นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 766 ภาพฝันสูญสลาย ( 2 )
ตอนที่ 766 ภาพฝันสูญสลาย ( 2 )
หากทุกคนเทขายหุ้นแต่มิมีผู้ซื้อ จะเป็นเยี่ยงไร ?
เมื่อหลงจู๊ซีเอ่ยถามเช่นนี้ออกมา อู๋เวิ่นห่ายก็พลันชะงักงันขึ้นมาเล็กน้อย
“จะเป็นไปได้เยี่ยงไร ? มิว่าจะเป็นธนาคารซื่อทงที่จินหลิงหรือที่ว่อเฟิงเต้าก็ไร้ปัญหานี้ ! ”
“ข้าได้ทำความเข้าใจมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ธนาคารทั้งสองแห่งล้วนเป็นธนาคารจัดจำหน่ายหุ้นและมีผู้คนบ้าคลั่งมากมายที่ต้องการจะซื้อหุ้น หลังจากทำการเปิดตลาดแล้วยังมีผู้คนมากมายรู้สึกเสียดายด้วยซ้ำที่ตนขายทิ้งไปก่อนหน้านี้”
อู๋เวิ่นห่ายส่ายศีรษะเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อว่า “อาจจะเป็นไปมิได้ที่จะขายหมด แต่อีกประเดี๋ยวคงมีคนมากมายมาซื้อ ! ”
ซีต้าหลงจู๊รู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ภายในใจ เฮ้อ…หวังว่าข้าจะคิดมากไปเองเท่านั้น
เรื่องของหุ้นยังนับว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ แม้มันจะได้รับความนิยมสูงในราชวงศ์หยู แต่สำหรับแคว้นอี๋แล้วมิมีผู้ใดสามารถพิสูจน์ได้ถึงความวิเศษของมันนี่
เงินทุนจากตลาดหุ้นของราชวงศ์หยูได้กระจายเข้าสู่บริษัทและเข้าลงทุนในอุตสาหกรรมมากมาย !
สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารซื่อทง !
แม้จะมิเป็นทางการ แต่ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เพิ่มข้อจำกัดเข้าไปด้วย หากช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของราชวงศ์หยูเฟื่องฟู แล้วฟู่เสี่ยวกวนมิจงใจทำให้มันย่ำแย่ มันย่อมจะมิเกิดปัญหาใหญ่ใด ๆ ขึ้นมาอย่างแน่นอน
แต่ข้อจำกัดนี้ภายในแคว้นอี๋มิมีผู้ใดรับรู้ พวกเขามองเห็นเพียงภายนอกและคิดว่านี่เป็นเพียงสิ่งที่ลงทุนน้อยแล้วได้กำไรมหาศาล
ส่วนฟู่เสี่ยวกวนได้จงใจเขียนจดหมายไปหาเยียนหานยวี่หนึ่งฉบับและเนื้อหาในจดหมายก็ได้เอ่ยถึงข้อดีของหุ้นนานับประการแต่มิได้เอ่ยถึงผลเสียเลยแม้แต่น้อย
ฟู่เสี่ยวกวนตั้งใจปล่อยข่าวนี้ให้ไปถึงหูของเยียนเหลียงเจ๋อผู้หิวกระหายเงิน ในยามที่ได้เห็นเนื้อหาของจดหมาย อู๋เวิ่นห่ายก็ได้ไปตรวจสอบอย่างจริงจัง พบว่าทั้งตลาดหุ้นที่เมืองจินหลิงหรือว่อเฟิงเต้าก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเจ้าสิ่งนี้ช่างหาเงินได้ง่ายดายเสียจริง
…มิมีข้อเสียเลยแม้แต่น้อย เปรียบเสมือนการยืมไก่มาออกไข่ อยากรู้เสียจริงว่าเหตุใดสมองของเจ้าฟู่เสี่ยวกวนมันถึงเฉลียวฉลาดได้ถึงเพียงนี้ ถึงกับสามารถคิดค้นวิธีการอันยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่เยี่ยงนี้ขึ้นมาได้!
