นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 800 เหล่าขุนนางตื่นตกใจ ( จบ )
ตอนที่ 800 เหล่าขุนนางตื่นตกใจ ( จบ )
ฮ่องเต้ยืดพระวรกายขึ้นจากบัลลังก์มังกร จากนั้นก็แผดสุรเสียงออกไปว่า “เจ้าเอ่ยว่าเยี่ยงไรนะ ? ”
“ทูลฝ่าบาท ท่านอัครมหาเสนาบดีฉินผูกคอตายในห้องอักษรของจวนฉิน กระหม่อมพบจดหมายที่เขาเขียนเอาไว้ด้วย ทูลเชิญฝ่าบาททอดพระเนตรเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีเหนียนรีบเดินไปรับจดหมายฉบับนั้นแล้วรีบนำไปถวายให้แก่ฝ่าบาท ฮ่องเต้เปิดทอดพระเนตรทันทีโดยมิรีรอ…
‘ทูลฝ่าบาท กระหม่อมฉินฮุ่ยจือมีความผิด
กระหม่อมริษยาในความสามารถของฟู่เสี่ยวกวน โดยคิดว่านโยบายส่งเสริมการค้าและการเกษตรในราชวงศ์หยูจะส่งผลให้มีแต่ผู้ค้าขายเฝ้าแสวงหาผลกำไรแล้วจะมิมีผู้ใดอยากทำการเกษตรอีก
กระหม่อมคิดว่าเดิมทีฟู่เสี่ยวกวนเป็นองค์ชายแห่งราชวงศ์อู๋ เขาควรกลับไปที่ราชวงศ์อู๋เพื่อสืบทอดราชบัลลังก์ หากนโยบายระดับชาตินี้ดีจริง เหตุใดเขาถึงมินำไปใช้ในราชวงศ์อู๋ ?
กระหม่อมจึงคิดว่าฟู่เสี่ยวกวนมีนิสัยโฉดชั่วเสมือนหมาป่าที่ลอบวางแผนชั่วช้าและตั้งใจจะโค่นล้มราชวงศ์หยู
ดังนั้น กระหม่อมจึงออกคำสั่งลับเพื่อรักษาผลประโยชน์ของราชวงศ์หยูเอาไว้
กระหม่อมใช้ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในการสั่งให้แม่ทัพใหญ่เผิงเฉิงอู่แห่งกองทัพชายแดนเหนือกระทำการหลอกล่อให้ฟู่เสี่ยวกวนหลงกล แล้วลงมือสังหารเขาเสีย ทว่าอีกฝ่ายกลับมิหลงกลทั้งยังสามารถรอดชีวิตไปได้
อีกทั้งกระหม่อมยังสั่งให้เผิงเฉิงอู่ละทิ้งด่านภูเขาเยี่ยนและเมืองซินโจว เพราะกระหม่อมคิดว่าหากฟู่เสี่ยวกวนภักดีต่อผืนปฐพีหยูแห่งนี้จริง เขาย่อมนำทหารดาบเทวะเข้ามาช่วยเหลือเมืองซินโจว แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับมิให้ความช่วยเหลือทั้งยังนำทหารดาบเทวะจากไปอีก
เมื่อกระหม่อมได้รับรายงานว่าฟู่เสี่ยวกวนปรากฏตัวที่แคว้นฮวงจึงออกคำสั่งให้เผิงเฉิงอู่นำกองทัพ 250,000 นายมุ่งหน้าไปยังแคว้นฮวงเพื่อสังหารฟู่เสี่ยวกวนเสีย
ทว่าก็ยังล้มเหลวจนทำให้กองทัพของแม่ทัพใหญ่เผิงต้องเผชิญหน้ากับกองทัพดาบสวรรค์ของแคว้นฮวงและเข้าสู้รบกันจนชีวาวายทั้งสองกองทัพ
ในเมื่อฟู่เสี่ยวกวนมิตาย กระหม่อมจึงขอสละชีพเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อใต้หล้านี้
กระหม่อมมีความผิดฐานปิดบังฝ่าบาทและหลอกลวงราษฎร กระหม่อมจึงมิมีหน้าไปพบผู้ใดในผืนปฐพีนี้ได้อีก กระหม่อมขอไถ่โทษโดยการผูกคอด้วยผ้าไหมสีขาวผืนนี้
กระหม่อม…รู้ว่าจะโดนผู้คนมากมายรุมประณาม ทว่ากระหม่อม…ก็มิเสียใจที่ได้กระทำเช่นนี้ ! ’
เมื่อฮ่องเต้ทอดพระเนตรจดหมายฉบับนี้จบ ก็พลันบันดาลโทสะขึ้นมาทันใด
“เสียแรงที่ข้าไว้วางใจ มันกระทำสิ่งที่มิต่างจากกบฏเลยสักนิด… ทหารจงนำร่างของฉินฮุ่ยจือไปประจานเป็นเวลา 3 วันเพื่อให้ใต้หล้าได้รับรู้ความผิดของมัน จากนั้นก็นำศพของมันไปคุกเข่าที่สุสานฮ่องเต้พระองค์ก่อน ข้าจะทำให้มันสำนึกผิดต่อหน้าบรรพชนทั้งสิบรัชสมัยของข้า ! ”
นี่มันเกิดอันใดขึ้นเยี่ยงนั้นหรือ ?
