นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 605 ใต้หล้าที่ยิ่งใหญ่ ราษฎรคือรากฐาน
ตอนที่ 605 ใต้หล้าที่ยิ่งใหญ่ ราษฎรคือรากฐาน
ในวันนี้ หลังจากที่ฟู่เสี่ยวกวนได้พบสีฉวินเหมยเสร็จแล้ว เขาก็ไม่ได้ไปพบชืออีหมิงและอีก 3 คนที่เหลือต่อ
เขาตรงไปยังกรมขุนนางเพื่อดูคะแนนการประเมินของทั้งสี่คนในยามที่ได้เข้ารับตำแหน่งแทน กรมขุนนางให้คะแนนดีแก่สีส่วงและเซวี๋ยตงหลิน ส่วนชืออีหมิงกับเฟ่ยเชียนถูกจับเข้าคุกตั้งแต่เรื่องสุสานจักรพรรดิแล้ว โดยปกติควรจะตัดสินตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว แต่มิทราบเช่นกันว่าฝ่าบาทหลงลืมไปแล้วหรือไม่ จวบจนวันนี้ก็ยังคงถูกขังอยู่ในคุกต้าหลี่ แต่กรมขุนนางกลับมิทำการประเมินพวกเขา
สิ่งที่ทำให้ค่อนข้างประหลาดใจคือการประเมินของคนอื่น ๆ
ผลประเมินของฟางเหวินซิงเมื่อปีที่แล้วยอดเยี่ยม เขาได้ย้ายไปหยูโจวในซานหนานซีเต้าเมื่อปีที่แล้ว เพื่อเข้ารับตำแหน่งเป็นนายอำเภอเขตเจียงจิน
ผลประเมินเมื่อปีที่แล้วของอันลิ่วเย่เองก็ยอดเยี่ยม เขาถูกโยกย้ายไปจาวโจวในหลิงหนานเต้า เข้ารับตำแหน่งเป็นนายอำเภอเขตผิงเล่อ
ผลประเมินของหวงเฉิงเมื่อปีที่แล้วก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน เข้ารับตำแหน่งนายอำเภอที่เขตเทียนซุ่ย ณ ฉินโจวของหรงโย่วเต้า
ทั้งสามคนถูกย้ายไปเข้ารับตำแหน่งในระดับเดียวกัน แต่ทว่าฟู่เสี่ยวกวนกลับเห็นถึงความตั้งใจที่แตกต่างกัน
ตามแผนการแล้ว ทั้งสามเขตนี้คือมณฑลนำร่องที่จะเปิดตัวในปีนี้ หากมิใช่ว่ากบฏเซวี๋ยก่อกบฏเสียก่อน ในวันนี้เรื่องก็จะถูกเสนอในวาระการประชุมแล้ว แต่บัดนี้กลับล่าช้าไปแล้วถึง 3 เดือนเต็ม
หากพวกเขาสามารถสร้างผลงานบางอย่างจากนโยบายการบริหารใหม่ต่อไปได้ คาดว่าจะใช้เวลาราว 3 ปีเพื่อรับผิดชอบงานด้านใดด้านหนึ่งในมณฑลหรือเขต และมิน่าจะมีปัญหาใหญ่โตอันใด
ฮ่องเต้ค่อนข้างเด็ดเดี่ยว คาดมิถึงว่าจะกล้าใช้งานคนรุ่นใหม่เหล่านี้
จัวหลิวหวินทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย ผลประเมินเมื่อปีที่แล้วเขาทำได้เพียงแค่ดีเท่านั้น ในตอนนี้เขาอยู่ที่เขตหยุนไหล ณ เมืองเม่าโจวที่เจี้ยนหนานตงเต้า มิได้โยกย้ายไปที่ใด เรียบง่ายธรรมดา มิได้สร้างผลงานแต่อย่างใด
หลังออกมาจากกรมขุนนางฟู่เสี่ยวกวนก็ตรงไปยังกรมการค้าต่อทันที
ในยามนี้กรมการค้ากำลังดีใจกันถ้วนหน้า
“ทุกท่าน วางงานที่อยู่ในมือลงก่อน ข้ามีข่าวดีคับฟ้าจะมาแจ้งให้แก่พวกเจ้า” หลี่ฉายยืนอยู่ด้านหน้าเวที ชายหนุ่มเหล่านั้นต่างก็วางพู่กันในมือลงและมองไปทางเขา
ข่าวดีคับฟ้าเยี่ยงนั้นหรือ ?
