นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 595 กวาดล้างจอมยุทธ์ชุดดำ
ตอนที่ 595 กวาดล้างจอมยุทธ์ชุดดำ
“ว่าเยี่ยงไรนะ ? ”
หยูเล่อปรี่เข้าไปถึงเบื้องหน้าของทหารได้ในหนึ่งก้าว คว้าคอของทหารผู้นั้นไว้และยกขึ้นอย่างสุดกำลัง
“แค่กแค่กแค่ก…”
ทหารผู้นั้นใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาปูดโปน หยูเล่อจึงรีบวางเขาลง “กองกำลังดาบเทวะมาจากเส้นทางใดกัน ? ”
“กระหม่อมมิทราบ พวกเขา… พวกเขามิได้ผ่านมาที่ปากทางขึ้นเขา เกรง… เกรงว่าจะลงมาจากท้องนภา ! ”
“พลั่ก… ! ” หยูเล่อเตะเข้าที่ท้องของทหารนายนั่น “มารดาเจ้าสิหล่นลงมาจากท้องนภา เจ้าคิดว่าพวกเขาเป็นเทพจริง ๆ หรือเยี่ยงไรกัน ? ”
เขาก้าวออกไปนอกกระโจมแล้วตวัดกระบี่ในมือไปมา “จอมยุทธ์ชุดดำทุกนายฟังคำสั่ง จงสังหารพวกมันทั้งหมดให้ซื่อจื่อ ! ”
กองกำลังดาบเทวะกองกำลังที่สามได้รุดหน้าเข้ามา 40 จั้ง จึงได้พบว่าศัตรูไหวตัวทันแล้ว
ศัตรูท่วมท้นทั้งซ้ายและขวากวัดแกว่งดาบและหอกทะยานมาทางพวกเขาราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก
กลุ่มทหารดาบเทวะจึงได้เริ่มสงครามในเวลาเดียวกัน พวกเขาพุ่งทะยานมาทางด้านหลังของศัตรู ดาบในมือทอประกาย ด้วยจำนวน 5 คนในหนึ่งทีม เคลื่อนไหวราวกับฐานหินโม่ พวกเขาเข้าไปในทัพของศัตรู ฉีกกระชากผู้คนราวกับเครื่องบดเนื้อ
ซูเจวี๋ยไม่มีเวลาขยับหมวก ดอกกระบี่แต่ละดอกบนกระบี่ไม้ของเขาวนไปรอบ ๆ แต่ละชีวิตที่อยู่เบื้องหน้าก็ค่อย ๆ หายไปเรื่อย ๆ
นี่คือทางนองเลือดกว้างราว 12 ฉื่อ !
กลุ่มที่สองของกองกำลังดาบเทวะก็แบ่งเป็น 5 คนในหนึ่งทีมเช่นเดียวกัน ดาบในมือตวัดโฉบไปมา คอยสกัดดาบและกระบี่ที่ข้าศึกฟันเข้าใส่ และเชือดเข้าที่ช่องท้องหรือไม่ก็ลำคอของศัตรู
เสียงโหยหวนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทัพของศัตรูยังคงเคลื่อนตัวอย่างดุเดือด เหยียบศพของสหายในกองทัพไปมา
ซูม่อชักปืนออกมา ต่อจากเสียงปืนของเขาที่ดังขึ้น กองกำลังดาบเทวะ 3,000 นายก็ได้ลั่นไกปืนต่อจากเขาทันที “ปังปังปังปัง…” เสียงปืนที่ดังอย่างดุเดือดดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่น่าอนาถ พวกเขาเก็บปืนและชักดาบในคราเดียว ด้วยการชี้นำของดาบ คาดไม่ถึงว่าจะไร้ศัตรูที่อยู่เบื้องหน้าอีก !
ปืน 3,000 กระบอก กับอีก 3,000 ชีวิต !
