นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 548 ผิดไปเสียทุกก้าว
ตอนที่ 548 ผิดไปเสียทุกก้าว
ด่านชีผานคือด่านสำคัญของเจี้ยนหนานตงเต้า และมีเพียงด่านเดียวเท่านั้น
เมืองที่พึ่งพาด่านชีผานคือเจี้ยนเหมิน เมืองศูนย์กลางของเจี้ยนโจว
หากมิมีการพึ่งพาจากเมืองเจี้ยนเหมิน ด่านชีผานก็จะไร้ค่ายิ่ง เพราะต้องอาศัยเสบียงจากเจี้ยนเหมิน หากเส้นทางนี้ถูกปิดกั้น เหล่าทหารที่คุ้มกันอยู่ ณ ด่านชีผาน เกรงว่าจะต้องไปล่าสัตว์ที่ภูเขาฉินหลิงเพื่อประทังชีวิต
ดังนั้น เมื่อเซวี๋ยติ้งชานนำทหารม้าทั้งหนึ่งแสนห้าหมื่นนายบุกเข้ามาที่ด่านชีผาน และเพิ่งมาถึงได้เพียง 4 วัน ก็ได้ส่งผู้สอดแนมให้นำข่าวมาบอกกับสีฮวาซึ่งนำทัพหน้าอยู่ หลังส่งข่าวเสร็จ เขาก็ได้นำทัพจำนวน 150,000 นายมุ่งหน้าออกจากด่านชีผาน หมายย้อนกลับไปยึดเมืองเจี้ยนเหมิน
แต่สิ่งที่คาดมิถึงก็คือ วันที่เฟ่ยอันเดินทางมาถึงหลินจื๋อ เขาได้ให้ม้าเร็วส่งจดหมายไปยังเจี้ยนเหมินตั้งแต่วันที่สามเดือนสามแล้ว
เมืองเจี้ยนเหมินมีฐานะเป็นเมืองสนับสนุนหลักของด่านชีผาน ในขณะเดียวกันก็เป็นเมืองศูนย์กลาง
เมืองนี้มีทหารอยู่ถึง 30,000 นาย !
ในตอนที่เซวี๋ยติ้งชานบุกเข้าด่านชีผานนั้นเขามิได้ยั่วยุทหารกลุ่มนี้ จากแผนเดิมของเขาและสีฮวา กองทัพทหารชายแดนตะวันตกจะเหลือไว้เพียง 20,000 นายเพื่อป้องกันด่านชีผาน เพียงแค่อดทนได้ 10 วัน คาดว่ากองทัพทหารชายแดนตะวันตกจะสามารถผ่านทางสายเก่าจินหนิวออกมาได้
เพียงแค่ออกจากทางสายเก่าจินหนิวมาถึงถิ่นทุรกันดารอันกว้างใหญ่นี้ ทหารสามแสนนายก็จะสามารถใช้พื้นที่ในการฝึกม้าได้ตามใจชอบ !
ดังนั้นจากแผนเดิม เขามิจำเป็นต้องยึดเมืองเจี้ยนเหมิน
แต่ทว่าบัดนี้ได้เกิดปัญหาขึ้น เฟ่ยอันนำทัพมามากถึง 400,000 นาย !
ณ ทางสายเก่าจินหนิวยังมีทหารของหยูชุนชิวอยู่อีก 150,000 นาย !
หากทหารจำนวน 300,000 นายของตนถูกหยูชุนชิวรั้งเอาไว้ และเฟ่ยอันได้โจมตีจากด้านหลัง… กองทัพทหารชายแดนตะวันตกจะรอดได้เยี่ยงไร !
