นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 789 โจมตีเมือง ( 1 )
ตอนที่ 789 โจมตีเมือง ( 1 )
เฟิงเสียนชูนำทหาร 200,000 นายบุกยึดเมืองกูหยุนได้อย่างง่ายดาย
ยังดีที่เมืองนี้มีชาวฮวงอาศัยอยู่ตามปกติ
ทว่าหลังจากที่ส่งทหารออกไปค้นหาเสบียงในเมืองกูหยุน ก็ต้องผิดหวังขึ้นมาอีกคราเพราะ… แย่งชิงเสบียงมาได้เพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น สำหรับปากท้องของลูกน้อง 200,000 นายมันจะไปพออันใด !
ใบหน้าของชาวฮวงเหล่านั้นล้วนแสดงความมิยินยอมออกมา เนื่องจากเสบียงอาหารเหล่านี้มีไว้สำหรับต่อชีวิตของพวกตน
เฟิงเสียนชูมิใช่คนจิตใจดี จึงกวาดเสบียงเหล่านั้นไปทั้งหมด เหลือทิ้งไว้เพียงชาวฮวงที่สิ้นหวัง
เขานำทัพใหญ่ออกเดินทาง ครานี้มีเป้าหมายคือเมืองต้ายา
แย่งชิงได้เท่าใดก็เอาเท่านั้น เมื่อแย่งชิงได้จนพอใจแล้ว ข้าจะพากองทัพกลับไปอย่างสง่างาม !
หากแคว้นอี๋ยังมิถูกทำลาย เยี่ยงนั้นข้าจะทูลถามองค์จักรพรรดิสักหน่อยว่าในเมื่อแคว้นอี๋ยังคงอยู่… เหตุใดจึงทำเหมือนล่มสลายไปแล้วกัน
เหตุใดถึงปล่อยให้กองทัพของข้าโดดเดี่ยวราวกับเด็กกำพร้า เดินเตร็ดเตร่ไปตามทุ่งหญ้าเช่นนี้
ในยามที่เขานำทัพออกจากเมืองกูหยุน ชาวฮวง 200,000 คนของเมืองกูหยุนก็ได้ออกมารวมตัวกันโดยพร้อมเพรียง พวกเขามิได้รุดหน้าไปแก้แค้น แต่จะเดินทางไปยังฮวงถิงภายใต้การนำทางของชายชราชาวฮวงผู้หนึ่ง
นี่เพิ่งเดือนสามเท่านั้น ช่วงเวลาเดือนสี่เดือนห้าที่ผลผลิตยังมิสุกงอมคงผ่านไปมิได้เป็นแน่ หากมิรีบขอความช่วยเหลือจากฮวงถิงก็เกรงว่าชาวบ้านกว่า 200,000 นายนี้จะต้องอดตายเป็นแน่ !
ดังนั้นเส้นทางไปฮวงถิงจึงได้ปรากฏภาพผู้คนจำนวนกว่า 200,000 คน ที่ใกล้อดตายจนเป็นซากศพเดินเต็มถนน
เยี่ยงไรเสีย สิ่งที่พวกเขามิรู้ก็คือฮวงถิงในยามนี้ก็กำลังวุ่นวายไปทั้งแถบเนื่องจาก… คืนวันที่สิบเก้า เดือนสาม กองพลอิสระดาบเทวะได้เข้าโจมตีฮวงถิง !
