปยังหลี่จินโต้ว พบว่าหลี่จิ้นโต้วพยักหน้าเบา ๆ
“การที่โรงรับจำนำมีรายได้ดีนั้น แน่นอนว่าเป็นเพราะมีคนมาจำนำของมาก ขอกล่าวกับคุณชายตามตรงว่า ในปีนี้ที่แม่น้ำหวงเหอเอ่อล้นขึ้นมา ทำให้ราษฎรที่อาศัยอยู่ติดแม่น้ำอพยพขึ้นมาในเมืองหลวงมากเสียทีเดียว มากกว่าปีก่อนถึงเท่าตัว”
“พวกเขาเดินทางมายังเมืองหลวง ก็จำเป็นจะต้องหาหลักแหล่งที่พักอาศัย แต่การจะหาที่พักในเมืองหลวงนั้นมิได้ง่ายดายเลย หากต้องการตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่ต้องใช้เงินจำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงนำสิ่งของที่ติดตัวมาจำนำ ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่มิกี่คนเท่านั้นที่มาไถ่คืน”
ฟู่เสี่ยวกวนฟังอย่างตั้งใจ เขายังมิรู้ว่าปีนี้ที่แม่น้ำหวงเหอก็ได้เอ่อล้นขึ้นมาอีกมาก ดังนั้นจะมีราษฎรจากสองฝั่งแม่น้ำมากมายจะอพยพมาที่นี่เยี่ยงนั้นหรือ ?
แต่เนื่องจากมิมีความวุ่นวายใด ๆ เกิดขึ้น คาดว่านโยบายในปีที่แล้วได้ผลดีเกินคาด
เขาละจากเรื่องนี้ แล้วได้ยินหลี่เจียกล่าวว่า “พ่อค้าที่เดินทางมาเมืองหลวงก็มากโขทีเดียว แต่การค้านั้นก็มีข้อดีและข้อเสียอยู่ ผู้ที่มิได้กำไรก็มีอยู่มากโขเช่นกัน แต่พวกเขายังคงต้องกินต้องดื่ม ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงเป็นที่มาของกำไรโรงรับจำนำ”
“ต่อให้เป็นคนในเมืองหลวงเอง หากทำการค้าแล้วขาดทุนหรือว่าที่บ้านเกิดปัญหาต้องการเงิน โดยรวมแล้วคือ หากว่าโรงรับจำนำมีกำไรดี ย่อมมิใช่เรื่องที่ดีมากนัก”
หลี่เจียมิได้อธิบายต่อ แต่ฟู่เสี่ยวกวนก็เข้าใจในความหมายได้ในทันที
คนทั่วไปหากมิถึงยามคับขัน คงจะมินำสมบัติสืบทอดรุ่นต่อรุ่นไปจำนำอย่างแน่นอน
หากโรงรับจำนำกำไรดี หมายความว่าชาวบ้านกำลังเดือดร้อน สะท้อนถึงความลำบากของสังคมทางเศรษฐกิจ
ฟู่เสี่ยวกวนได้เอ่ยถามหลี่ว่านเกี่ยวกับกิจการที่หอยู่ติ่ง และหอหุยชุนของหลี่ก้วน
หอยู่ติ่งนั้นทำการค้าขายอัญมณีและหยก มีกำไรน้อยลงกว่าเดิมถึงสองเท่าตัว
ส่วนหอหุยชุนนั้นค้าขายเกี่ยวกับยารักษาโรค มีกำไรมากกว่าเดิมถึงหนึ่งเท่าตัวครึ่ง
หลี่จินโต้วเองก็นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ และมองไปยังฟู่เสี่ยวกวนเป็นระยะ ๆ ในใจเขารู้สึกว่าคุณชายฟู่เป็นปัญญาชน แต่กลับมีความสนใจด้านการค้าถึงเพียงนี้ ช่างเป็นปัญญาชนที่หายากอย่างแท้จริง
การตั้งคำถามของฟู่เสี่ยวกวนมิได้ถามออกไปอย่างไร้จุดหมาย หนึ่งนั้นเขาได้เข้าใจถึงเศรษฐกิจในราชวงศ์หยูมากขึ้น สองนั้นเขารู้สึกสนใจสมาชิกตระกูลหลี่ทั้งหมดนี้
เขาต้องการดึงตัวพวกเขาเหล่านี้มา เพื่อให้พวกเขาจัดการอุตสาหกรรมที่ซีซานและธนาคารซื่อทงที่กำลังจะเปิดขึ้น
แต่บัดนี้เขายังมิได้เอ่ยอันใดออกมา เยี่ยงไรเสียในวันพรุ่งนี้หยูเวิ่นหวินก็จะเข้าพบจักรพรรดินีซั่งเพื่อขอตัวหลี่จินโต้ว เมื่อได้ตัวชายชราผู้นี้มาแล้ว บุตรชายของเขาอีก 3 คนจะหนีไปที่ใดพ้น !
งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีความสุข เมื่อถึงยามห้าย ทุกคนก็ได้แยกย้ายกัน หลี่ฉายส่งฟู่เสี่ยวกวนกลับไปยังจวน เมื่อตนกลับมาก็พบว่าห้องอักษรของจวนหลี่ยังคงเปิดไปสว่างโร่
เขาเดินเข้าไปด้านใน ท่านพ่อและพี่น้องอีก 3 คนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะและดื่มชา
“เดิมทีข้าคิดว่าคุณชายฟู่เดินทางมาครานี้ เนื่องจากเรื่องเขตทดลองทั้งหกเขตนั่นเสียอีก” หลี่จินโต้วขมวดคิ้วแล้วกล่าวขึ้น “ทั้งหกเขตนั้นมีเพียงเขตเหยา ผิงหลิงและชวูอี้ที่เริ่มลงมือก่อสร้างแล้ว ผิงและชวูอี้เพิ่งจะได้เริ่มลงมือ อีกทั้งการลงทุนของทั้งสามที่ล้วนมาจากเงินของตระกูลฟู่”
“นโยบายใหม่นี้ถูกเสนอโดยฟู่เสี่ยวกวน และมีเขาเป็นคนดำเนินการหลัก แต่จากสถานการณ์ตอนนี้กำลังถูกต่อต้าน แม้ว่าฝ่าบาทจะทรงประกาศพระราชโองการออกไปแล้ว แต่พ่อค้าส่วนมากยังคงรอดูสถานการณ์ นี่มิใช่สิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนต้องการจะเห็นอย่างแน่นอน”
“ดังนั้นเขายื่นมือเข้ามาให้เจ้า เดิมทีข้าคิดว่าเขาต้องการให้ตระกูลหลี่เข้าไปร่วมลงทุนเพื่อเป็นตัวอย่าง แต่เขากลับมิได้กล่าวถึงมัน แต่พวกเราก็มิอาจทำสิ่งใดได้ ดังนั้น…”
หลี่จินโต้วยกชาขึ้นมาดื่มแล้วมองไปยังบุตรชายคนที่สี่หลี่ก้วน “พรุ่งนี้เจ้าจงไปขอลาออกจากหัวหน้าตระกูลฉิน เมื่อขึ้นปีใหม่เจ้าจงไปยังเขตกงเมืองเหอหนาน ลงทุนหาที่สำหรับร้านยา ข้าให้เงินทุนเจ้า 300,000 ตำลึงในการเตรียมตัวขั้นต้น ทำให้การค้าเจริญรุ่งเรืองขึ้น อีกทั้งตีตราของฟู่เสี่ยวกวนลงไปด้วย”
หลี่ก้วนตกตะลึงขึ้นมาทันพลันแล้วกล่าวว่า “จำเป็นจะต้องเข้าใกล้ฟู่เสี่ยวกวนถึงเพียงนี้เชียวหรือ ? ตัวตนของเขามิใช่เพียงเท่านี้”
“เจ้าอย่าได้คิดมากไป จงไปทำตามที่ท่านพ่อกล่าวเถิด ตระกูลหลี่นั้นต้องการตำแหน่งอาชีพที่มั่นคง หากมีฟู่เสี่ยวกวนคอยจัดการ นโยบายนี้ก็มีความหวัง จากที่เห็นนี้ก็สามารถซื้อใจฟู่เสี่ยวกวนได้ อีกทั้งยังใช้โอกาสนี้ยกระดับให้แก่จวนหลี่ได้อีกด้วย”