นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 471 มู่โต่ว
ตอนที่ 471 มู่โต่ว
หมวกทรงสูง ชุดผ้าป่าน ดาบด้ามใหญ่ 1 ด้าม และกล่องสีดำ 1 ใบ
ฟู่เสี่ยวกวนเดินตรงเข้ามาด้วยใบหน้าสดใส และนั่งลงเบื้องหน้าซูเจวี๋ย
หลังจากนั้นเขาก็ได้สะดุ้งเล็กน้อย สายตาจดจ้องไปที่ใบหน้าของซูเจวี๋ยถึงห้าอึดใจ
“น่าเกลียดมากใช่หรือไม่ ? ”
บนใบหน้าของซูเจวี๋ยมีรอยแผลเป็นที่ดูน่ากลัวอยู่ รอยแผลเป็นนั้นผ่ายาวจากหน้าผากด้านซ้ายลาดยาวลงมาถึงแก้มด้านขวาของเขา
“น่าเกลียดเล็กน้อย แต่มองไปแล้วก็ดูสมเป็นชายชาตรีมากยิ่งขึ้น”
“…ข้าชอบที่จะหล่อเหลาเสียมากกว่า”
“ศิษย์พี่ใหญ่ เยี่ยงไรเสียท่านก็หล่อสู้ข้ามิได้ สู้หาหนทางอื่นยังจะดีเสียกว่า”
ซูเจวี๋ยหัวเราะขึ้นมา ศิษย์น้องเล็กก็ยังคงเป็นศิษย์น้องเล็ก หน้ายังคงหนาอยู่ดังเดิม มิแปลกใจที่อาจารย์จะชอบเขา
“ศิษย์น้องแปดซูม่อวานให้ข้านำคำเอ่ยของเขามาฝากกับเจ้า”
“ว่าเยี่ยงไรบ้าง ? ”
“ซูม่อกล่าวว่า เขาได้ฝึกกองกำลังดาบเทวะจำนวน 1,500 คนที่สำนักเต๋า เขาต้องการม้าศึกและปืนคาบศิลา เขากล่าวว่าเรื่องนี้ต้องให้เจ้าช่วยเขาจัดการ”
ฟู่เสี่ยวกวนยกยิ้มขึ้นมุมปาก และพยักหน้ารับ
ซูม่อผู้นี้ได้จากเมืองเปียนเฉิงกลับไปยังสำนักเต๋าเมื่อราวเดือนสี่ เมื่อลองคำนวณดูแล้วเขาก็ได้ฝึกฝนกองกำลังพิเศษนี้มา 7 – 8 เดือนแล้ว
ฟู่เสี่ยวกวนตั้งตารอคอยกองกำลังนี้เป็นอย่างมาก เพราะนี่คือกองกำลังที่จะประกอบไปด้วยผู้ที่มีฝีมือระดับสูงทั้งสิ้น เมื่อผสมเข้ากับการฝึกดาบเทวะของซูม่อที่คุ้นชินกับการฝึกนี้เป็นอย่างดี เกรงว่าหลังจากที่ติดตั้งปืนคาบศิลาแล้ว พวกเขาจะสร้างความสะเทือนแบบใดขึ้นมากัน ?