อู๋เวิ่นห่ายมองออกไปยังท้องนภาด้านนอกหน้าต่าง บัดนี้เพิ่งจะยามเหม่าเท่านั้นเอง ประชุมราชวงศ์ยามเช้ายังมิสิ้นสุดลง เห็นทีฝ่าบาททรงกำลังรอคอยข่าวดีที่เขาจะนำกลับไปทูลอย่างแน่นอน
“ผู้คนด้านนอกมากมายเสียเหลือเกิน พวกเรารีบเปิดตลาดกันเถิด ! ” อู๋เวิ่นห่ายแสดงความร้อนรนใจออกมา ซีต้าหลงจู๊ก็รู้สึกกดดันมากเช่นกัน “ขอรับ… เช่นนั้นข้าน้อยจะไปเปิดตลาดบัดเดี๋ยวนี้ ! ”
ประตูใหญ่ของธนาคารปาต๋าจึงได้เปิดออกรับแสงสลัวยามรุ่งอรุณ !
ด้านในนั้นสว่างไสวไปด้วยโคมไฟมากมายที่ถูกจุดขึ้น ส่วนด้านนอกประตูมีองครักษ์หลวงซึ่งเยียนเหลียงเจ๋อส่งมาคุ้มกัน
ผู้คนจากด้านนอกกรูกันเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง พวกเขามิได้เกรงกลัวองครักษ์หลวงที่ดึงดาบออกมาจากฝักเลยแม้แต่น้อย
อู๋เวิ่นห่ายยังคงนั่งอยู่ในห้องเดิม เขารอคอยซีต้าหลงจู๊เข้ามารายงานถึงราคาหุ้นที่จะพุ่งสูงขึ้นอย่างตื่นเต้น
ซีต้าหลงจู๊เองก็นั่งกระสับกระส่ายอยู่ในตู้ขายหุ้น เขาให้ลูกน้องคนหนึ่งไปยังด้านหน้าของกระดาษซื้อขายหุ้นและเขียนราคาซื้อขายเอาไว้ท้ายหุ้นจำนวน 129 ตัวว่าราคาจะเพิ่มขึ้นทีละหนึ่งหรือสองตำลึง รอให้เปิดการซื้อขายอย่างเป็นทางการแล้วค่อยเปลี่ยนแปลงตัวเลข
ผู้คนพากันเข้ามารุมล้อมหน้าโต๊ะ
“ข้าจะขาย 1,000 หุ้น ! ”
“ข้าจะรอดูก่อน ประเดี๋ยวราคาต้องเพิ่มขึ้นอีกเป็นแน่ ! ”
“ข้าก็จะรอดูก่อนเช่นกัน ได้ยินมาว่าธนาคารซื่อทงสาขาว่อเฟิงเต้าเมื่อเปิดทำการในวันแรก เพียงแค่ชั่วยามเดียวราคาหุ้นก็พุ่งขึ้นสูงสี่ถึงห้าเท่าเชียว”
“เช่นนั้นข้าก็มิรีบ อดใจรออีกสักหน่อยก็น่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ! ”
ซีต้าหลงจู๊เงี่ยหูฟังพวกเขาสนทนากัน มองดูแล้วชาวบ้านคิดว่าหุ้นเป็นเรื่องดี อืม…ค่อยโล่งใจไปที
แต่…ผู้ที่ต้องการขายหุ้นจำนวน 1,000 หุ้นทิ้งในตอนแรกกำลังแสดงท่าทางงุนงง “นี่นี่นี่ พวกเจ้า ข้ามีหุ้นหลวงของโรงงานทอผ้าจินหยวนอยู่ 1,000 หุ้นและต้องการใช้เงินด่วน มีผู้ใดจะซื้อหรือไม่ ? ”
…มิใช่ว่าจะมีแต่คนแย่งกันซื้อหรอกหรือ ?
เหตุใดถึงมิมีผู้ใดเข้ามาซื้อเลยเล่า ?
