นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 968 ความจริงเยี่ยงนั้นหรือ ?
ตอนที่ 968 ความจริงเยี่ยงนั้นหรือ ?
ณ สำนักเต๋า
บนภูเขาสูงตระหง่านปรากฏม่านน้ำตกไหลลงมาทำให้เกิดเสียงเสมือนฟ้าร้อง ความร้อนจางหายไปเมื่อหมอกขาวลอยขึ้นมา
กระท่อมฟางหลังหนึ่งกับตะเกียงเจ้าพายุหนึ่งอันและคนสองคนที่นั่งอยู่บริเวณลานเล็ก ๆ หน้าประตู
ซึ่งทั้งสองคนนี้ก็คือฟู่ต้ากวนและจี้หยุนกุย
“เหลวไหลสิ้นดี ! ”
ฟู่ต้ากวนกัดฟันกรอดพลางใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะ “เหตุใดเจ้าต้องฟังมันด้วยเล่า ? ก็แค่หลอกล่อฝานอู๋เซียงเข้าเมืองกวนหยุน อาจจะมีชาวบ้านบางคนต้องสละชีวิต แล้วจะเป็นอันใดไป ? มิเช่นนั้นสวี่หยุนชิงจะตายหรือ ? เสี่ยวกวนตัดศีรษะหยูเวิ่นเต้าก็เพราะสวี่หยุนชิงตายมิใช่หรือ ? ”
“หากหยูเวิ่นเต้ามิตาย ซั่งรั่วซุ่ยจะปลิดชีพตนเองเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“เหลวไหล ! เหลวไหลสิ้นดี ! ข้าคิดว่าแผนการชุนเหลยบ้าบอของพวกเจ้าจะดีเสียอีก นี่มันดีแล้วจริง ๆ น่ะหรือ ? ”
“เขามิเคยเข้าใจเสี่ยวกวน เจ้าก็มิเข้าใจหรอก พวกเจ้าคิดหรือว่าเสี่ยวกวนได้รวมอาณาจักรกว้างขวางเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างง่ายดายแล้วจะมีความสุข ? ”
ฟู่ต้ากวนโกรธจนต้องก่นด่าออกมาด้วยความดุดัน จี้หยุนกุยได้แต่ก้มหน้าก้มตาด้วยสีหน้าซีดเผือด
“ข้าเลี้ยงดูเสี่ยวกวนมาตั้งแต่ยังเยาว์ เขาเป็นคนเยี่ยงไร ข้าย่อมรู้ดีที่สุด ต่อให้เป็นมารดาของเขาก็ยังมิรู้ดีเท่าข้า ! ”
“เขามิเคยคิดทำลายราชวงศ์หยูและมิเคยคิดกวาดล้างแคว้นฝานแม้แต่น้อย ทว่าเพราะพวกเจ้าทั้งหลายกดดันให้เขาต้องทำเช่นนี้ เขาจึงจำเป็นต้องเดินตามหมากที่พวกเจ้าวางเอาไว้”
“เดิมทีเขามิคิดว่าจะมีคนตายจำนวนมากมายเช่นนี้หรอก แผนเดิมของเขาคือการเอาชนะสงคราม ณ ที่ราบฮวาจ้งเพื่อทำลายกำลังหลักของราชวงศ์หยู จากนั้นหยูเวิ่นเต้าก็ทำได้เพียงยกธงขาวยอมแพ้ ! ”
“บัดนี้เขาออกทะเลไปแล้ว แม้จะทำการประกาศนโยบายใหม่ก่อนออกเดินทาง ทว่านโยบายใหม่นี้จำเป็นต้องมีเขาอยู่ที่เมืองกวนหยุน ! ”