ตายไปแล้วก็ถือว่าดี ยังมีคนอีกพันกว่าคนที่ถูกยิงไปแล้วแต่ยังไม่ตาย
สองมือของพวกเขากุมเข้าที่ท้องหรือไม่ก็ลำคอ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ปากของพวกเขาร้องโหยหวนราวกับหมูที่ถูกเชือด ดาบหล่นลงไปกับพื้นเนิ่นนานแล้วและคนกำลังถอยร่นอย่างบ้าคลั่ง
“อ๊าก…ไส้ของข้า ไส้ของข้าหลุดออกมาแล้ว ! ”
“ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย ข้ามิอยากตาย… ! ”
“……”
ไร้ความปรานี ไม่มีความเห็นใจ ท่ามกลางสายตาเย็นชาราวกับน้ำแข็งของทหารดาบเทวะ ใต้คมดาบอันหนาวเหน็บของพวกเขา ภายใต้ปากกระบอกปืนสีดำเมื่อม ทันใดนั้นก็มีคนในทัพศัตรูกู่ร้องขึ้นมาว่า “ทหารดาบเทวะ สู้มิได้ ข้ามิสู้แล้ว ! ”
ข้าศึกผู้นั้นหันหลังและวิ่งหนีไปทันที ทว่าวิ่งไปได้มิถึงสองก้าว ประกายดาบก็แล่นเข้าหาทันที ศีรษะของเขาปลิดปลิวไปในพลัน
“บุกเข้าไป ! สกัดพวกมันเอาไว้ สังหารพวกมันเสีย ! ”
เชียนฟูจ่างของศัตรูนายหนึ่งถือหอกและกวดไล่ให้ทหารกลุ่มนี้รุดหน้าต่อไป ซูม่อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาหยิบระเบิดออกมาหนึ่งลูก ดึงสลักออกแล้วโยนไปตรงจุดที่เชียนฟูจ่างยืนอยู่
“ตู้ม… ! ”
เสียงระเบิดดังขึ้นมาพร้อมกับควัน เชียนฟูจ่างผู้นั้นถูกระเบิดจนร่างแหลกเป็นชิ้น ๆ ข้าศึกที่อยู่ห่างจากเขาไม่กี่จั้งต่างก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น
ซูเจวี๋ยทะยานไปด้านหน้า เขาเห็นกระโจมแล้ว !
ในยามนี้ดวงตาของหยูเล่อเบิกกว้างด้วยความตื่นกลัวถึงขีดสุด ในสมองขาวโพลนไปหมด
นี่เป็นการต่อสู้แบบใดกัน ?
คาดมิถึงว่าคนนับแสนจะสกัดทหารราบที่บุกมาประชิดมิได้ !
สีหน้าของขงริ่งหยูไม่ได้ต่างจากหยูเล่อสักเท่าใดนัก เพียงแต่ขงริ่งหยูตกอยู่ในอารามตกตะลึงเพียงชั่วครู่ก็ได้สติขึ้นมาก่อน เขากระชากหยูเล่อเข้ามาในกระโจมและกล่าวเสียงแผ่วว่า “ซื่อจื่อ ข้าศึกเข้ามาใกล้กระโจมแล้ว ได้โปรดถอยทัพโดยเร็วเถอะ ! ”
“ไสหัวไป… ! ” หยูเล่อเอ็ดตะโรด้วยใบหน้าดุดัน “เจ้ามิรู้หรือว่าข้ามีทหารถึง 100,000 นาย ? 100,000 นาย ! แม้แต่หมู 100,000 ตัวก็สามารถสกัดพวกมันได้ ! ”
ขงริ่งหยูก้มหน้าหลบ ใบหน้ามืดครึ้ม เกรงว่าท่านจะประเมินความสามารถของหมูสูงเกินไปแล้ว
“ข้าจะไปสังเกตการณ์รบด้วยตนเอง ! ”
หยูเล่อถือกระบี่และเดินออกไปอีกครา ขงริ่งหยูเงียบไป 10 อึดใจแล้วเดินออกไปทางด้านหลังของกระโจม
หยูเล่อยืนอยู่หน้าทางเข้ากระโจม กระบี่ในมือชี้ขึ้นไปบนท้องนภา “คำสั่งจากข้า ทหารทุกนาย หากตัดศีรษะข้าศึกมาได้ 1 หัว ข้าจะตกรางวัลให้ 100 ตำลึง หากมีผู้ใดขี้ขลาด ข้าจะสังหารเจ้าทั้งโคตร ! ”
“เจ้าหน้าที่ส่งสารจงถ่ายทอดคำสั่งของข้าให้กับเหล่าทหารรักษาการณ์ตรึงการรบ หากถอยแม้แต่ก้าวเดียวจะถูกประหาร ! ”
ทหารที่ถอยร่นไปถูกดันกลับขึ้นมาอีกครา แต่ทว่าบรรยากาศช่างห่างไกลจากตอนแรกเริ่มมากยิ่งนัก
นี่จะเล่นกับชีวิตเยี่ยงนั้นหรือ ผู้ใดมิกลัวบ้างเล่า ?
แต่ทว่าตอนนี้จะจัดการเยี่ยงไร ?