เซวี๋ยติ้งชานนิ่งเงียบลงทันใด ครุ่นคิดถึงรายละเอียดปลีกย่อย บัดนี้แผนการเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมามากมาย จึงทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอยู่หลายข้อ ดังนี้
ข้อแรก ลัทธิจันทราเดินทางมาถึงด่านชีผานช้ากว่ากำหนดถึง 3 วัน ! จึงทำให้ทหารม้าจำนวน 150,000 นายที่ซ่อนตัวอยู่ในหลินโจวเดินทางมาถึงด่านชีผานช้ากว่าเดิม 3 วันเช่นกัน
สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นก็คือด้วยเหตุนี้ทำให้สีฮวาถูกเปิดโปง หากมิใช่เพราะนางเขียนจดหมายเลือดถวายแก่องค์ฮ่องเต้ว่าให้กองทัพของหยูชุนชิวถอยกลับ แน่นอนว่าด่านชีผานต้องตกอยู่ในมือของหยูชุนชิวเป็นแน่
หยูชุนชิวย่อมบัญชาให้ทหารทั้งหนึ่งแสนห้าหมื่นนายรักษาด่านชีผานเอาไว้ ส่วนทหารจำนวน 300,000 นายต่อให้บุกเข้าไปในด่านชีผานได้ ก็มิอาจเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกโดยไร้การต่อสู้ได้ สู้เอามีดเชือดคอตายเสียดีกว่า
ข้อที่สอง คาดมิถึงว่าฝ่าบาทได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว เฟ่ยอันเดินทางมาจากชายแดนตะวันออกโดยมิคาดคิด
อีกทั้งเวลาที่เสียไปกว่าสามวัน ทำให้เฟ่ยอันเดินทางมาถึงหรงโจวได้ง่ายกว่าเดิม มิหนำซ้ำยังได้ใช้ประโยชน์จากคูเมืองหรงโจวและกองกำลังทหารจำนวน 30,000 นายเพื่อสกัดกั้นทหารทัพหลังของเขาถึง 3 วัน
ข้อที่สาม ทหารทัพหน้าเดินทางมาถึงด่านชีผานเมื่อวันที่สิบเก้า เดือนสอง เดิมทีทัพหลังจะต้องเดินทางมาช้ากว่าเพียง 1 วันเท่านั้น แต่ทหารทัพหลังกลับเดินทางมาถึงด่านชีผานล่าช้าในวันที่ยี่สิบหก นับเป็นเวลาถึง 7 วัน !
ข้อที่สี่ สีฮวากังวลว่าหยูชุนชิวจะวางกับดักไว้ที่ชีหลี่ผิง ทหารทัพหลังเพิ่งจะเดินทางมาถึงด่านชีผาน ยังมิทันได้พักผ่อนก็ต้องออกเดินทางกันต่อแล้ว ทว่าหน่วยสอดแนมกลับนำข้อความนี้มาแจ้ง
ผิดก้าวหนึ่ง ส่งผลให้ผิดไปเสียทุกก้าว !
บัดนี้หยูชุนชิวได้สร้างตาข่ายขนาดใหญ่ล้อมเอาไว้แล้ว เพื่อรอให้กองทัพชายแดนตะวันตกพุ่งเข้าไปติด หากกองทัพทหารทั้งสองฝ่ายมาเผชิญหน้ากัน เซวี๋ยติ้งชานเชื่อว่าจากความสามารถในการต่อสู้ของทหารชายแดนตะวันตกจะสามารถทลายตาข่ายของหยูชุนชิวได้อย่างแน่นอน แต่ปัญหาในวันนี้คือ ต่อให้ทัพหน้ามิขยับ ทัพหลังของเขาก็ยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 วันถึงจะตามทัน
แต่เฟ่ยอันเดินทางจากหลินจื๋อมายังเจี้ยนเหมิน ต่อให้มีจำนวนทหารมากถึง 400,000 นายก็ใช้เวลาเพียง 10 วันเท่านั้น
การที่ตนหันหลังกลับไปครานี้ จะไปถึงเจี้ยนเหมินก่อนเฟ่ยอันราว 3 วัน
เวลา 3 วันนี้ เชื่อว่าตนจะสามารถโจมตีเมืองเจี้ยนเหมินได้เป็นแน่ และเวลาเพียง 3 วันนี้ สีฮวาก็คงเดินทางมาถึงเจี้ยนเหมินแล้วเช่นกัน
จากการตั้งรับที่เจี้ยนเหมิน ย่อมทำให้ทหารจำนวน 400,000 นายของเฟ่ยอันพ่ายแพ้ และใช้ทหารจำนวน 100,000 นายเข้าขัดขวางหยูชุนชิวที่ด่านชีผาน เพื่อมิให้เข้ามาในเจี้ยนหนานได้
ตนและภรรยาจะนำทหาร 200,000 นายเข้าล้อมเมืองเอาไว้ จากนั้นจะโจมตีพื้นที่ราบเฉิงตูแห่งเจี้ยนหนานซีเต้า เพื่อยึดเมืองเฉิงตูและรวบรวมทหารก่อนจะคิดหาหนทางต่อไป นี่คือแผนการ ณ ปัจจุบัน !