นี่คือการโจมตีแบบสายฟ้าฟาด
โดยพื้นเพแล้วท่าป๋าเฟิงย่อมคาดมิถึงว่าจะมีศัตรูบุกเข้ามาโจมตีถึงฮวงถิงเยี่ยงนี้
“พวกมันควรอยู่ที่เซียวเหอหยวนมิใช่หรือ ? เหตุใดจึงมาถึงที่นี่ได้เล่า ? ผู้สอดแนมอยู่ที่ใด ? เหตุใดจึงมิพบร่องรอยของพวกมันมาก่อน ? ”
ท่าป๋าเฟิงโวยวายราวกับคนเสียสติ ทว่าการโวยวายมิสามารถแก้ไขปัญหาได้
“พวกเจ้าทุกคนจงพาผู้คุ้มกันของตนตามข้าขึ้นไปบนกำแพงเมือง ! ”
“ข้าขอสั่งพวกเจ้าว่าหากรักษาฮวงถิงเอาไว้มิได้ ข้าก็จะอยู่ต่อไปมิได้เช่นกัน และพวกเจ้า…ก็จะมิมีผู้ใดรอดไปได้แม้แต่คนเดียว ! ”
“รีบค้นหาว่ากองทัพดาบสวรรค์ไปถึงที่ใดแล้ว รีบสั่งให้พวกเขากลับมาช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด ! ”
“รีบไปแจ้งท่าป๋าหยูว่าให้ส่งทหาร 50,000 นายกลับมาช่วยเหลือ หลังจากนั้นให้รีบกวาดล้างกองทัพศัตรูเสีย ! ”
ท่าป๋าเฟิงสูดหายใจเข้าลึก ทันใดนั้นก็บังเกิดความเข้าใจขึ้นมาว่า นี่คือกลยุทธ์การโจมตีอย่างต่อเนื่อง !
นี่ต้องเป็นแผนการที่ฟู่เสี่ยวกวนวางเอาไว้อย่างแน่นอน !
มันได้สร้างสถานการณ์ตั้งแต่แรกเริ่ม ว่าจะใช้ทหารดาบเทวะ 30,000 นายเข้าโจมตีแคว้นฮวง
และพวกมันก็มาจริง ๆ ทว่าข้าได้ประเมินกำลังรบของกองทัพดาบสวรรค์สูงจนเกินไป !
เดิมทีคาดว่ากองทัพดาบสวรรค์จะยึดครองด่านภูเขาเยี่ยนได้ภายในสิ้นเดือนหนึ่ง แต่คาดมิถึงว่าจะสู้รบกันไปจนถึงวันที่สี่เดือนสอง
และตนก็ได้ประเมินความเมตตาของฟู่เสี่ยวกวนไว้สูงจนเกินไป เพราะเดิมทีคาดว่าหากยึดด่านภูเขาเยี่ยนหรือเมืองซินโจวเอาไว้ได้ มันย่อมเรียกทหารดาบเทวะ 30,000 นายย้อนกลับไปชิงคืน
ทว่ามันก็มิได้ทำ ตรงกันข้ามกลับยังเดินหน้ากวาดล้างอาณาเขตธงอยู่ที่แคว้นฮวงเสมอมา
อีกทั้งมันยังส่งทหารดาบเทวะกองทัพที่สองออกจากราชวงศ์อู๋แล้วข้ามผ่านแคว้นอี๋มาจนถึงผืนปฐพีของแคว้นฮวง
เดิมทีตนคิดว่านี่คือไพ่ตายทั้งหมดในมือของฟู่เสี่ยวกวน ในยามที่รู้ว่าทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งและสองทำการรวมทัพกันที่เซียวเหอหยวน ตนจึงส่งกำลังทหารออกไปทั้งหมด กอปรกับยามนั้นตนกำลังมีโทสะ
คาดมิถึงเลยว่า จะเป็นแผนการล่อเสือลงจากภูเขาของฟู่เสี่ยวกวน !
คาดมิถึงว่าในมือของมันยังมีกองกำลังที่แข็งแกร่งอยู่อีก 1 กองทัพ !
เยี่ยงนั้น…บทบาทของฮ่องเต้ในการแสดงครานี้คือตัวละครใดกันแน่ ?
เป็นเขาที่แจ้งข่าวกับข้า เป็นเขาที่ส่งปืนใหญ่หงอีและปืนคาบศิลามาให้ข้าเอง และก็เป็นเขาที่เอ่ยอย่างจริงจังว่าต้องการให้ข้าสังหารฟู่เสี่ยวกวน
เขาหลอกลวงข้า !
