นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 563 ศึกนองเลือด ณ ด่านชีผาน
ตอนที่ 563 ศึกนองเลือด ณ ด่านชีผาน
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ เดือนสาม วันที่สิบสาม เวลาฟ้าสาง
จันทรายังมิลาลับขอบฟ้า มิรู้ว่าสายลมพัดกลุ่มเมฆามาตั้งแต่เมื่อใด แสงจันทราจึงถูกบดบัง เลือนลางเสียจนมืดสนิท
โคมไฟและคบเพลิงบนด่านชีผานสว่างโร่ขึ้น หากยืนห่างออกไป ก็จะเห็นเงาเลือนลางของผู้คนจำนวนมากบนหอกวนโหลวที่ใหญ่โตแห่งนี้
นี่คือช่วงเวลาที่มืดที่สุดก่อนจะถึงช่วงเวลาฟ้าสาง ทว่าคบเพลิงพวงยาวก็ได้สว่างขึ้นที่ด้านล่างของด่านชีผาน ส่องสว่างท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด และทำให้ด่านชีผานที่ใหญ่โตโออ่าบังเกิดแสงสว่างขึ้นมา
หงเหนียงจื่อสีฮวาเงยหน้ามองด่านชีผาน พลันผ่อนคลายขึ้นมา “ไปเรียกคนเฝ้าประตูด่านชีผานให้เปิดประตูออกเถอะ หลังจากเข้าไปแล้ว ก็ให้ทุกคนพักผ่อน เมื่อผ่านไป 3 ชั่วยาม จงออกเดินทางต่อ ! ”
ทหารรับคำสั่งส่งต่อไปยังทัพหน้า ฝ่ายนายกองของทัพหน้าได้มาถึงด้านล่างของหอกวนโหลวแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นและตะโกนเสียงดังว่า “กองทัพของหงเหนียงจื่อแห่งทัพชายแดนตะวันตกกลับมาแล้ว โปรดเปิดประตูด้วย ! ”
ทหารใหม่ที่ยืนอยู่บนหอกวนโหลวรู้สึกกังวลมากยิ่งนัก หนึ่งเพราะด้านล่างคือภรรยาอดีตแม่ทัพใหญ่ของพวกเขา สองเพียงทอดสายตามองโคมไฟมังกรที่คดเคี้ยวจนมิเห็นหาง จึงพบว่าศัตรูมีถึง 130,000 นาย !
มากกว่าพรรคพวกของตนเองถึงหกเท่า แม้ด่านชีผานจะแข็งแกร่ง แต่หากใช้ศพมากองก็คงกองจนถึงด้านบนหอกวนโหลวได้
ทันทีที่กวนเสี่ยวซีเห็นก็ขมวดคิ้วมุ่น เขาหยิบคันธนูจากมือของทหารคุ้มกันนายหนึ่ง น้าวลูกศร หนึ่งดอกยิงใส่นายกองของทัพกบฏที่อยู่นอกด่าน
เสียง “ฉัวะ… ! ” ดังขึ้น ลูกศรพุ่งจากด้านบนสู่ด้านล่าง นายกองของทัพศัตรูจะฉุกคิดขึ้นมาได้เยี่ยงไรว่าหอกวนโหลวได้เปลี่ยนมือไปแล้ว เมื่อรวมกับความเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาตลอดทั้งคืน จึงมิได้หลบแต่อย่างใด กวนเสี่ยวซียิงทะลุหน้าผากของเขาเข้าพอดี เขาล้มลงกระแทกพื้นเสียงดัง จนทหารที่เหลือต่างตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
นี่คือ… สถานการณ์อันใด ?
เหตุใดสหายบนหอกวนโหลวจึงยิงคนของฝ่ายตนกัน ?
ดังนั้น จึงมีทหารนายหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า “พี่น้องด้านบนทั้งหลาย อย่าได้เข้าใจผิด พวกเราคือกองพันฉีเฟิงจากกองทัพชายแดนตะวันตก ผู้ใดในพวกเจ้ายิงศรเมื่อครู่กัน ? ได้ยิงจนหัวหน้ากองร้อยสิ้นชีพไปแล้ว รีบเปิดประตูเมืองเถอะ ข้าหิวจวนจะตายแล้ว ! ”
กวนเสี่ยวซียิ้มเยาะ หยิบลูกศรและน้าวธนูอีกครา ยิงออกไปและได้ปลิดชีพทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งไป
ศัตรูที่อยู่ด้านล่างเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติ ในยามนั้นเอง กวนเสี่ยวซีก็สะบัดมือใหญ่ แล้วออกคำสั่งว่า “สหายทั้งหลาย ถึงเวลาสร้างผลงานแล้ว จงสังหารพวกเขาเพื่อข้าเสีย ! ”
“ตู้ม ! ” จ้าวเหล่าลิ่วจุดพลุไฟ มันถูกยิงขึ้นบนท้องนภา และแตกตัวเหนือกองทัพของสีฮวา ทันทีที่หอคอยธนูของหอกวนโหลวทั้งแปดเห็นสัญญาณนี้ ลูกศรจำนวนมหาศาลก็ได้ทะลักลงมาด้านล่าง พุ่งไปยังทัพหน้าของศัตรูราวกับตั๊กแตนข้ามถิ่น
ศัตรูย่อมมิเคยนึกถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปของด่านชีผาน พวกเขาจึงเข้ามาใกล้เพียงนี้ !
