นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 85 ฟู่ต้ากวนรับอนุภรรยา ( I )
ตอนที่ 85 ฟู่ต้ากวนรับอนุภรรยา ( I )
เศรษฐีที่ดินฟู่ต้ากวนมีราชโองการรับอนุเมื่อเดือนเก้าวันที่สิบแปดได้แพร่กระจายไปในหลินเจียงมาแต่เนิ่น ๆ แล้ว
พ่อค้าตระกูลใหญ่ ขุนนาง และบุคคลมีชื่อเสียงหลายคนต่างก็ได้รับเทียบเชิญที่ส่งมาจากจวนฟู่ มีผู้คนมากมายที่รู้สึกอิจฉาอย่างถึงที่สุด บุรุษในใต้หล้าที่รับอนุนั้นมีอยู่มากมาย แต่ใครเล่าจะมีความสามารถถึงขั้นได้รับราชโองการให้รับอนุจากฝ่าบาท?
“ดูหัวหน้าตระกูลฟู่สิ เมื่อก่อนมีอนุเพียง 1 คน ข้านั้นคิดว่าเขาคงถ่อมตัว ฮูหยินของข้ายังกล่าวว่าแบบเขานั้นเรียกว่าจงรักภักดีมิมีสาม ในยามนี้ทุกคนต่างก็รับรู้กันแล้วว่า คนผู้นี้มิออกเสียงแต่ยามที่ออกปากกลับทำให้ผู้คนตื่นตะลึง ข้าลองถามฮูหยินของข้า พวกท่านลองคาดเดากันดูสิว่าฮูหยินของข้านั้นตอบมาว่าเยี่ยงไร?”
“นางกล่าวว่า… ฟู่ต้ากวนรับอนุนั้นคือความสามารถ หากท่านสามารถทำให้ฝ่าบาทมอบราชโองการให้ได้ มิต้องกล่าวถึงอนุ 5 นาง อนุ 10 นาง ข้าก็ช่วยท่านจัดการให้ได้ทั้งสิ้น!”
ทุกคนต่างหัวเราะร่า พูดคุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ ของฟู่ต้ากวนอย่างมีความสุขยิ่ง
“ข้ารู้สึกว่านี่คือการปลูกฝังที่ดีจากบรรพบุรุษตระกูลฟู่ พวกท่านดูสิ ในอดีตฟู่เสี่ยวกวนนั้นไร้ประโยชน์ถึงเพียงไหน ทำท่านฟู่เดือดดาลแทบจะกระอัก แต่เขาในตอนนี้เล่า มิต้องกล่าวถึงเรื่องความสามารถทางด้านวรรณกรรมที่เต็มเปี่ยม พวกท่านคงทราบแล้วว่าเจ้าหนุ่มนั่นได้รับผู้ประสบภัยมาสามหมื่นกว่าคน แต่เดิมพวกข้าต่างก็คิดว่าเจ้าหนุ่มนั่นมีจิตใจเมตตาช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหล่านั้น แต่ในยามนี้พวกเราเพิ่งได้รับรู้ หมากตานี้เขาเดินได้อย่างยอดเยี่ยม”
มีคนเอ่ยแย้งขึ้น “ท่านหลิวคำพูดของท่านดูจะบิดเบือนไปสักเล็กน้อย ขอถามทุกท่านที่อยู่ที่นี่ ใครมีความกล้าพอที่จะรับผู้ประสบภัยสามหมื่นกว่าคนบ้าง มีใครไหมที่มีความสามารถจัดวางผู้ประสบภัยเหล่านั้นไปยังที่ต่าง ๆ ภายในเวลาไม่กี่วัน ขอกล่าวเสริมอีกว่า เสี่ยวกวนได้มอบเงิน ที่พักและอาหารให้ผู้ประสบภัยเหล่านั้นจริง ๆ ”
ทุกคนต่างเงียบงัน ครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน แล้วจึงพยักหน้ารับ
ณ ด้านบนหอหลินเจียง ที่นั่งอยู่นี้คือเหล่าหัวหน้าตระกูลพ่อค้ารายใหญ่ในหลินเจียง และมีความสัมพันธ์อันดีกับฟู่ต้ากวน ในยามนี้พวกเขากำลังรวมตัวกัน พูดคุยกันไปมาจนมาถึงเรื่องของสองบิดาและบุตรชายแห่งตระกูลฟู่
“ดังนั้นเจ้าหนุ่มนี่จึงเป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง นอกจากนี้ข้ายังได้ยินมาอีกหนึ่งเรื่อง มิรู้ว่าจริงหรือเท็จ พวกท่านอย่าได้นำไปเล่าต่อเด็ดขาด” หัวหน้าตระกูลค้าข้าวหยางจี้หยางอีชานกดเสียงเบาลง “เมื่อไม่กี่วันก่อน ต่งชูหลานบุตรีของเสนาบดีต่งอยู่ที่เรือนซีซาน ณ หมู่บ้านเซี่ยชุน!”