“หรือว่า ‘กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา’ จะผ่านแล้วกัน ? ”
“ข้ารู้สึกว่าน่าจะเป็น ‘กฎหมายสัญญา’ ของกลุ่มที่หนึ่งผ่านแล้ว”
“ ‘กฎหมายบริษัท’ กลุ่มที่สองของพวกข้าถูกนำเสนอต่อฝ่าบาทเร็วกว่าพวกเจ้าตั้ง 5 วัน ผู้ที่จะผ่านก่อนย่อมเป็นกลุ่มที่สองของพวกข้าสิถึงจะถูก”
หลี่ฉายกดสองมือลง “เงียบ เงียบ เงียบ พวกเจ้าคิดอันใดอยู่กัน ? หัวหน้ายังมิกลับมา ผู้ใดจะกล้าฟันธงว่ากฎหมายเหล่านั้นผ่านแล้ว แต่เยี่ยงไรเสีย… ตอนนี้ข้ามีข่าวดีจะมาบอกแก่พวกเจ้า… ฟู่เจวี๋ยเยกลับมาแล้ว ! ”
“ไอหยา… ! ”
ชายหนุ่มกลุ่มนั้นกระโดดโลดเต้นขึ้นทันพลัน จากนั้นก็ส่งเสียงดังวุ่นวายไม่รู้จบ
ผ่านไปชั่วครู่ หลี่ฉายจึงกดสองมือลงอีกครา “แต่ทว่าข่าวดีที่ข้าต้องการจะแจ้งกับพวกเจ้ามิใช่เรื่องนี้…”
จะยังมีเรื่องใดอีกกัน ?
เจวี๋ยเยกลับมาแล้ว กฎหมายเหล่านั้นก็จะได้รับการตรวจสอบเบื้องต้นจากเขา และสามารถเผยแพร่พร้อมดำเนินการได้โดยเร็ว นั่นคือการทุ่มเททำงานติดต่อกันทั้งยามกลางวันและยามราตรีของพวกเขา !
หลี่ฉายลูบเคราพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา “การประชุมราชสำนักในเช้าวันนี้ ฝ่าบาทได้ประทานยศให้แก่ท่านเสี่ยวกวนเป็นติ้งอันป๋อ หัวหน้าของพวกเราได้เป็นป๋อเจวี๋ยแล้ว ! ”
ข่าวนี้เปรียบดั่งสายฟ้าฟาดลงมากลางกรมการค้า บรรดาชายหนุ่มยิ่งดีใจมากขึ้นไปอีก แต่ละคนกระโดดโลดเต้นอย่างบ้าคลั่ง…
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าการติดตามท่านเสี่ยวกวนย่อมมีอนาคตที่ดีรออยู่เบื้องหน้า ! ”
“น่ายินดียิ่ง จากนี้ต้องเรียกติ้งอันป๋อแล้ว ! ”
“ใช่ ! มีติ้งอันป๋อคอยสนับสนุนกรมการค้าของพวกเรา ผู้ใดในวังหลวงนี้จะกล้าหยามเกียรติกรมการค้าได้อีกกัน ! ”
“วันนี้ดีใจมากยิ่งนัก ข้าจะสั่งให้ลูกน้องไปสั่งสำรับอาหารจากหอซื่อฟางมาสามโต๊ะ พวกเราจะกินมื้อกลางวันกันที่นี่ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนส่ายหน้าไปมา ก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปในกรมการค้า
“เวลางาน ตะโกนโหวกเหวกอันใดกัน ? ”
“ติ้งอันป๋อ… ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
เมื่อเห็นฟู่เสี่ยวกวน ชายหนุ่มกลุ่มนั้นก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาอีกครา มิมีบรรยากาศอึมครึมเฉกเช่นกรมอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย
ฟู่เสี่ยวกวนเองก็ดีใจมากเช่นกัน ถึงเยี่ยงไรเสียคนกลุ่มนี้ก็คือผู้มีความสามารถกลุ่มแรกที่เขาคัดเลือกมาด้วยตนเอง
พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นลูกน้องของเขา มิได้เดินตามเพียงรอยเท้าเขาเท่านั้น ยังเดินตามความคิดของเขาอีกด้วย
ดังนั้นเขาจึงสนทนากับชายหนุ่มเหล่านี้อย่างสนุกสนาน เล่าถึงสงครามทางตะวันตกเฉียงใต้และความโหดร้ายให้ฟัง ย่อมเล่าถึงสภาพความล้าหลังของแต่ละสถานที่ด้วย
“หนทางของกรมการค้ายังอีกยาวไกล ยังมีอีกหลากหลายพื้นที่ในราชวงศ์หยูที่ยังยากจนข้นแค้นอยู่ หลังจากกฎหมายชุดนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ข้าขอแนะนำให้ทุกคนแยกย้ายกันไปในแต่ละพื้นที่ เพื่อไปดูชาวบ้านในที่แร้นแค้นเหล่านั้นด้วยตาของตนเอง ไปเสาะหาทรัพยากรในสถานที่เหล่านั้น”