เขาให้ข้าส่งกองทัพดาบสวรรค์ 400,000 นายออกไปจากแนวป้องกัน จากนั้นจึงให้ฟู่เสี่ยวกวนบุกโจมตีฮวงถิง นี่คือการดึงฟืนออกจากเตาด้วยมือเดียว !
ท่าป๋าเฟิงพาเหล่าขุนนางออกจากพระราชวังป๋ายจินฮ่าน จากนั้นก็ขึ้นไปบนหอคอยของฮวงถิง
ข้ายังมีเมืองปราการอันแข็งแกร่งนี้อยู่และภายในปราการยังมีขุนนางอยู่ด้วย องครักษ์และพลเรือนอีกนับล้านชีวิต ส่วนศัตรูมีเพียง 5,000 นายเท่านั้น แล้วพวกมันจะสามารถทำอันใดข้าได้กัน ?
ข้าเพียงปกปักฮวงถิงเอาไว้ แล้วรอจนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง เมื่อถึงเวลานั้นจึงจะถือว่าเป็นจุดจบของพวกมันอย่างแท้จริง !
ฝ่ายซูม่อเริ่มโจมตีทันทีโดยมิรีรอ
พวกเขามิได้พาดบันไดขึ้นมา เนื่องจากพวกเขาเป็นคนจากยุทธภพทั้งสิ้น
ช่วงขาของพวกเขาเหยียบอยู่บนกำแพง จากนั้นก็โผทะยานขึ้นไปจนถึงกำแพงเมืองทางด้านทิศใต้
ในมือของพวกเขามีปืนอีกทั้งยังมีถึง 2 กระบอกด้วยกัน เมื่อเสียงปืนดังขึ้น ‘ปังปังปัง… ! ’ ทหารรักษาการณ์บนกำแพงเมืองทางใต้พลันร่วงหล่นลงมากองกับพื้นธรณีในชั่วพริบตา
“เร็วเข้าท่านทั้งหลาย จงยืนหยัดเพื่อข้าและสังหารพวกมันเสีย ! ”
ท่าป๋าเฟิงคาดมิถึงว่าคนเหล่านั้นจะบินได้ !
“ฝ่าบาทระวัง… ! ”
‘ปัง… ! ’
กระสุนหนึ่งนัดปลิวเฉียดผ่านใบหูของท่าป๋าเฟิงไปจนบังเกิดความตื่นตระหนก เขารีบคุกเข่าลงกับพื้นแล้วตะโกนเสียงดังลั่นว่า “อย่าให้พวกมันมีเวลาบรรจุกระสุน จงเรียกระดมพลเรือนขึ้นมาบนกำแพง…”
‘ตูม… ! ’ เสียงระเบิดดังกัมปนาท ห่างออกไปจากท่าป๋าเฟิงราว 3 จั้ง ได้บังเกิดเสียงระเบิดมือดังขึ้นมาอีกครา และทันใดนั้นโลหิตและชิ้นส่วนร่างของทหารนับสิบนายก็ปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ
“ทางนั้นคือจักรพรรดิท่าป๋าเฟิงของแคว้นฮวง จงไปจับเป็นมาให้ข้า ! ”
ซูม่อตะโกนกร้าว จากนั้นทหารดาบเทวะกองพลอิสระก็ได้ปรี่ทะยานเข้าไปหาท่าป๋าเฟิงอย่างบ้าคลั่ง
“คุ้มครองฝ่าบาท… รีบถอยทัพเร็วเข้า… ! ”
ภายใต้การคุ้มกันของราชองครักษ์หลายนาย ท่าป๋าเฟิงจึงรีบถอยเท้าก้าวลงจากหอคอย ทว่ากองพลอิสระได้รุดเข้ามาแล้ว
‘ปังปังปัง…’
เสียงปืนดังขึ้นอีกครา ปรากฏภาพของท่าป๋าเฟิงกลิ้งตลบลงมาด้านล่างและหลุดไปหยุดอยู่กลางถนน