เมื่อเทียบกับองครักษ์ชุดแดงของราชวงศ์อู๋ ฟู่เสี่ยวกวนให้ความรอคอยกับกองกำลังของซูม่อมากกว่า
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ายังมิเคยไปที่สำนักเต๋ามาก่อน และยังมิเคยไปพบท่านอาจารย์ เขาจะยังยอมรับข้าเป็นศิษย์อยู่หรือไม่ ? ”
“ยอมรับสิ ข้ามีเรื่องจะบอกกับเจ้าอยู่พอดี อาจารย์ได้ส่งหนังสือของสำนักเต๋าให้แก่ชาวลวี่หลินทั่วใต้หล้าแล้ว เรื่องที่รับเจ้าเป็นศิษย์ก้นกุฏิ และได้แต่งตั้งให้เจ้าเป็นเต้าจ่งแห่งสำนักเต๋า ให้เดินทางไปทั่วทั้งใต้หล้าในนามของสำนักเต๋า”
ฟู่เสี่ยวกวนชะงักทันพลัน “หมายความว่าเยี่ยงไรกัน ? ”
“เต้าจ่ง คือเมล็ดพันธุ์ของสำนักเต๋า มีความหมายเช่นเดียวกันกับพระพุทธเจ้าของนิกายฝู สำนักเต๋ามิได้มีเต้าจ่งมาสามร้อยกว่าปีแล้ว เพราะอาจารย์เล่าว่าบรรพบุรุษในประวัติศาสตร์เกียจคร้านเป็นอย่างมาก ดังนั้นวัดเต๋าถึงได้ซบเซาลงเฉกเช่นในวันนี้ หลักคำสอนจึงมิได้เผยแพร่ออกไปจากภูเขาชิงหยุน… ภูเขาชิงหยุนคือที่ตั้งของสำนักเต๋า”
“มิใช่ ประเดี๋ยวก่อน…” ฟู่เสี่ยวกวนสูดลมหายใจเข้า ดวงตาเบิกกว้าง และเอ่ยถามออกไปว่า “มีความหมายว่าข้าได้กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ของลัทธิเต๋าแล้วจะต้องออกไปเผยแพร่หลักคำสอนใช่หรือไม่ ? ”
ซูเจวี๋ยยิ้มอ่อน ๆ “ศิษย์น้องเล็กเป็นผู้ที่มีสติปัญญาอย่างแท้จริง อาจารย์กล่าวว่าความรุ่งเรืองของลัทธิเต๋า อยู่บนบ่าของศิษย์น้องเล็กแล้ว ก่อตั้งวัดเต๋า เผยแพร่หลักคำสอน นี่คือหน้าที่ของเต้าจ่ง”
ซูเจวี๋ยหยิบไข่ไก่ที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ออกมาจากในอก นำของสีดำที่เหมือนกับหยกแต่ไม่ใช่หยกเหมือนทองแต่ไม่ใช่ทองวางลงเบื้องหน้าของฟู่เสี่ยวกวน
“ตอนที่เจ้ายังอยู่ที่เมืองกวนหยุน อาจารย์ได้ส่งคนนำศาสตราเทพมาให้เจ้า หลังจากนั้นเพราะเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ภูเขาน้ำแข็งนั่น ศาสตราเทพจึงถูกนำกลับไปที่อาราม ครานี้ศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยงข้าได้ออกมา อาจารย์จึงได้บอกให้ข้านำมันมามอบให้กับเจ้าด้วยมือของตนเอง”
ฟู่เสี่ยวกวนรับของสิ่งนั้นมาพิจารณา หนักมากยิ่งนัก เย็นไปทั่วทั้งมือ นี่คือมู่โต่วที่เล็กจิ๋ว… เจ้าบอกกับข้าสิว่านี่คือศาสตราเทพหรือ ลัทธิเต๋ากำลังหลอกลวงข้ากัน !