“การเป็นขุนนางนั้นแสนง่ายดาย แต่การเป็นขุนนางที่ดีนั้นกลับมิง่ายเลย วัตถุประสงค์ของพวกเราชาวกรมการค้าคือการบริการพ่อค้า ดึงดูดให้พ่อค้ามาลงทุน แต่ตอนนี้ข้อมูลได้ถูกปิดกั้น พวกเจ้าเอาแต่นั่งอยู่ในวังหลวงจะไปทราบได้เยี่ยงไรว่าสถานที่แร้นแค้นเหล่านั้นมีทรัพยากรใดที่สามารถนำมาขจัดความยากจนเรียกคืนความมั่งคั่งได้บ้าง ? ”
“หน้าที่ของพวกเรามิใช่เพียงการสร้างสภาพแวดล้อมของการค้าขายที่ดีออกมาเท่านั้น แต่ยังต้องนำทรัพยากรเหล่านั้นมาบูรณาการให้เกิดประโยชน์สูงสุด เสาะหามูลค่าของมัน ใช้ประโยชน์จากเงินทุนในมือของพ่อค้ามาสร้างประโยชน์ให้แก่ราษฎร นี่จึงเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุด”
ฟู่เสี่ยวกวนบอกเล่าเรื่องราวโดยละเอียดไปเสียมากมาย
เขากล่าวถึงความรกร้างของร้านค้าตระกูลเว่ย และได้กล่าวถึงฉินหลิง ภายในฉินหลิงมีสัตว์ป่าและยาสมุนไพรชั้นเลิศจำนวนมาก
ของเหล่านั้นอยู่ในร้านค้าตระกูลเว่ยหรือไม่ก็เมืองเปา อีกทั้งยังมิสามารถขายได้ในราคาที่ดี แต่หลังจากที่พ่อค้าได้มาซื้อไปแล้ว กลับสามารถนำมาขายต่อที่จินหลิงได้ในราคาที่เพิ่มมากขึ้นหลายเท่า
เขาได้กล่าวถึงทางสายเก่าจินหนิว และกล่าวถึงสองฟากฝั่งเจี้ยนหนาน
การเดินทางที่ยากลำบากบนทางสายเก่าจินหนิว ถือเป็นปัญหาใหญ่ของการลำเลียงสินค้าของสองฟากฝั่งเจี้ยนหนานกับฉ่านโจว รวมไปถึงพื้นที่ราบเขตกลาง หากสามารถปรับปรุงทางสายเก่าจินหนิวให้ราบเรียบ และร่นระยะการเดินทางให้สั้นลง ถึงจะสามารถทำให้เศรษฐกิจของสองฟากฝั่งเจี้ยนหนานและฉ่านโจวรุ่งเรืองขึ้นมาได้
เหล่าชายหนุ่มกลุ่มนั้นตั้งใจรับฟัง ใบหน้าของแต่ละคนบางคราก็ครุ่นคิด บางคราก็ปลอดโปร่งขึ้นมาโดยพลัน
“ข้าหวังว่าการงานของพวกเจ้าจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ แต่มิว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะเห็นราษฎรสำคัญเป็นอันดับหนึ่งอยู่เสมอ !
พวกเจ้าต้องทำความเข้าใจหลักการหนึ่งเสียก่อน ในใต้หล้าที่ยิ่งใหญ่ ราษฎรคือรากฐาน พวกเขาต่างหากที่เป็นฐานที่มั่นคงของแคว้น หากราษฎรเป็นสุข ใต้หล้าก็จะเป็นสุข หากกลับกัน ใต้หล้าก็จะวุ่นวายขึ้นมา”
หลี่ฉายรับฟังด้วยรอยยิ้ม ติ้งอันป๋อผู้นี้ก็เป็นชายหนุ่มเช่นเดียวกัน !
คนกลุ่มนี้มีอายุไล่เลี่ยกันไม่มาก พวกเขาล้วนอยู่ภายใต้การขัดเกลาของติ้งอันป๋อ พวกเขาย่อมไม่มีแนวคิดเรื่องการแบ่งแยกระดับชั้น แต่กลับมีความสามัคคีและร่วมมือกันแบบที่กรมอื่นมิมี
พวกเขาเปรียบเสมือนแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ เต็มไปด้วยพลัง เต็มไปด้วยแสงสว่าง !
พวกเขาคืออนาคตของราชวงศ์หยู คือพลังอันแข็งแกร่งของการปฏิรูป
พวกเขาคือคลื่นลูกใหม่ แต่ในช่วงชีวิตของตน หลี่ฉายก็เคยเห็นเหล่าชายหนุ่มเยี่ยงนี้ตบตีคนแก่อวดดีเสียจนจมไปกับทะเลทรายมาแล้ว
ติ้งอันป๋อทูลขอให้องค์ฮ่องเต้เปิดการสอบเอินเคอ นำหนุ่มสาวจำนวนมากมาเสี่ยงโชคให้เดินตามรอยเท้าของติ้งอันป๋อ เพื่อสร้างสถานการณ์แบบใหม่ขึ้นในว่อเฟิงเต้า
หลี่ฉายสงสัยกับสิ่งนี้โดยที่มิเคยเป็นมาก่อน เพราะเต้าถายของว่อเฟิงเต้าก็คือชายหนุ่มที่มีใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผู้ที่สามารถทำได้ทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้านี้ !
เขาจะพาราชวงศ์หยูไปในทิศทางใด ?
เขาจะเปลี่ยนใต้หล้านี้ให้เป็นแบบใด ?
หลี่ฉายลูบเครายาวของตนเบา ๆ ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าตนจะตั้งตารอ