เหล่าขุนนางล้วนมิรู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ท่านอัครมหาเสนาบดีฉินเพิ่งได้รับตำแหน่งมิใช่หรือ ? เขากระทำความผิดใหญ่หลวงใดกัน ฝ่าบาทถึงได้ลงโทษเขาเด็ดขาดเยี่ยงนี้ ?
ฮ่องเต้โยนจดหมายลาตายให้ขันทีเหนียน พลางตรัสว่า “อ่านให้พวกเขาฟัง”
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ขันทีเหนียนกระแอมไอออกมา จากนั้นก็เริ่มอ่านจดหมายของฉินฮุ่ยจือ เมื่อบรรดาขุนนางได้ยินก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน
นี่… ฉินฮุ่ยจือไปกินหัวใจเสือมาหรือเยี่ยงไร ช่างใจกล้าบ้าบิ่นยิ่งนัก !
เขากล้าเคลื่อนย้ายกองทัพชายแดนเหนือโดยพลการ เขายอมจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลเพื่อสังหารฟู่เสี่ยวกวน !
เขามิรู้หรือว่าฟู่เสี่ยวกวนคือผู้ใด ?
เขาเป็นราชบุตรเขยของฝ่าบาทเยี่ยงไรเล่า !
เขาคือติ้งอันป๋อ !
ฉินฮุ่ยจือไปกินอันใดผิดสำแดงมา ถึงได้ตาบอดเยี่ยงนี้ เฮ้อ…สมควรตายแล้วจริง ๆ
มิแปลกใจเลยที่เขาจะยอมสละชีพตนเอง เพราะถ้าเรื่องในวันนี้ถูกเปิดเผยไปทั่วหล้า หากเขาโดนฝ่าบาทจับได้ตอนยังมีชีวิตอยู่ก็เกรงว่าจะโดนโทษหนักกว่านี้ !
มีข้าราชการ ทหาร และพลเรือนเพียงมิกี่คนในราชวงศ์หยูที่รู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว เช่น ต่งคังผิง สามพ่อลูกตระกูลเยี่ยน และ…ชื่อหลางที่ถูกย้ายมาจากกองทัพชายแดนเหนือนามเหนียนอ้ายหยาง
ในฐานะที่ตนเคยอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเผิงเฉิงอู่มาก่อน เขาจึงร้องไห้ออกมาทันทีที่ได้ยินว่าเผิงเฉิงอู่เสียชีวิตในสนามรบ
ท่านแม่ทัพใหญ่ยังมิสมควรตาย
สหายร่วมรบทั้งสี่แสนนายก็มิสมควรตาย
นอกจากนี้ยังมีชาวเมืองซินโจวอีกกว่าครึ่งล้านที่ยิ่งมิสมควรตาย
แต่บัดนี้มีผู้เสียชีวิตมากกว่าหนึ่งล้านคนแล้ว !
เพียงเพราะคำสั่งที่แสนจะไร้สาระนั่น !
แม้ว่าติ้งอันป๋อจะกลับไปยังราชวงศ์อู๋ แล้วเขาจะนำภัยมาสู่ราชวงศ์หยูได้เยี่ยงไร ?
หากเขานำภัยมาสู่ราชวงศ์หยูจริง ๆ ราชวงศ์หยูจะมิมีกำลังไปสู้รบด้วยเลยหรือ ?
เหตุใดต้องทำถึงเพียงนี้ด้วยเล่า ?
สุดท้ายได้รับผลประโยชน์อันใดจากการกระทำนี้ด้วยกัน ?