เฮือก….
ทุกคนต่างก็พากันสูดหายใจลึก ต่งชูหลานได้มาหลิงเจียงเมื่อเดือนห้า พวกเขาเองก็เคยทักทายกัน แต่คาดมิถึงว่าฟู่เสี่ยวกวนจะเกี่ยวข้องกับผู้สูงส่งขนาดนั้น
หลังจากนั้นหยางอีชานก็กดเสียงให้เบาลงอีก “นี่มิถือว่ามีอันใด เพราะยังมีผู้สูงศักดิ์อีกหนึ่งท่านที่ไปยังเรือนซีซานกับคุณหนูต่ง !”
“ผู้ใดกัน ?”
หยางอีชานมองซ้ายแลขวา “องค์หญิงเก้า !”
ทุกคนในที่นั้นต่างตกใจ และมิส่งเสียงใด ๆ
ผ่านไปไม่นาน หัวหน้าตระกูลหวงหวงไคหยู่ก็เอ่ยถามเสียงเบา ๆ “เรื่องนี้…เป็นจริงเยี่ยงนั้นรึ ? ”
หยางอีชานแบสองมือออก “ข้าเองก็ได้ยินมาอีกที แต่ข้าคิดว่าเป็นเรื่องจริง เพราะความฝันในหอแดงของเสี่ยวกวนปรากฏตัวขึ้นคราแรกที่เมืองหลวง หนังสือที่ดีเยี่ยมเยี่ยงนั้นคิดว่าผู้สูงศักดิ์ในวังหลวงก็คงจะชอบอ่านเป็นอย่างมากเช่นกัน หลังจากนั้นทำนองเพลงสายน้ำที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ก็ได้โด่งดังขึ้นที่หลานถิงจี๋ในค่ำคืนเทศกาลไหว้พระจันทร์ ทั้งยังได้สลักไว้เป็นกวีลำดับแรกบนหินเชียนเปยสือ พวกท่านลองครุ่นคิดดู มีหรือที่คนในวังหลวงจะมิรู้เรื่องนี้?”
“พวกท่านลองครุ่นคิดอีกครา พระสนมเอกซั่งกุ้ยเฟยได้ประพาสกลับไปยังมณฑลฉีโจว และได้พักที่ซ่างหลินโจวหนึ่งคืน ฟู่เสี่ยวกวนได้รับเทียบเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยง ได้ยินอีกว่าได้ประพันธ์กลอนตุ้ยเหลียนหนึ่งบทให้แก่ศาลาของเสียนชินอ๋องอีกด้วย นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าฟู่เสี่ยวกวนนั่นได้เข้าตาผู้สูงศักดิ์แห่งวังหลวงแล้ว กล่าวตามมโนธรรมท่าน ไม่ว่าข้าหรือท่านมีใครบ้างที่มิอยากให้บุตรสาวของตนได้แต่งงานกับฟู่เสี่ยวกวนผู้นั้น ? แต่เหตุใดที่ผ่านมาฟู่เสี่ยวกวนถึงมิได้แสดงท่าทีอันใด ข้าจะกล่าวให้พวกท่านฟัง คาดว่าคงเข้าพระเนตรขององค์หญิงเก้า จึงต้องการให้ขึ้นเป็นพระราชบุตรเขย เยี่ยงนั้นพวกท่านคิดว่าที่ฝ่าบาทมอบราชโองการให้ฟู่ต้ากวนรับอนุเข้าจวนนั้น มันเพราะเหตุใดกัน?”