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าอย่าได้ดูถูกของสิ่งนี้ไป ตัวร่างของวัตถุนี้สร้างจากไม้ที่จมอยู่ใต้น้ำ และเส้นสีดำนี้ก็สร้างขึ้นด้วย เส้นไหมสวรรค์ฟอก เส้นไหมนี้ยาวสิบจ้าง ดาบหรือกระบี่ก็ยากที่จะตัดขาด ไฟหรือน้ำก็มิสามารถทำลายมันได้ มัน…คือสิ่งที่ใช้ยืนยันตัวตนของเต้าจ่ง ! ”
ซูเจวี๋ยยกสองมือขึ้นจัดหมวก และกล่าวอย่างจริงจังอีกคราว่า “อาจารย์กล่าวว่า วงกลมถูกสร้างมาจากกฎ สี่เหลี่ยมถูกสร้างมาจากกฎเช่นเดียวกัน หากไม่มีกฎย่อมไม่อาจสร้างรูปสามเหลี่ยมและสี่เหลี่ยมได้ หากเบื้องบนมีกฎระเบียบ เบื้องล่างมีความสมัครสมานสามัคคี เมื่อทำการอันใดจะส่งผลถึงกัน งานย่อมสำเร็จ สามารถปกครองได้ทั่วหล้า ! ”
“ศิษย์น้องเล็กเอ๋ย นี่คือสิ่งของล้ำค่าของนิกายเต๋า นี่คือความหวังอันแรงกล้าที่อาจารย์มีต่อเจ้า ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนชะงักไปเนิ่นนาน “ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าจะมีเวลาไปสร้างวัดเต๋าแล้วเผยแพร่คำสอนได้เยี่ยงไรกัน ? ”
ซูเจวี๋ยยิ้มบาง ๆ และส่ายหน้า “มิจำเป็นที่ศิษย์น้องเล็กจะต้องไปจัดการด้วยตนเอง อาจารย์กล่าวว่าเยี่ยงไรเสียเจ้าก็จะต้องท่องไปทั่วใต้หล้า หากไปที่ใดก็ตาม เพียงศิษย์น้องเล็กรู้สึกสบายตา เมื่อไปยังสถานที่นั้น ก็ทิ้งไว้เพียงหนึ่งประโยค ก็จะมีคนมาสร้างวัดเต๋าในสถานที่นั้น มิมีเรื่องอันใดให้ศิษย์น้องเล็กต้องกังวลใจ”
บัดซบ ท่านอาจารย์คิดว่าข้าเป็นเทพเจ้าเยี่ยงนั้นหรือ !
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าคำเอ่ยนี้ค่อนข้างไม่รื่นหูเท่าใดนัก เหมือนกับ… มันเหมือนกับสุนัขที่ฉี่เพื่อประกาศว่าที่นี่คืออาณาเขตของตนเอง…
ฟู่เสี่ยวกวนเบะปาก ช่างมันเถอะ ขอเพียงไม่ทำให้ธุรกิจของตนล่าช้าก็เป็นพอ
สำหรับคำสอนของสำนักเต๋าหรือสำนักฝู ฟู่เสี่ยวกวนมิได้เทิดทูนแต่ก็มิได้ต่อต้าน นี่คือปัญหาเกี่ยวกับความเลื่อมใสของแต่ละคน เขาเคารพในความเชื่อที่ทุกคนเลือก
เพียงแค่หากต้องการให้เขามุ่งมั่นเพื่อเผยแพร่ศาสนา ย่อมมิมีทางเป็นแน่
“ของสิ่งนี้คือความหมายของสัญลักษณ์เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“มันคือศาสตราเทพ ทั้งยังเป็นอาวุธที่ทรงพลังได้อีกด้วย”
“ใช้เยี่ยงไรกัน ? ”
ซูเจวี๋ยรับมู่โต่วมา และได้พาฟู่เสี่ยวกวนมายืนด้านนอกศาลาเถาหราน
เขายกมู่โต่วขึ้นมาและอธิบายกับฟู่เสี่ยวกวนว่า “อัดกำลังภายในเข้าไปในล้อตรงนี้ กดปุ่มของล้อตรงนี้ เจ้าจงดู เส้นสีดำที่อยู่ตรงปลายและท้ายของกรวยก็จะถูกกระตุ้นขึ้นมา มีความสามารถมิต่างจากเข็มปักผ้าของซูโหรวเท่าใดนัก…”
ต่อจากนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เห็นลูกบิดตรงนั้นสว่างขึ้นมา ซูเจวี๋ยกดปุ่มลงไป เสียง “ฟิ้ว… ! ” จึงดังขึ้น โม่จุยสีดำก็ได้นำเส้นไหมสวรรค์ฟอกพุ่งลงไปในทะเลสาบซวนอู่ในชั่วพริบตา
ในวันนี้มีคนผู้หนึ่งจมน้ำตายอยู่ในทะเลสาบซวนอู่ !
