นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 580 ปืน 2 นัด
ตอนที่ 580 ปืน 2 นัด
ฮั่วหวยจิ่นนำทหารกองหนึ่งตามหลังกองกำลังดาบเทวะกองพลที่สามเข้าไปในเมืองเจี้ยนเหมิน
โต้วโค่วและคนอื่น ๆ นำทหารภายใต้บังคับบัญชาเข้าต่อสู้กับทหารที่เหลืออยู่ราว 50,000 นายของเซวี๋ยติ้งชานอย่างดุเดือด
เดิมทีพวกเขาเคยเป็นพันธมิตรต่อกัน แต่บัดนี้ต้องมาฆ่าฟันกันเอง ดาบเหล่านั้นมิได้เหลือความเห็นอกเห็นใจให้กันเลยแม้แต่น้อย
ทหาร 90,000 นายต่อ 50,000 นาย พวกโต้วโค่วจึงได้เปรียบเป็นอย่างมาก
เมื่อกองกำลังดาบเทวะกองพลที่สามบุกเข้ามาด้านในได้ ก็ราวกับลมพัดใบไม้แห้ง พวกเขาพุ่งตรงเข้าไปด้วยมีดและปืน
เมื่อแถวแรกยิงปืนจนหมดนัดกระสุนแล้ว แถวที่สองก็รีบก้าวขึ้นมาและยิงออกไปจนหมดกระสุนเช่นกัน ต่อด้วยแถวที่สามขึ้นแทนที่ “ปัง ๆ ๆ … ! ” เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วทุกตรอกซอกมุมของเมืองเจี้ยนเหมิน ในขณะที่โต้วโค่วและคนอื่น ๆ กำลังมองอย่างตกตะลึงอยู่นั้น กองกำลังดาบเทวะก็ได้รุดหน้าขึ้นมา ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม ทหารฝ่ายกบฏก็ได้ล้มตายกันนับไม่ถ้วน เหลือเพียงทหารสามพันกว่านายที่ยอมแพ้อย่างราบคาบ
ฮั่วหวยจิ่นทำหน้ามุ่ย ข้านำทหารถึง 100,00 นายบุกเข้ามาเพื่อเก็บศพเยี่ยงนั้นหรือ ?
มิได้การ ยังจับตัวเซวี๋ยติ้งชานมิได้เลย !
ดังนั้น เขาจึงให้ทหารจำนวน 60,000 นายจัดการกับศพเหล่านี้ และพาอีก 40,000 นายที่เหลือบุกเข้าไปในจวนเฉิงโฉว
ซูม่อเมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงคิดขึ้นมาในใจว่าจะให้ฮั่วหวยจิ่นแย่งผลงานได้เยี่ยงไร ?
เขากำลังจะออกคำสั่งให้ทหารบุกโจมตี แต่กลับถูกฟู่เสี่ยวกวนห้ามเอาไว้
“ให้เขาไปเถอะ การต่อสู้เพื่อระบายความโกรธแค้นในใจก็ดีเหมือนกัน”
“…” แล้วซูม่อจะกล่าวอันใดได้อีกเล่า ? “เอาเถอะ ข้าจะพาทหารดาบเทวะไปช่วยเขาสักหน่อย”
เมื่อฮั่วหวยจิ่นนำกองทัพบุกเข้าไปในจวนเฉิงโฉว เฮ้อซานเตาก็ได้นำกองทัพบุกเข้ามาในเมืองเจี้ยนเหมินแล้วเช่นกัน
ด้านในช่างว่างเปล่า อย่าว่าแต่ศัตรูเลย แม้แต่สุนัขสักตัวก็ยังมิมีให้เห็น
“เรียบร้อยแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
จ้าวลี่จู้มองไปทางคุณชายอย่างชื่นชม ก่อนจะยิ้มแล้วกล่าวออกมาว่า “เรียบร้อยแล้วมิดีหรือขอรับ ? ”
“ดีเยี่ยงไรเล่า ! ไอ้กบฏเซวี๋ยติ้งชานอยู่ที่ใด ? ไปพาตัวคนที่ข้าจับได้เมื่อครู่มา ข้าจะถามมันเสียหน่อย”
โหลวเค่อเหลียงผู้น่าสงสารถูกมัดแขนมัดขาเอาไว้ จากนั้นก็ถูกนายทหารผู้หนึ่งพาตัวเขามาพบเฮ้อซานเตา
“ข้ามิมีเวลามากล่าวเรื่องไร้สาระกับเจ้า จงบอกมาเสียดี ๆ ว่าเซวี๋ยติ้งชานอยู่ที่ใด ? ”
โหลวเค่อเหลียงเชิดหน้า ทำท่าทางเมินเฉยต่อความตาย จึงทำให้เฮ้อซานเตาโมโหเข้าไปใหญ่ จัดการยากกว่าตนอีกเยี่ยงนั้นหรือ ? แบบนี้จะยอมได้เยี่ยงไรเล่า ?