ความฮือฮาจึงบังเกิด สีหน้าของพวกเขาต่างเป็นไปในทางเดียวกัน
แต่แล้วหวงไคหยู่ก็ส่ายหน้าและถอนหายใจ “หากเรื่องนี้เป็นจริง ก็น่าเสียดายแทนเจ้าหนุ่มนั่น ถึงแม้จะได้เป็นถึงพระราชบุตรเขย แต่ทั้งชีวิตนี้ก็มิมีโอกาสได้เข้าเป็นขุนนางในราชสำนักอีกแล้ว”
หยางอีชานเอ่ยแย้งทันพลัน เขากล่าวว่า “ท่านชวูเรื่องนี้ท่านลองคิดตาม ตระกูลฟู่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในหลินเจียง ในตระกูลมีเงินมิรู้นับเท่าไหร่ ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ขาดทรัพย์สินเงินทอง สิ่งที่ตระกูลฟู่ขาดคือสิ่งใด คือผู้สนับสนุนอย่างไรเล่า!”
หยางอีชานเงียบไปอึดใจ เคาะนิ้วลงกับโต๊ะ แล้วกล่าวอีกว่า “หากเสี่ยวกวนได้กลายเป็นพระราชบุตรเขย มีจวนองค์หญิงเก้าเป็นผู้สนับสนุน ขอถามทุกท่าน ด้วยสถานะของตระกูลฟู่ ยังมีใครกล้าไปสั่นคลอนอีกหรือไม่?”
หวงไคหยู่คิ้วขมวดไปชั่วอึดใจก่อนจะพยักหน้า “หัวหน้าตระกูลหยางกล่าวได้ถูกต้อง”
หลังจากนั้นหวงไคหยู่ก็ยกแก้วขึ้น และชนแก้วกับชวูชั่งหลาย “ดังนั้นท่านชวู อย่าได้กังวลเรื่องของบุตรีท่านอีกเลย เมื่อมาคิดตามในตอนนี้ สายตาของบุตรีท่านนั้นมิได้ต่ำไปกว่าท่านเลย”
ชวูชั่งหลายได้ฟังเยี่ยงนั้น ก็เข้าใจขึ้นมาในทันที
บุตรีชวูหลิงหลงตบแต่งเป็นอนุฟู่ต้ากวน ภายภาคหน้าตระกูลชวูและตระกูลฟู่ก็จะเป็นเครือญาติกัน หากเบื้องหลังของฟู่เสี่ยวกวนมีจวนองค์หญิงคอยหนุนหลัง ตระกูลชวูของตนย่อมได้รับผลประโยชน์ไปด้วยมิน้อย
สำหรับเหล่าพ่อค้าแล้ว พวกเขามิกลัวอันตรายจากการค้า แต่กลัวราชสำนักเข้ามายุ่มย่าม
ดังนั้นใบหน้าเหี่ยวย่นของเขาจึงเผยรอยยิ้มออกมา ยกแก้วแล้วกล่าวว่า “นี่คือหนทางที่บุตรีเป็นผู้เลือกด้วยตนเอง ข้าในฐานะบิดาก็ยื้อไว้มิได้เช่นกัน!”
เนื่องด้วยเจ้าหนุ่มตระกูลฟู่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ที่มีฐานะสูงส่งอย่างองค์หญิง จนกระทั่งได้อยู่ในสายพระเนตรของฝ่าบาท เยี่ยงนั้นแล้วการรับอนุของจวนฟู่ก็มิใช่เรื่องเล็กน้อยแล้ว
“คำแนะนำของข้า พวกเราได้ทักทายฟู่ต้ากวนผู้นั้นบ่อยครั้ง ต่างก็รู้กันอย่างดีว่าเป็นบุคคลที่จิตใจดี ครานี้เขาได้รับราชโองการให้รับอนุเป็นเรื่องที่งดงามในหลินเจียง ดังนั้นเงินของขวัญ เกรงว่าจะมากกว่าที่ข้าเคยเจรจาทางการค้าไว้ถึงสองเท่า ทุกท่านเห็นเยี่ยงไรกันบ้าง?”