มีผู้คนมากมายอยู่ในธนาคารปาต๋า แต่กลับไร้ซึ่งผู้ใดทำการซื้อขายแม้แต่คราเดียว
ผู้คนที่อยู่ด้านนอกและยังเข้ามามิได้ ต่างก็พากันตะโกนเร่ง
“พวกเจ้าขายเสร็จแล้วก็รีบออกมาสิ ถ้ามิอยากขายก็ออกไปเพราะข้าจะขาย ! ”
“เฮ้ ! คนที่อยู่ด้านในมัวทำอันใดกันอยู่เล่า รีบ ๆ เข้าสิ ! ”
“มีผู้ใดจะซื้อหรือไม่ ? ข้ามีหุ้นของกลุ่มการค้าเทียนหยู 10,000 หุ้น เมียข้าจะคลอดบุตรแล้วต้องการใช้เงินด่วน ข้าขายเพียงหุ้นละ 2 ตำลึงเท่านั้น ! ”
แต่ทว่าก็ยังคงมิมีผู้ใดคิดซื้อ อ่า…นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ?
บางคนเริ่มวิตกกังวล ซีต้าหลงจู๊เองก็เริ่มกระสับกระส่ายแล้วเช่นกัน
ด้านในธนาคารปาต๋ามีคนตะโกนว่า “หุ้นโรงงานทอผ้าจินหยวน 100,000 หุ้น ราคาป้ายหุ้นละ 2 ตำลึง…ข้าขายหุ้นละ 1 ตำลึง 8 อีแปะ…มีผู้ใดจะซื้อหรือไม่ ? 1 ตำลึง 5 อีแปะ ข้ายอมขายในราคา 1 ตำลึง 5 อีแปะ ! ”
มิว่าเยี่ยงไรก็มิมีผู้ใดเข้ามาซื้อ ซีต้าหลงจู๊เริ่มรู้สึกถึงลางมิดีจึงหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องส่วนตัวที่อู๋เวิ่นห่ายกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ เขายิ้มร่าและเอ่ยถามด้วยท่าทางจริงจังว่า “ราคาสูงขึ้นเท่าใดแล้ว ? ”
“…ใต้เท้า มิมีการซื้อขายเลยขอรับ”
“ไอหยา…ต่างคนต่างเก็บเอาไว้มิยอมขายเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“…มิใช่ขอรับ คือมีผู้ขาย แต่มิมีผู้ใดซื้อเลยขอรับ”
“ว่าเยี่ยงไรนะ ? ” อู๋เวิ่นห่ายตกตะลึงจนอ้าปากค้าง “เหตุใดจึงมิมีคนซื้อกันเล่า ? ”
“ข้าน้อยคิดว่า เอ่อคือ…ท่านควรจะออกไปซื้อเป็นตัวอย่างก่อนดีหรือไม่ ? เพื่อให้พวกเขารู้ว่ามีคนยินยอมซื้อขอรับ”
อู๋เวิ่นห่ายครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “อืม…หากมีคนขายหุ้นหลวงก็ซื้อมาเก็บไว้เถิด รอให้ราคาหุ้นสูงขึ้นแล้วค่อยขายออกไปก็แล้วกัน ! ”
“ขอรับ ! เมื่อใต้เท้ากล่าวเช่นนี้ ข้าน้อยจะรีบไปทำตามคำสั่งประเดี๋ยวนี้เลยขอรับ”
ซีต้าหลงจู๊เดินออกมาจึงพบว่าชายผู้นั้นยังคงตะโกนไม่หยุด “หุ้นโรงงานทอผ้าจินหยวน 100,000 หุ้น ขายหุ้นละ 1 ตำลึง 2 อีแปะ หมดแล้วหมดเลย…”
“เจ้ามานี่ ! ” ซีต้าหลงจู๊เข้ามาขัดจังหวะชายผู้นั้น “หุ้นโรงงานทอผ้าจินหยวน 100,000 หุ้น หุ้นละ 1 ตำลึง 2 อีแปะ ตกลงซื้อขาย ! ”