ลูกศรตกลงมาราวกับห่าฝน อย่างน้อยทัพหน้าหนึ่งพันกว่านายก็เสียชีวิตในทันที
ทัพข้าศึกเกิดความโกลาหล เสียงโหยหวนดังก้องไปทั่วป่าเขา ทหารจำนวนมากที่ยังมิถูกยิงรีบหนีตายอย่างตื่นกลัว พวกเขาวิ่งไปยังทัพกลาง วิ่งหนีไปพลางตะโกนเสียงสูงว่า “ท่ามิดีแล้ว ! ด่านชีผานถูกยึด แม่ทัพสี รีบหนีเถิด ! ”
สีฮวาตื่นตะลึง สุดท้ายผลลัพธ์ที่น่ากลัวที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้ !
สุดท้ายผู้ใดคือผู้พิชิตด่านชีผานได้กัน ?
เฟ่ยอันเยี่ยงนั้นหรือ ?
มีเพียงเฟ่ยอันเท่านั้น !
เฟ่ยอันมาจากสองฟากฝั่งเจี้ยนหนาน เยี่ยงนั้นสามี… ร่างของนางเย็นเยียบขึ้นมาโดยพลัน หรือว่าทัพของเซวี๋ยติ้งชานจะถูกกวาดล้างไปแล้วกัน ?
ทำเยี่ยงไรดี ?
นางสงบลงในชั่วพริบตา เลิกคิ้วขึ้น ดาบในมือโบกสะบัด “รีบส่งต่อคำสั่งของข้าออกไป กองพันเชียนหยูใช้โล่เป็นเกราะกำบัง กองพันหูเปินทัพหน้าใช้ตะขอตะกายขึ้นไป ทัพหลังตัดต้นไม้ รีบสร้างบันไดขึ้นมา ให้กองพันเจียนจวินคอยกำกับ ให้มีคนคอยดูเส้นทางถอย…ไปสังหารมัน ! ”
ภายในชั่วพริบตา สนามรบก็ได้เข้าสู่ความดุเดือดขึ้นมาทันที กองพันเชียนหยูทัพชายแดนตะวันตกมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เพราะหน้าไม้ที่หนักของพวกเขา ระยะหวังผลจึงไกลกว่าคันศรเป็นเท่าตัว
กองพันเชียนหยูตั้งหน้าไม้ไว้นอกระยะหวังผลของคันธนู ลูกศรที่หนาแน่นทะยานขึ้นไปบนท้องนภา และตรงขึ้นไปด้านบนหอกวนโหลว
หลังจากลูกศรหนึ่งชุด ทหารใหม่บนหอกวนโหลวก็ถูกยิงจนตกตายไปถึง 100 นาย
“หมอบลง หมอบลงให้หมด ! ”
เป็นคราแรกที่กวนเสี่ยวซีได้เห็นหน้าไม้ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เขาเองก็รู้สึกตื่นตกใจมากเช่นกัน งอตัวลงและวิ่งเหยาะไปตามเส้นทางเล็ก ๆ บนหอกวนโหลว กดหัวของทหารบางนายที่โผล่ขึ้นมาให้หมอบลงไป
หน้าไม้มิได้สร้างผลกระทบกับหอธนูมากเท่าใดนัก หอธนูทั้งแปดยิงมิถึงกองพันเชียนหยู แต่สามารถยิงกองกำลังหูเปินที่กำลังมุ่งมาทางประตูได้
กองกำลังหูเปิน 5,000 นายปรี่เข้าไปยังหอกวนโหลวพร้อมกับยกโล่ขึ้นราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ นั่นคือจุดตายของหอธนู นอกจากทหารคุ้มกันบนหอกวนโหลวจะใช้ไม้หรือน้ำมันไฟ
“ยกโล่ขึ้น ชุดที่หนึ่ง บุก ! ”
ศรจากหอธนูบินออกไป เสียงปะทะรุนแรงดังขึ้น ยิงพร้อมกันไปหนึ่งชุด กองกำลังหูเปินชุดที่หนึ่งจำนวน 1,000 นายบาดเจ็บสาหัสเพียงแค่ 10 คนเท่านั้น และส่วนใหญ่ได้มาถึงด้านล่างของหอธนูแล้ว
พวกเขาเหวี่ยงตะขอออกไป กระทบและเกี่ยวกำแพงของหอกวนโหลวเอาไว้ได้
กวนเสี่ยวซีก้มลงมอง แล้วตะโกนเสียงดังออกไปว่า “น้ำมันไฟ ราดน้ำมันไฟลงไปด้านล่าง ระวังธนูที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง จงตื่นตัว อย่าถูกยิงจนตายล่ะ ! ”
น้ำมันไฟหม้อแล้วหม้อเล่าถูกเทลงไปด้านล่าง ราดไปบนร่างของกองกำลังหูเปิน จากนั้นก็จุดไฟขึ้นทันที เสียงหวีดร้องเสียดแทงใจดังขึ้นไม่มีสิ้นสุด ด้วยไฟนี้ทำให้ทหารลงไปดีดดิ้นกับพื้นอย่างบ้าคลั่ง เป็นฉากน่าเวทนาเสียจนทนดูมิได้
“ขึ้นไป ขึ้นไป ชุดที่สอง รีบขึ้นไปเดี๋ยวนี้ ศัตรูมีมิมาก เพียงยึดหอกวนโหลวได้พวกเราก็จะชนะ ! ”
กองกำลังศัตรูกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าปีนกำแพงหอกวนโหลวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ทะยานขึ้นมาคราแล้วคราเล่าโดยอาศัยเชือกเส้นใหญ่ พวกเขายังคงปีนขึ้นหอกวนโหลวต่อไป
กวนเสี่ยวซีสูดหายใจเข้าลึก กองกำลังเชียนหยูของฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งจนเกินไป พวกมันสามารถหยุดยั้งกำลังรบของฝ่ายตนได้ถึงครึ่ง มารดามันเถอะ ! ต้องทำเยี่ยงไรถึงจะสังหารมือยิงหน้าไม้ของฝ่ายตรงข้ามได้ ?