“บัดนี้เป็นเยี่ยงไร หยูเวิ่นหวินอยู่ที่เมืองจินหลิง ต่งชูหลานและเยี่ยนเสี่ยวโหลวก็อยู่เป็นเพื่อนนางที่เมืองจินหลิง เจ้าคิดว่าพวกนางอยากทำอสังหาริมทรัพย์อันใดนั่นที่เมืองจินหลิงจริง ๆ หรือ ? ”
“มิใช่เลย ! ทว่าเพราะหยูเวิ่นหวินมิรู้จะเผชิญหน้าต่อเสี่ยวกวนเยี่ยงไรต่างหากเล่า ! ”
จี้หยุนกุยนั่งนิ่งสงบปากสงบคำ ผ่านไปเนิ่นนานทีเดียว เขาถึงได้เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “ในตอนแรกเริ่มข้าน้อยก็มิได้คิดเช่นนั้น แต่หลังจากที่โจวถงถงเข้าพบจักรพรรดิเหวินและได้อธิบายให้ข้าน้อยฟัง ข้าน้อยจึงคิดว่าวิธีนี้น่าจะได้ผล ข้าน้อยเองก็คาดมิถึงว่าท้ายที่สุดจะจบลงเช่นนี้…”
“ที่เมืองเปียนเฉิงนั้น จากแผนการเดิมคือซูฉางเซิงต้องเดินทางไปถึงก่อนฝ่าบาท เขาควรซ่อนตัวอยู่ในห้องนั้นเพื่อรอให้ฝานอู๋เซียงไปถึง แล้วจัดการกับพวกมันเสีย”
ฟู่ต้ากวนขมวดคิ้วมุ่น “แล้วเหตุใดศิษย์พี่ของข้าถึงเดินทางไปล่าช้านักเล่า ? ”
จี้หยุนกุยส่ายศีรษะพลางตอบว่า “ทางนั้นเป็นจักรพรรดิเหวินที่คอยจัดการอยู่ ตามแผนการเดิม…มิควรเกิดข้อผิดพลาดอันใหญ่หลวงนี้ขึ้นมาเลยด้วยซ้ำขอรับ”
“บัดนี้ศิษย์พี่ของข้าอยู่ที่ใด ? ”
“เขาเดินทางมุ่งหน้าไปทางตะวันตก เขาเอ่ยว่าจะไปหาซูเจวี๋ยและเกาหยวนหยวนขอรับ”
“เรื่องนี้ยังมีผู้ใดรับรู้อีกบ้าง ? ”
“โจวถงถง ทว่าโจวถงถงได้ปลิดชีพตนเองไปแล้ว”
ฟู่ต้ากวนลุกขึ้นยืน จ้องมองธารน้ำจากภูเขาอันมืดมิด ฟังเสียงน้ำตกพลางครุ่นคิดเรื่องราวต่าง ๆ ไปด้วย
ศิษย์พี่มิได้รออยู่ในห้องนั้น อีกทั้งยังเดินทางไปช้ากว่ากำหนด นั่นหมายความว่าศิษย์พี่เดินทางไปอย่างเร่งรีบซึ่งก็คือจักรพรรดิเหวินมิได้บอกข่าวนี้ให้แก่เขาล่วงหน้า
หรืออาจจะเป็นเพราะโจวถงถงตั้งใจส่งข่าวนี้ให้ล่าช้าออกไป
หากในตอนนั้นศิษย์พี่มิได้เดินทางไปที่นั่น แม้แต่ฟู่เสี่ยวกวนก็คงตายตกไปด้วยใช่หรือไม่ ?
หากฟู่เสี่ยวกวนตาย… จักรพรรดิเหวินก็ประชวรจนเกินเยียวยา เขาย่อมมิอาจกลับไปควบคุมอำนาจในราชวงศ์อู๋ได้อีก
การทำเช่นนี้มีความหมายว่าเยี่ยงไรกันแน่ ?