เขาย่อมมิได้จมน้ำตายอย่างแท้จริง เพราะคนผู้นั้นคือเกาเสี่ยน เขากระโดดลงไปในทะเลสาบซวนอู่ และดำดิ่งลงไปด้านใต้ของทะเลสาบซวนอู่ จนมาถึงศาลาเถาหราน
โจวถงถงไล่ตามมาติด ๆ ทั่วทั้งใต้หล้านี้ต่างก็มีสายลับของหอเทียนจีอยู่เต็มไปหมด เขาเลือกที่จะซ่อนอยู่ก้นบึ้งของทะเลสาบซวนอู่ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ต่อให้โจวถงถงพลิกฟ้าพลิกดินทั่วทั้งจินหลิง ก็จะมิสามารถตามหาเขาได้อีกต่อไป
เขาได้ใช้วิชากัศยปแสร้งตาย และกำลังนอนเงียบ ๆ อยู่ที่ก้นทะเลสาบซวนอู่
แผนเดิมของเขาก็คือจะรอทะเลสาบซวนอู่แข็งตัวหลังจากผ่านพายุหิมะไป เมื่อถึงตอนนั้นคาดว่าโจวถงถงก็คงจะออกไปจากจินหลิงแล้วเช่นกัน
เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะตื่นขึ้นมาอีกครา เพื่อทะลุน้ำแข็งออกไปจากที่นี่ และมุ่งหน้าไปสังหารฟู่เสี่ยวกวน
นี่เป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก !
หลังจากที่ใช้วิชากัศยปแสร้งตายเขาก็จะเหมือนกับตายไปแล้วอย่างแท้จริง ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นปรมาจารย์ ก็จะมิสามารถค้นหาการคงอยู่ของเขาได้
แต่ว่า… !
อุบัติเหตุก็ได้เกิดขึ้นทั้งอย่างนั้น
ศิษย์พี่ใหญ่ในสงครามผิงหลิง ถึงแม้ว่าจะบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ได้ก้าวเข้าสู่ประตูปรมาจารย์แล้วเพราะความโชคร้ายครานั้น
กำลังภายในของเขาแข็งแกร่งจนเกินไป และมู่โต่วนี้ก็เป็นถึงอาวุธศาสตราเทพ !
และเส้นไหมสีดำนั้นก็ยาวมากยิ่งนัก โม่จุยนั้นคมเป็นอย่างมาก
ศิษย์พี่ใหญ่ยืนอยู่บนแท่นและยิงลงไปในน้ำ
“ฟู่… ! ” โม่จุยดังขึ้นยามที่แทงลงไปด้านล่าง และโดยบังเอิญ ที่เกาเสี่ยนได้นอนอยู่ด้านล่างนั้นอย่างพอดิบพอดี
โม่จุยแทงเข้าที่ท้องของเกาเสี่ยนอย่างง่ายดาย จนเขาได้ฟื้นคืนมาจากวิชากัศยปแสร้งตาย
เขาลืมตาขึ้นมามอง
เส้นที่เกือบจะโปร่งแสงดิ่งลงมาในน้ำ ปลายของเส้นแทงลึกเข้าไปในท้องของเขา เลือดได้ไหลออกมา ชั่วพริบตานั้นความเจ็บปวดก็ได้แล่นไปทั่วร่าง
เขาอยากจะกรีดร้องเสียงดัง เมื่อได้สัมผัสกับน้ำของทะเลสาบที่เย็นยะเยือก จึงนึกขึ้นมาได้ว่าตนเองในตอนนี้กำลังนอนอยู่ใต้ทะเลสาบซวนอู่
ผู้ใดกันที่เก่งกาจจนถึงขั้นตรวจพบข้าในที่นี้ได้ ?
เกาเสี่ยนตื่นตระหนกขึ้นมาทันพลัน เขาว่ายน้ำเข้าฝั่งอย่างตะเกียกตะกาย
“อ่า นี่คือวิธีการใช้…”
“เฮ้อ คิดว่าจะเอาเจ้านี่มาแทงปลาเยี่ยงนั้นหรือ มันจะแทงปลาได้สักกี่ตัวกัน ? ”