แม้แต่ที่ให้หนียังมิมีเลย
กองทัพด้านหลังถูกบีบขึ้นด้านหน้า ทหารด้านหน้าจึงกลายเป็นเป้าโดยสิ้นเชิง พวกเขาปรี่เข้าไปทางทหารดาบเทวะแต่กลับกลายเป็นวิญญาณด้วยดาบของทหารดาบเทวะเสียทุกราย เส้นทางนองเลือดเส้นนี้จึงกลายเป็นสีแดงฉาน
“กองพันองครักษ์ อารักขาซื่อจื่อ ! ”
“สกัดทัพหน้าของศัตรู ! ”
“มือธนู ยิงพวกเขาให้ตาย ! ”
“แนวโล่ แนวโล่ แนวโล่ไปด้านหน้า มือหอกจงตามไปติด ๆ แทงพวกเขาให้ตาย ! ”
ด้านกองกำลังดาบเทวะกองกำลังที่สามยังคงเงียบงันดังเดิม เงียบเสียจนน่าหวั่นเกรง
ในการต่อสู้เยี่ยงนี้ ทหารดาบเทวะมิมีเวลาเติมกระสุนจึงอาศัยดาบในมือและวิทยายุทธ์ รวมไปถึงกลยุทธ์การร่วมมือบดขยี้เป็นกลุ่มห้าคนดั่งที่ได้ฝึกมา พวกเขากวาดไปราวกับพายุร้าย ทุกที่ที่ผ่านไป ไม่มีผู้ใดสามารถรับมือได้
เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งที่แท้จริง จำนวนคนที่มาก…มันก็เป็นเพียงการฟันดาบที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น
ซูเจวี๋ยหยุดฝีเท้าเพราะด้านหน้าถูกปิดกั้นด้วยทหารจำนวนนับพันที่ไม่กลัวตาย
เขาคิ้วขมวด ทันใดนั้นก็ดีดตัวขึ้นจากพื้น ลอยขึ้นไปบนอากาศเพียงก้าวทะยานก็ไปถึงยอดของกระโจม
“ยิงเขา รีบยิงเขาให้ตาย คนที่อยู่บนท้องนภานั่น ! ”
ลูกศรพุ่งไปหาซูเจวี๋ยอย่างบ้าคลั่งราวกับห่าฝน ทันใดนั้นอาภรณ์ขาวบนร่างก็โป่งพอง กระบี่ไม้ในมือทิ้งเศษเสี้ยวเอาไว้กลางอากาศ เขาฟันอาวุธที่ปรี่เข้ามาทั้งหมด หลังจากนั้นก็มาหยุดที่หน้าทางเข้ากระโจม กระบี่ไม้ของเขาวางอยู่บนลำคอของหยูเล่อ
“เจ้ามี 2 ทางเลือกคือบอกให้พวกเขาหยุดมือและยอมจำนน ไม่ก็…ตัดศีรษะของเจ้าทิ้ง”
ซูเจวี๋ยพาหยูเล่อเดินไปข้างหน้า ทหารจอมยุทธ์ชุดดำที่ยังมีชีวิตอยู่หยุดมือลงทันพลัน ศึกครานี้… จะจบลงทั้งเยี่ยงนี้น่ะหรือ ?
ยอดเยี่ยมยิ่ง !
หากสู้กันต่อไปก็มิทราบว่าจะต้องตกตายไปอีกกี่คน ข้าเองก็มิทราบว่าจะสามารถมีชีวิตต่อไปได้หรือไม่
คาดมิถึงว่าจอมยุทธ์ชุดดำเหล่านั้นจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ไร้ซึ่งความอับอายที่ผู้นำฝ่ายตนถูกจับตัว
จนถึงขั้นมีจอมยุทธ์ชุดดำจำนวนหนึ่งภาวนาในใจอย่างสุดชีวิตว่า ‘องค์ชาย รีบยอมจำนนแต่โดยเร็วเถอะ ! ’
“เสียสละท่านเพียงหนึ่ง พวกเราชั้นผู้น้อยก็จะสามารถมีชีวิตต่อไปได้ พิธีเซ่นไหว้ในทุกปีพวกข้าจะเผากระดาษเงินและจุดธูป 1 ดอกให้กับท่าน”
ซูเจวี๋ยเห็นหยูเล่อยังไม่มีท่าทีจะตอบกลับ จึงเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “ข้าจะนับสาม หลังจากครบสามแล้ว หากเจ้ายังมิยอมแพ้ ข้าจะเด็ดศีรษะเจ้าและสังหารทหารที่นี่ทั้งหมด ! ”
“สาม ! ”
“สอง หนึ่ง ! ”
หยูเล่อตื่นกลัวขึ้นมาทันพลัน นับเร็วแบบนี้ได้ที่ไหนกัน ให้เกียรติข้าหน่อยได้หรือไม่ ?
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปากก็ได้ยินเสียง ‘คลิก…’ ดังขึ้นมา !