“ข้าเห็นด้วย ! ”
“ข้าเองก็เห็นด้วย ! ”
จางจือเช่อ หัวหน้าตระกูลจางจี้เองก็พยักหน้าเช่นกัน
จางจือเช่อได้เดินออกมาจากเรื่องที่จางเพ่ยเอ๋อร์กระโดดน้ำฆ่าตัวตายแล้ว เขารู้ว่าที่มาของการตายของบุตรีนั้นอยู่ที่ฟู่เสี่ยวกวน แต่ในวันนี้เมื่อมารับรู้ว่าแต่เดิมฟู่เสี่ยวกวนนั้นเป็นผู้ที่องค์หญิงเก้ามาชอบพอ ก็รู้สึกว่าการตายของบุตรีนั้นช่างไร้ค่าอย่างแท้จริง
แต่ความตายนั้นมิอาจฟื้นคืน เยี่ยงไรตนเองก็มิมีหลักฐาน จึงทำได้เพียงกัดฟันทนขมขื่นกลืนลงไป
……
…..
ฟู่เสี่ยวกวนว่างยิ่ง
เขามิรู้ว่าควรทำอันใด
บิดาตบแต่งอนุและบุตรชายควรทำอันใดกัน?
ในจวนฟู่ได้ประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีแดงจนเต็มทั่วทุกพื้นที่ ในจุดต่าง ๆ ประดับไปด้วยตัวอักขระสีแดง ในเรือนก็มีประทัดติดเอาไว้เสียมากมาย เหมือนว่าจะมิมีเรื่องใดให้เขาต้องจัดการเลย
ดังนั้นเขาจึงพาซูม่อและชุนซิ่วออกไปจากจวนฟู่ และไปเดินเล่นในเมืองหลินเจียง
จนถึงวันนี้ !
เขายังมิเคยได้เดินตลาดอย่างจริงจังเลย !
หลินเจียงที่ใหญ่โต ยังมีอีกหลายที่ที่เขายังไม่ได้ไป
ดังนั้นในวันนี้เขาตัดสินใจที่จะเดินไปรอบ ๆ มิใช่การขึ้นรถม้าและแล่นผ่านไปตามท้องถนน
แต่ทว่า….
ในยามที่ฟู่เสี่ยวกวนเดินออกมาจากตรอกซีชุ่ย ไปยังถนนต๋าหม่า เขาก็พบเห็นเด็กสาวเป็นจำนวนมาก
เด็กสาวเหล่านั้นแต่งกายครบองค์ ใบหน้าผัดแป้ง ในมือถือพัด ชายเสื้อที่สดใสและผมยาวปลิวไหวไปกับสายลมฤดูใบไม้ร่วง สตรีนั้นแตกต่างกันและก็มีข้อดีในแบบของตนเองที่ต่างกัน
เหยาเสี่ยวม่านเองก็อยู่ในนั้น
ข่าวการกลับมาเจียงหลินของฟู่เสี่ยวกวนราวกับสายลมฤดูใบไม้ร่วง แต่กลับมาปลุกปั่นหัวใจของเด็กสาวเหล่านั้นราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ
ในวันนี้ชวูหลิงหลงได้ตบแต่งกับฟู่ต้ากวน ชวูหลิงหลงได้เคยกล่าวไว้ที่สำนักศึกษาป้านชานว่า บุรุษผู้นั้นเป็นที่แย่งชิง เหตุใดข้าและสตรีผู้อื่นจะตามหาสามีใต้แสงจันทร์มิได้
เด็กสาวทั้งหมดเห็นด้วย
มุมปากของเหยาเสี่ยวม่านยกขึ้นเล็กน้อย ฟู่เสี่ยวกวน ดูสิว่าครั้งนี้เจ้าจะหนีไปที่ไหนได้ !