เหล่าองครักษ์ของเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่จำนวนมากถือดาบบ้างกระบี่บ้างวิ่งดาหน้าเข้ามา จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่กองพลอิสระราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราด
ทันใดนั้นการต่อสู้ก็เข้าสู่การโรมรันและดำเนินไปสู่ขั้นดุเดือด
มีเสียงปืน เสียงระเบิด เสียงฟาดฟันของดาบและกระบี่ แน่นอนว่ามีเสียงหวีดร้องของผู้คนด้วย
ท่าป๋าเฟิงย้อนกลับไปถึงพระราชวังป๋ายจินฮ่านแล้ว จากนั้นก็ทรุดกายนั่งลงบนบัลลังก์มังกรพร้อมหอบหายใจยกใหญ่ แต่แล้วก็ต้องยืดกายขึ้นมาอีกครา “นำคนมา นำคนมานี่ ทุกคนในพระราชวังจงขึ้นไปบนกำแพงชั้นในให้หมด หยิบอาวุธขึ้นมาและรักษาความปลอดภัยของวังหลวงเอาไว้ให้ได้ ! ”
“ทหารรักษาการณ์จงรีบระดมชาวบ้านมา หากชนะในศึกครานี้ข้าจะตกรางวัลให้ผู้เข้าร่วมทุกคน เป็นวัวและแกะ 50 ตัว และข้าจะให้ทองคำคนละ 12 ตำลึงอีกด้วย”
……
นี่คือศึกป้องกันฮวงถิง
ในการต่อสู้นี้ท่าป๋าเฟิงประสบความสำเร็จในการระดมพลเรือนทั้งหมด ชาวฮวงเหล่านี้มิยินยอมถูกทำลาย จึงออกมาสู้กับทหารดาบเทวะกองพลอิสระแบบมิกลัวตาย
ซูม่อเฝ้ามองสถานการณ์จากนั้นจึงปล่อยวางการโจมตีเมือง แล้วออกคำสั่งให้กองพลอิสระถอยทัพออกมาจากฮวงถิงราว 240 จั้ง
ฝ่ายชาวฮวงเองก็มิได้ไหลตามออกมา ดังนั้นสถานการณ์รบจึงเข้าสู่ช่วงชะงักงันกลางคัน
ซูม่อจ้องมองเมืองที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางความมืดมิดอย่างเงียบเชียบ พลางครุ่นคิดอยู่นับร้อยนับพันตลบว่าบัดนี้ควรทำเยี่ยงไรดี ?
“หัวหน้า มิเยี่ยงนั้นก็มอบระเบิดมือกับกระเป๋าดินระเบิดทั้งหมดให้กองที่ห้าของข้าแล้วกองที่ห้าจะเป็นแนวหน้าระเบิดเพื่อเปิดเส้นทางโลหิตเอง ส่วนกองที่เหลือเพียงเข้าโจมตีพระราชฐานชั้นใน ขอเพียงจับกุมจักรพรรดิชาวฮวงมาได้ พวกเราก็จะชนะศึกครานี้ ! ”
ข่งเซี่ยงเป่ย หัวหน้ากองที่ห้านี้เป็นชายชาตรีจากยุทธภพผู้มาขอพึ่งพิงกองพลอิสระดาบเทวะ เขาเป็นผู้มีฝีมือระดับสูงขั้นที่สอง
กองที่ห้าจำนวน 1,000 นายล้วนเคยเป็นชาวยุทธทั้งสิ้น
พวกเขาเข้าร่วมกับทหารดาบเทวะได้มินานก็จริง แต่ทว่าในตอนนี้พวกเขาก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของทหารดาบเทวะโดยสมบูรณ์แล้ว
“พวกเจ้า…จะสูญเสียเป็นจำนวนมาก ! ”
ข่งเซี่ยงเป่ยแสยะยิ้ม “ขอเพียงแค่จับกุมท่าป๋าเฟิงได้ ต่อให้ตายข้าก็มิเสียดายชีวิต ! ”