เขาเดินถือดาบเข้าไปหาโหลวเค่อเหลียงแล้วฟันลงไปที่ขาของเขาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เรี่ยวแรงเขามากเสียทีเดียว มากเสียจนทำให้ขาของโหลวเค่อเหลียงขาดลงทันที โหลวเค่อเหลียงส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด หลังจากนั้นก็โดนตบเข้าที่บ้องหูอย่างจัง
“ข้าถามว่าเซวี๋ยติ้งชานอยู่ที่ใด ? ”
โหลวเค่อเหลียงอกสั่นขวัญหายเหงื่อไคลไหลท่วมกาย บัดนี้เขาเอ่ยอันใดมิออกแม้แต่คำเดียว แต่เฮ้อซานเตามิได้สนใจเรื่องเหล่านี้ เขาหยิบดาบขึ้นมาฟันหูข้างหนึ่งของโหลวเค่อเหลียงจนขาดแล้วตะคอกถามออกมาอีกว่า “ข้าจะถามเจ้าเป็นคราสุดท้ายว่าเซวี๋ยติ้งชานอยู่ที่ใด ! ”
โหลวเค่อเหลียงมิเคยพบเห็นศัตรูที่ดุร้ายเช่นนี้มาก่อน หัวใจของเขาแทบจะขาดอยู่รอมร่อ “ยะ ยะ อยู่…”
“จะมัวแต่เอ่ยติดอ่างทำไมกัน ? ”
เมื่อสิ้นเสียง เฮ้อซานเตาก็ได้ตัดหูอีกข้างของโหลวเค่อเหลียงจนขาด “ถ้าเจ้ายังมัวแต่ติดอ่างอยู่เยี่ยงนี้ ข้าจะให้เจ้ากินหูของตนเองเข้าไปเสีย ! ”
เขารีบร้อนต้องการหาตัวเซวี๋ยติ้งชานให้พบ ดังนั้นในยามเร่งรีบเขาจึงดุร้ายกว่าเดิมหลายเท่า ท่ามกลางสายตาของทหารเหล่านี้ พวกเขาเพิ่งได้รู้ว่าหัวหน้าที่ดูเป็นกันเองโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้ !
ต่อจากนี้ คงต้องระมัดระวังเอาไว้ให้มาก หัวหน้าก็คือหัวหน้า อย่าได้ทำให้เขาโมโหก็พอ !
โหลวเค่อเหลียงตกใจเสียจนทั้งฉี่และปล่อยของเสียไหลออกมาจนเต็มขา “จวน จวนเฉิง เฉิงโฉว ! ”
เฮ้อซานเตาขมวดคิ้วมุ่นแล้วยกมือขึ้นขยี้จมูกก่อนจะเดินจากไป “อย่าให้ไอ้นี่ตายไปเสียล่ะ เก็บมันเอาไว้ก่อน”
บัดนี้ ซูซูได้ยืนอยู่บนหอคอยสูงแห่งหนึ่งที่อยู่ด้านนอกจวนเฉิงโฉว นางจ้องมองการต่อสู้ทางทิศใต้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ค่อนข้างรีบร้อนดังมาจากทางตะวันตก เมื่อหันไปมองก็พบว่า ไอหยา ! คนจากทิศตะวันตกมุ่งหน้ามาด้วยความเร็วมากกว่าทางทิศใต้มากนัก
เซวี๋ยติ้งชานยังมิปรากฏตัวอีกเยี่ยงนั้นหรือ ?
ด้านนอกจวนเฉิงโฉวมีทหารองครักษ์อยู่ 3,000 นาย ซูซูมิอยากเสี่ยงขี่ม้าบุกเข้าไปในจวนเพียงลำพัง
นางมาที่นี่เพื่อแก้แค้น มิได้อยากเอาชีวิตมาทิ้ง
เฮ้อซานเตาใช้เวลาเพียง 1 ก้านธูปก็ได้มาถึงจวนเฉิงโฉวแล้ว เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ได้หัวเราะออกมา หึ ๆ ที่นี่ยังมีศัตรูอยู่อีก !
“พี่น้อง คาดว่านี่จะเป็นการต่อสู้คราสุดท้ายแล้ว จัดการพวกมัน แล้วกลับไปขอรับรางวัลจากแม่ทัพใหญ่ ! ”
ทันใดนั้น ทหารองครักษ์ทั้งสามพันนายก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันที เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูมากมายก่ายกองเหล่านี้ ดวงตาของพวกเขาส่องประกายราวกับฝูงหมาป่า อีกทั้งยังเป็นหมาป่าที่หิวโซอีกด้วย !