กองทัพของราชวงศ์อู๋ยกทัพมาถึงพื้นที่ราบชังซีแล้ว ทว่ากองทัพชายแดนใต้มิได้ยืดหยัดต่อต้านแต่กลับถอยทัพไป 30 ลี้
หยูชุนชิวส่งจดหมายมาทูลถามฮ่องเต้ว่าเพราะเหตุใด ทว่าฮ่องเต้กลับมิตรัสสิ่งใดออกมาเลย
หากเผิงยวี๋เยี่ยนทราบข่าวว่าเผิงเฉิงอู่ตกตายในสนาม หากนางได้รู้เรื่องราวที่แท้จริงแล้วล่ะก็… เหนียนอ้ายหยางมิอาจจินตนาการถึงผลที่จะตามมาได้เลย
เขาถอนหายใจยาว ‘หากว่าทหารสูญเสียขวัญกำลังใจ ย่อมมิใช่เรื่องง่ายในการควบคุม ! ’
เมื่อขันทีเหนียนอ่านจดหมายฉบับนี้จบ ในท้องพระโรงก็พลันเกิดความโกลาหลขึ้นมา เหล่าขุนนางต่างก็รุมประณามเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยอารามขุ่นเคือง
มิแปลกใจเลยที่ราชวงศ์อู๋จะยกทัพออกจากฉีซาน !
มิแปลกใจเลยที่ไร้ข่าวคราวส่งมาจากติ้งอันป๋อ !
ฉินฮุ่ยจือทรยศต่อผืนปฐพี หากท่านอัครมหาเสนาบดีเยี่ยนยังคงดำรงตำแหน่งนี้อยู่ จะมีเหตุการณ์เยี่ยงนี้เกิดขึ้นหรือ !
ดังนั้น…จึงยังต้องการขุนนางอาวุโสเยี่ยงท่านอัครมหาเสนาบดีเยี่ยนมาจัดการ จึงจะสามารถวางใจได้ !
ฮ่องเต้ลุกขึ้นจากบัลลังก์มังกร จากนั้นก็ยกพระหัตถ์ขึ้นเพื่อสั่งให้ทุกคนอยู่ในความสงบ “ข้ามิเคยคิดมาก่อนเลยว่ากบฏฉินจะเห็นติ้งอันป๋อเป็นหนามยอกอก โชคดีที่ติ้งอันป๋อรอดพ้นจากสถานการณ์นี้มาได้ แต่เกรงว่าเขาจะโกรธเคืองข้าเพราะเรื่องนี้ แต่ก็มิเป็นไรหรอก ถึงเยี่ยงไรเขาก็ยังเป็นราชบุตรเขยของข้า และในมิช้าความเข้าใจผิดนี้ก็จะมลายหายไปเอง”
“ลำดับต่อไป ข้ามีอีกเรื่องที่จะแจ้งให้พวกท่านรับทราบ”
“ในปีนี้ องค์รัชทายาทหยูเวิ่นเต้าก็มีพระชนมายุ 20 ชันษาแล้ว ข้าคิดว่าตำหนักบูรพาควรมีคนดูแล ดังนั้นข้าจึงเตรียมแต่งตั้งพระชายาขึ้นมา”
เมื่อขุนนางทั้งหลายได้ฟัง ก็ตระหนักได้ว่านี่คือเรื่องที่สำคัญยิ่ง
ฝ่าบาทมิได้ตรัสออกมาว่าจะคัดเลือก แต่พระองค์ตรัสออกมาว่าจะแต่งตั้ง… นี่หมายความว่าตำแหน่งพระชายาถูกเลือกเอาไว้แล้วใช่หรือไม่ ?
จะเป็นบุตรีจากตระกูลใดเยี่ยงนั้นหรือ ?
รอยแย้มพระโอษฐ์ปรากฏขึ้นบนดวงพักตร์ “ตระกูลเยี่ยนเป็นตระกูลนักปราชญ์รุ่นแรกของราชวงศ์หยูที่ซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์มาโดยตลอด เยี่ยนชิ่งยีคือบุตรีคนเล็กของเยี่ยนซือเต้า ปีนี้นางมีอายุ 15 ปีแล้ว ทั้งยังรูปโฉมงดงาม ฉลาดเปี่ยมด้วยปัญญาจึงเหมาะสมต่อตำแหน่งพระชายามากยิ่งนัก”
“ดังนั้น จงเลือกฤกษ์งามยามดีที่ดีที่สุดของฤดูกาลนี้ตามความเหมาะสม แล้วรอจนกว่าฮองเฮาจะเสด็จกลับวัง ถึงจะมีประกาศเรื่องงานอภิเษกสมรสระหว่างทั้งสองให้ทราบโดยทั่วกัน ! ”
เรื่องนี้ช่างน่ายินดีมากยิ่งนัก ! มิแปลกใจเลยที่อาวุโสเยี่ยนมาปรากฎตัวในการประชุมครานี้
เหล่าขุนนางล้วนหันมาแสดงความยินดี ส่วนเยี่ยนเป่ยซีและเยี่ยนซือเต้าก็ได้แต่เคารพกลับเพื่อแทนคำขอบคุณ
โดยปกติการประชุมใหญ่ราชวงศ์ควรจะจบลงเพียงเท่านี้ ทว่าฮ่องเต้ก็ได้ตรัสขึ้นมาอีกว่า