กลุ่มผู้มีฝีมือระดับสูงลึกลับกลุ่มนั้นยังมิปรากฏตัว ปืนในมือของทหารภูเขามีไว้เพื่อเตรียมสังหารผู้มีฝีมือระดับสูงของยุทธภพ แต่ตอนนี้มิอาจรอได้แล้ว หากรอต่อไป ศัตรูคงปีนขึ้นมาถึงด้านบนหอกวนโหลวอย่างแท้จริง
ดังนั้น กวนเสี่ยวซีจึงขบกรามแน่น “ทหารภูเขา เตรียมปืนคาบศิลาให้พร้อม… ยิงไปที่เป้าหมายคือมือหน้าไม้ของทัพศัตรู เล็ง… ยิงได้ ! ”
ทหารภูเขา 3,000 นายเล็งไปยังมือหน้าไม้ที่อยู่ห่างออกไป 1 ลี้ ระยะนี้ค่อนข้างไกลมากทีเดียว “ปัง ปัง ปัง… ! ” ต่อจากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น ปืน 3,000 กระบอก มีเพียงหนึ่งร้อยกว่านัดเท่านั้นที่ยิงโดนศัตรู
แต่ทว่าก็ทำให้กองกำลังเชียนหยูตื่นตระหนกกันเสียยกใหญ่… ปืนคาบศิลาเยี่ยงนั้นหรือ ?
หรือว่าในด่านชีผานจะเป็นกองกำลังดาบเทวะกัน ?
สีฮวาเองก็คิ้วขมวดมุ่น… มิใช่ทัพของเฟ่ยอัน นั่นถือว่าเป็นข่าวดี หมายความว่าสามีของนางยังมิได้ตายตกในเงื้อมมือของเฟ่ยอัน แต่นั่นก็มิใช่ข่าวที่ดีเช่นกัน คาดมิถึงว่าด้านบนนั้นจะเป็นกองกำลังดาบเทวะผู้ไร้พ่าย !
พวกเขามาถึงเมื่อใดกัน ?
องค์ชายสี่หยูเวิ่นชู… นางสูดลมหายใจเข้าลึก ในเมื่อกองกำลังดาบเทวะยึดด่านชีผานได้แล้ว เช่นนั้นองค์ชายสี่ย่อมกลายเป็นนักโทษอย่างแน่นอน
นางจดจ้องสนามรบเบื้องหน้าที่กำลังลุกเป็นไฟด้วยสายตาดุดัน ขบกรามแน่นและกล่าวออกมาอย่างฮึกเหิมว่าว่า “ต่อให้เป็นกองกำลังดาบเทวะ ก็อย่าได้คิดจะขวางทางข้า ! ”
“ทหารโล่คุ้มกันกองกำลังเชียนหยู ปืนนั้นยิงมิเข้าโล่ของพวกเรา จงสังหารพวกมันอย่างโหดเหี้ยม ! ”
มีบางคนในทัพหน้าปีนไปถึงด้านบนของหอกวนโหลวได้แล้ว กวนเสี่ยวซีชักดาบที่อยู่ข้างเอวออกมา เพียงฟันลงไปหนึ่งดาบ ก็ได้ตัดศีรษะขาดจนเลือดพุ่งกระฉูด เขาตะโกนออกไปอย่างดุดัน “เทน้ำมันไฟ กลิ้งท่อนไม้อย่าได้หยุด ส่วนคนที่เหลือตามข้าไปสังหารพวกสารเลวนั่น ! ”
ทันใดนั้น ด้านหลังของกองทัพศัตรูก็เกิดเสียงปืนดังขึ้น