เมื่อสีฮวาได้รับข้อความนี้ สีหน้าของนางก็ซีดเผือดลงทันที
เซวี๋ยติ้งชาน เจ้าโง่ !
หากทหารทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน เพียงแค่ทหารชายแดนตะวันตกสามารถฝ่าวงล้อมของหยูชุนชิวออกมาได้ เบื้องหน้าก็จะเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ !
แต่เซวี๋ยติ้งชานกลับเลือกใช้วิธีที่ปลอดภัย การก่อกบฏมีคำว่าปลอดภัยให้เจ้าด้วยหรือเยี่ยงไร
สถานการณ์ในตอนนี้ นางจะทำอันใดได้อีกเล่า ? หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ท้ายที่สุดสีฮวาจึงกัดฟันออกคำสั่งไปว่า “ทหารทั้งหมดจงถอยทัพ ! ” เหล่าทหารได้แต่ทำหน้างุนงง สงครามนี้ยังจะดำเนินต่อไปอีกหรือไม่ ?
ยังมิได้พบศัตรูแม้แต่คนเดียว ทั้งยังลำบากลำบนกว่าจะเดินทางมาถึงที่ชีหลี่ผิง ทางสายเก่าจินหนิวนี้ก็ได้ดำเนินไปกว่าครึ่งทางแล้ว ! จะถอยทัพกลับไปที่ใดกัน ?
แต่นายหญิงเป็นผู้ออกคำสั่ง เหล่าทหารจึงมิมีผู้ใดกล้าขัด ดังนั้นกองทัพที่เรียงแถวยาวเหยียดจึงใช้เวลากว่าสองชั่วยามหันหัวกลับ และมุ่งหน้าไปยังด่านชีผาน
ซูซูยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ นี่คือกลยุทธ์อันใดกัน ?
กลยุทธ์ล้อมเวยช่วยจ้าว ?
กลยุทธ์ลอบตีเฉินชาง ?
กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม ?
กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ ?
สมองของซูซูคิดมิออกแล้วอย่างแท้จริง ดังนั้น นางจึงแอบตามไปเพื่อทำความเข้าใจ
การเดินทางในครานี้ ต่อเนื่องจนกระทั่งถึงวันที่สาม เดือนสาม ในที่สุดฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เดินทางมาถึงค่ายทหารของหยูชุนชิว
“ศัตรูเล่า ? ” ฟู่เสี่ยวกวนรีบดื่มชาเข้าไปถ้วยหนึ่งแล้วเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
หยูชุนชิวเองก็ทำหน้างุนงงเช่นกัน “ข้าก็อยากจะถามว่าศัตรูอยู่ที่ใดเช่นกัน ? ”
“มีรายงานจากหน่วยสอดแนมบ้างหรือไม่ ? ”
“พวกหน่วยสอดแนมไปถึงชีหลี่ผิงแล้ว หาได้พบศัตรูไม่ ! ”
ให้ตายเถอะ ไอ้เซวี๋ยติ้งชานมันมุดดินหรือบินได้กันแน่ ?