ชายผู้นั้นเดินเข้าไปทำการขายหุ้นทันทีและจังหวะเดียวกันก็มีคนเบียดเข้ามาแล้วเอ่ยว่า “ข้ามีหุ้นโรงงานทอผ้าจินหยวนอยู่ 50,000 หุ้น ! ”
“ข้ามี 120,000 หุ้น ! ”
“…”
ซีต้าหลงจู๊เหงื่อแตกพลั่กทันพลัน เพียงเวลาครึ่งชั่วยาม หุ้นราคา 1 ตำลึง 2 อีแปะของโรงงานทอผ้าจินหยวนก็ได้มีการซื้อขายไปถึง 680,000 หมื่นหุ้น
ราคาหุ้นขึ้นเป็น 1 ตำลึง 5 อีแปะ แน่นอนว่านอกจากธนาคารแล้วมิมีผู้ใดรับซื้อเลยสักคน อีกทั้งยังมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการจะขายเพียงอย่างเดียว
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เนื่องจากทางธนาคารมิได้รับซื้อหุ้นกลับคืนแล้ว ราคาหุ้นจึงตกไปที่หุ้นละ 1 ตำลึง 2 อีแปะดังเดิม จากนั้นก็ลดลงเหลือ 1 ตำลึง… นี่เท่ากับเงินทุนแล้วจึงทำให้หลายคนบังเกิดความกังวลขึ้นมา !
“9 อีแปะ ข้ายอมขายขาดทุน…”
“8 อีแปะ…”
“7 อีแปะ… ! ”
ราคาหุ้นทั้งหมดลดลงจนน่าตื่นตกใจภายในเวลาเพียง 2 ชั่วยาม
บางคนถึงกับร้องไห้โฮออกมาเสียงดัง บางคนก็ตะโกนด่ากราด และบางคนก็ทุบโต๊ะด้วยความโมโห !
บัดนี้ซีต้าหลงจู๊ทำอันใดมิถูกแล้ว เขาจึงเดินเข้าไปไถ่ถามความคิดเห็นจากอู๋เวิ่นห่าย จากนั้นก็ออกมารับซื้อหุ้นหลวงต่อไป
เมื่อถึงยามอู่ ธนาคารปาต๋าได้รับซื้อหุ้นหลวงเอาไว้ทั้งสิบตัวเป็นจำนวนรวม 100 ล้านหุ้น นั่นหมายความว่าในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงช่วงเช้าหุ้นหลวงทั้งหมดได้กลับมาอยู่ในมือของธนาคารปาต๋าเรียบร้อยแล้ว
ส่วนราคารับซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ 8 อีแปะ ซีต้าหลงจู๊ใช้เงินไปแล้ว 40 ล้านตำลึง !
จึงส่งผลให้ผู้ที่ซื้อหุ้นตัวอื่นมิพอใจ ว่าเหตุใดท่านจึงรับซื้อแต่หุ้นหลวง ?
ทุกหุ้นล้วนเป็นหุ้นที่ธนาคารจัดจำหน่ายมิใช่หรือ ?
ดังนั้นข้าเองก็อยากขายเช่นกัน !
กลุ่มคนที่คลุ้มคลั่งพากันโวยวายขึ้นมา เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะสามารถสร้างกำไรได้มากมาย แต่ทว่าบัดนี้แม้แต่ทุนก็มิอาจได้คืนมาแล้ว เช่นนี้จะให้พวกเขาอยู่เฉยได้เยี่ยงไร ?
เงินของข้าเล่า !
เงินที่หามาด้วยความยากลำบากตลอดทั้งชีวิต กลับถูกโกงไปจนสิ้นอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ !
“คืนเงินของข้ามาประเดี๋ยวนี้ ! ”
“ข้าจะกระทืบเจ้าให้ตาย ! ”
“คอยดู ข้าจะเผาจวนเจ้าให้มอดไหม้ ! ”
“… ! ”