มือข้างซ้ายของพวกเขาถือโล่ป้องกันเอาไว้ ข้างขวาถือดาบ ส่งเสียงคำรามเสียงดัง มุ่งหน้าเข้าต่อสู้กับกองทัพทหารของเฮ้อซานเตาทันที
เชร้ง ๆ ชวิ้ง ๆ ๆ…
เสียงดาบปะทะกับโล่ดังกังวาน จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวน ช่างเป็นภาพที่น่าเศร้าเสียเหลือเกิน
“ในที่สุดก็มาถึง ! ” เซวี๋ยติ้งชานเดินถือดาบออกมา
“ฮูหยิน ข้าจะเอาชีวิตของฟู่เสี่ยวกวนมาให้เจ้า เพื่อเป็นการล้างแค้นแทนเจ้าเอง ! ”
“บนสวรรค์นั้นอาจจะเงียบเหงา ข้าสามีของเจ้าจะไปอยู่เป็นสหายของเจ้าเอง ! ”
เขาเดินถือดาบออกไปจากจวนเฉิงโฉว ชายตามองภาพที่อยู่เบื้องหน้าแต่มิได้นำมาใส่ใจแต่อย่างใด
เขายืดตัวตรงแล้วลอยตัวขึ้นกลางอากาศ มุ่งหน้าไปทางประตูทิศใต้
ฟู่เสี่ยวกวนอยู่ที่ประตูทางทิศใต้ นี่คือสิ่งสุดท้ายที่ได้รับรายงาน
ในเมื่อมาแล้วก็ดี จงนำชีวิตมากองให้ข้าเสีย !
ซูซูเงยหน้ามอง เจ้าเต่าชราตัวนี้ออกจากรูมาเสียที !
นางกำมีดทำครัวเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือข้างหนึ่งกำปืนเอาไว้ แล้วตามเซวี๋ยติ้งชานไป “เจ้าเซวี๋ยชั่ว เอาชีวิตมาให้ข้าเสีย ! ”
เซวี๋ยติ้งชานขมวดคิ้วมุ่น เขาหันหลังกลับไปมอง พบว่ามีกุ้งแห้งตัวน้อยที่มิรู้ความเป็นความตายพุ่งเข้ามาทางเขา
ร่างของเขาลอยอยู่กลางอากาศ จ้องมองไปทางซูซู เขายกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ หึ ๆ ลองชิมดาบของข้าสักหน่อยจะเป็นอันใดไป !
เขายกดาบขึ้นจนเกิดแสงเปล่งประกาย
ซูซูตั้งหลักแล้วยกปืนขึ้นลั่นไก “ปัง… ! ”
กระสุนยิงถูกกลางอกของเซวี๋ยติ้งชาน แต่กลับมีเสียง “เช้ง… ! ” ดังขึ้น ซูซูขมวดคิ้วขึ้นทันใด เซวี๋ยติ้งชานหัวเราะหึ แล้วพุ่งดาบเข้ามา
เขาใส่แผ่นเหล็กเอาไว้ตรงหน้าอก !
ซูซูรู้สึกถึงอันตรายได้ทันที จุดตันเถียนของนางหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว นางกัดฟันแน่นแล้วใช้มีดทำครัวพุ่งตรงเข้าไป กลับพบว่าร่างของนางเบาขึ้นแล้วลอยออกห่างจากที่เดิมราวสามสิบกว่าฉื่อ
นางตกลงไปบนหลังคาแห่งหนึ่ง พอหันหลังกลับไปมองพบว่าศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ยกำลังยืนยิ้มอยู่
“เจ้า…สู้เขามิได้ ! ”
“แต่เขาเป็นศัตรูของข้า ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนที่ยืนอยู่ด้านข้างตกตะลึงขึ้นมาทันพลัน “เซวี๋ยติ้งชานเป็นศัตรูของเจ้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ซูซูถอนหายใจ “เมื่อสิบปีก่อน เป็นเพราะเขาทำให้ตระกูลหลินของข้าต้องสูญสิ้น ! ”
“อ่า… เช่นนั้น แค้นนี้ต้องชำระ” ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วหยิบปืนกระบอกใหญ่ออกมา ตอนนี้ยังมีกระสุนเหลืออยู่ 2 นัด
เขาบรรจุกระสุนลงไป 1 นัด แล้วส่งปืนกระบอกนั้นให้กับซูซู “วางมันไว้บนบ่า จงเล็งเป้าจากกระจกนั้นไปยังบริเวณอกของเขา”
“ที่หน้าอกของเขามีแผ่นเหล็กอยู่”
“มิเป็นไร หากเจ้าเล็งแม่นแล้วจงยิงออกไป เพียงเท่านี้ก็จะได้ชำระแค้นของเจ้าแล้ว ! ”
“จริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ข้าเคยหลอกเจ้าหรือ ? ”
บัดนี้เซวี๋ยติ้งชานก็อยู่บนหลังคาเช่นกัน เขาขมวดคิ้วมุ่น ซูเจวี๋ย !
ในฐานะปรมาจารย์เหมือนกัน แต่เขาบรรลุขั้นก่อนซูเจวี๋ย เช่นนั้นก็ควรจะจัดการกับซูเจวี๋ยเสียก่อน คนที่เหลือไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
เขาหยิบดาบลอยตัวพุ่งเข้ามา ดาบนั้นส่องประกายแวววาว แรงผลักดันในร่างเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยความอาฆาต
ซูซูยกปืนกระบอกใหญ่ขึ้น แล้วเล็งไปทางเซวี๋ยติ้งชานที่อยู่ท่ามกลางอากาศ
“ไป ตาย เสีย ! ”
ซูซูกัดฟันแล้วใช้นิ้วเกี่ยวไปที่ไกปืน !
“ปัง… ! ”