ฟู่เสี่ยวกวนเกิดความสับสนอยู่ในหัว ตนเดินทางมานับพันลี้ หรือเซวี๋ยติ้งชานจะกลัวต่อชื่อเสียงอันโด่งดังของตนจึงได้หนีไปแล้ว ?
ถ้าหนีไปจริงก็ดี ข้าล่ะเหนื่อยเต็มทน ในที่สุดคืนนี้ก็จะได้พักผ่อนหลับสบายเสียที
“ไปจัดหาสุราอาหารมาสักหน่อยเถอะ ข้ามาเยือนถึงถิ่นท่าน ถึงเวลาได้กินอาหารดี ๆ เสียที”
หยูชุนชิวหัวเราะเสียงดังลั่น “เจ้าหมอนี่ช่างมิมีความเกรงใจอย่างแท้จริง”
เขากำชับให้ทหารรับใช้ทำอาหารเลื่องชื่อมา จากนั้นก็นั่งลงเบื้องหน้าของฟู่เสี่ยวกวน แล้วเอ่ยถามว่า “เมื่อวันที่ยี่สิบแปดเดือนสอง มีกองทัพทหารกลุ่มหนึ่งต้องการขออนุญาตเข้าเมือง กล่าวกันว่าเป็นคนของเจ้าเป็นจริงดังนั้นหรือไม่ ? ”
“ใช่แล้ว ! เป็นกองกำลังดาบเทวะกองที่สาม…” ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้ามองหยูชุนชิวที่บัดนี้ใบหน้าได้บ่งบอกถึงความอึดอัดใจ ดังนั้นเขาจึงหัวเราะออกมา “เจ้ามิได้อนุญาตใช่หรือไม่ ? ”
“พวกเขามิมีหลักฐาน ข้าจะให้ผ่านไปได้เยี่ยงไร ? หากพวกเขาเข้ามาในค่ายแล้วก่อเรื่องขึ้น จะมิทำให้เกิดความสูญเสียไปมากมายหรอกหรือ ! ”
“ดังนั้น คาดว่าพวกเขาจะใช้วิชาตัวเบาลอยข้ามหน้าผาข้าง ๆ นี้ไปแล้ว”
“เจ้าไปหาพวกชาวยุทธที่มีความสามารถมากมายถึงเพียงนี้มาตั้งแต่เมื่อใดกัน ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะหึ “ข้าเป็นถึงศิษย์เอกของสำนักเต๋า ผู้คนเหล่านี้ล้วนมาจากสำนักเต๋าทั้งสิ้น ศิษย์น้องซูม่อเป็นผู้ฝึกฝนด้วยตนเอง”
“ข้าคิดว่าเจ้าไปหลอกล่อองครักษ์ชุดแดงจากราชวงศ์อู๋มาเสียอีก พวกเขามีความสามารถมากเสียทีเดียว หากว่าได้เผชิญหน้ากับเซวี๋ยติ้งชาน เจ้านั่นคงจะเหนื่อยน่าดู”
ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มกว้าง มองซ้ายมองขวาแล้วเอ่ยถามว่า “อ่า… แล้วภรรยาของท่านเล่า ? ”
“นางนำทหารภูเขา เอ่อ… ที่เจ้าเคยกล่าวถึงเมื่อคราก่อนนั้น มุ่งหน้าไปหาศัตรู คาดว่าบัดนี้คงถึงชีหลี่ผิงแล้ว…”
เมื่อสิ้นเสียงของหยูชุนชิว หน่วยสอดแนมก็ได้วิ่งเข้ามาแล้วยื่นรายงานให้กับเขาหนึ่งฉบับ
หยูชุนชิวรับไปดู… สีหน้าพลันปรากฏความยินดีออกมาทันที
“จะมาไม้ไหนกันแน่ ? ”