“เยี่ยงไรเสียฉินฮุ่ยจือก็ตกตายไปแล้ว แม้ข้าจะมองคนผิดไปทว่าเรื่องของการเลื่อนขั้นก็ยังจำเป็นต้องมีอยู่ ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจว่าให้เยี่ยนซือเต้าขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นอัครมหาเสนาบดีเพื่อช่วยข้าปกครองบ้านเมืองนับแต่นี้สืบไป ! ”
พระบัญชานี้กะทันหันจนเกินไป จึงทำให้เหล่าขุนนางทั้งหลายตกตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครา
เรื่องที่เยี่ยนซือเต้าได้เลื่อนขั้นเป็นอัครมหาเสนาบดีนั้น พวกเขามิได้รู้สึกประหลาดใจเลยสักนิด เพราะเยี่ยนซือเต้าเหมาะสมต่อตำแหน่งนี้มากยิ่งนัก ที่แปลกใจคือมิรู้เหตุใดถึงแพ้ให้กับฉินฮุ่ยจือในตอนแรกมากกว่า
ฝ่ายเยี่ยนซือเต้าผงะ “ทูลฝ่าบาท นี่มัน…กระหม่อมไร้ความสามารถที่จะรับตำแหน่งนี้ ฝ่าบาทโปรดเลือกคนที่มีความสามารถเถิดพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ฮ่องเต้แย้มพระสรวลเล็กน้อย จากนั้นก็ตรัสว่า “การได้ดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีถึงสามรุ่นของตระกูลถือเป็นเรื่องดีที่ควรบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ข้าเชื่อใจตระกูลเยี่ยนและเชื่อในตัวเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นเยี่ยงอดีตอัครมหาเสนาบดีเยี่ยน พวกเราทั้งสองเป็นฮ่องเต้และขุนนางที่ร่วมกันสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่รัชสมัยเซวียนลี่ ! ”
……
……
“ท่านพ่อ…เขาบังเกิดความกลัวขึ้นมาแล้วเยี่ยงนั้นหรือขอรับ ? ”
“เกรงว่าจะเกิดแล้ว…หรือบางทีนี่อาจจะเป็นแผนสำรองของเขา เพื่อถ่วงเวลารอให้หยูเวิ่นเต้าฝึกฝนกองทัพสวรรค์ฆาตจนเสร็จสมบูรณ์ ระหว่างนี้ก็เฝ้ารอข่าวคราวจากฮองเฮาซั่งอย่างสงบ ทว่าเรื่องที่ฉินฮุ่ยจือพลีชีพนั้นเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมยิ่ง เพราะความผิดทั้งหมดจะกลายเป็นฉินฮุ่ยจือแบกรับเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว และฟู่เสี่ยวกวนย่อมทราบข่าวนี้ในมิช้าอย่างแน่นอน…”
“ท่านพ่อ หากไร้อำนาจสั่งการทางทหาร ฉินฮุ่ยจือก็มิสามารถปลุกระดมกองทัพชายแดนเหนือได้ ช่องโหว่ใหญ่ถึงเพียงนี้เหล่าขุนนางจะเชื่อหมดทุกคนหรือขอรับ ? ”
เยี่ยนเป่ยซีหัวเราะลั่น “เจ้านี่มัน…เรื่องนี้ยังสำคัญอยู่เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เยี่ยนซือเต้าตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน จากนั้นก็พึมพำออกมาว่าเรื่องนี้มิสำคัญจริงหรือ ?
“ทุกคนในราชสำนักย่อมคิดเยี่ยงที่เจ้าคิดอย่างแน่นอน แต่เจ้าดูสิ ! มิมีผู้ใดสัมผัสได้ถึงเบื้องหลังของจดหมายลาตายนั้นเลย ทุกคนรู้ดีว่าชั้นบาง ๆ ของกระดาษนั้นได้ปิดบังความลับที่แท้จริงเอาไว้ ! ”
เยี่ยนเป่ยซีถอนหายใจยาวออกมา “เมื่อมีกระดาษแผ่นนี้แล้ว ฝ่าบาทจึงมีทางออก ! ”
“ท่านพ่อ หากเสี่ยวกวนใช้นิ้วแทงไปบนกระดาษนี้เล่า ? ”
“ย่อมขึ้นอยู่กับผลการเจรจาระหว่างฮองเฮาซั่งและจักรพรรดิอู๋… หากผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจสำหรับฟู่เสี่ยวกวน เขาย่อมมิสนใจที่จะเก็บกระดาษนี้ไว้ แล้วทำเป็นมิรู้มิเห็นไปเสีย ! ”