ทันใดนั้นเกาเสี่ยนก็เดินออกมาจากห้องครัว ในมือของเขาถืออาหารที่เพิ่งปรุงเสร็จซึ่งยังมีควันอุ่นปรากฏขึ้นมา
ฟู่ต้ากวนเรียกเกาเสี่ยนแล้วเอ่ยว่า “เจ้าจงอธิบายให้ข้าฟังอย่างชัดเจนประเดี๋ยวนี้ หลังจากเหตุการณ์หิมะถล่มในปีนั้น น้องชายของข้าได้ทำอันใดบ้าง ! ”
เกาเสี่ยนหัวเราะออกมาเล็กน้อย เขาวางอาหารลง จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างเช็ดกับผ้ากันเปื้อนพลางตอบว่า “ต่อให้วันนี้พระองค์มิเอ่ยถาม กระหม่อมก็ตั้งใจจะเล่าให้ฟังอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่ต้ากวนชะงักงันทันใด รอยยิ้มบนใบหน้าของเกาเสี่ยนค่อย ๆ จางหายไป ความหม่นหมองเข้ามาแทนที่…
“นับแต่ต้นจนจบ จักรพรรดิพระองค์ก่อนคิดอยู่เสมอว่าฟู่เสี่ยวกวนคือบุตรของพระองค์และสวี่หยุนชิง”
ฟู่ต้ากวนเบิกตากว้าง “ดังนั้นแผนการชุนเหลยก็เป็นเพราะเขาต้องการยืมมือทุกคนมาสังหารสวี่หยุนชิงและฟู่เสี่ยวกวนเยี่ยงนั้นหรือ ? ! ”
เกาเสี่ยนก้มหน้าก้มตาพลางเอ่ยว่า “จักรพรรดิพระองค์ก่อนเคยตรัสว่า…ครอบครัวเดียวกันก็ควรตายไปพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วเหตุใดเขาถึงมิทำร้ายข้าเล่า ? ”
“กระหม่อมคิดว่าจักรพรรดิพระองค์ก่อนมิมีความมั่นใจในการสังหารพระองค์ ตรงกันข้ามคืออาจจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้มากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่พระองค์ควรทำก็คืออยู่ในพระราชวังของแคว้นฝานพ่ะย่ะค่ะ”
จี้หยุนกุยตื่นตกใจเสียจนสะดุ้งโหยง “เช่นนั้นหมายความว่าโจวถงถงก็รับรู้ถึงความต้องการของจักรพรรดิพระองค์ก่อนด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ข้าน้อยคิดว่าใช่ ! มิเช่นนั้นเหตุใดโจวถงถงต้องปลิดชีพตนเองด้วยเล่า นั่นเพราะเขารู้สึกผิด เขาได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากจักรพรรดิพระองค์ก่อนในการดูแลหอเทียนจี และบัดนี้ยังได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาทมิน้อย ทว่าแผนการชุนเหลยกลับมีจุดมุ่งหมายเพื่อสังหารสวี่หยุนชิงและฟู่เสี่ยวกวน ระหว่างที่แผนการกำลังดำเนินไปนั้น โจวถงถงอาจจะบังเกิดความลังเลนับครั้งมิถ้วนขึ้นมาในใจ ทว่าท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจทำตามบัญชา”
จี้หยุนกุยขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เขาตริตรองอย่างถี่ถ้วน บัดนี้ถึงได้รับรู้ว่าในตอนนั้นโจวถงถงก็มีความผิดปกติแฝงอยู่เช่นกัน
อาทิเช่น ฝ่าบาทเดินทางไปยังแม่น้ำต้าหลิง ทว่าโจวถงถงกลับเข้าขัดขวางฝ่าบาทมิให้เดินทางไปยังเมืองอู่หยวน เขาให้ฝ่าบาทเสด็จกลับเมืองกวนหยุนเร็วกว่ากำหนด ในตอนนั้นโจวถงถงก็อยู่ในเมืองกวนหยุนด้วย คาดว่าเขาต้องการทูลฝ่าบาทถึงเรื่องราวเหล่านี้เป็นแน่
ทว่าเขามิได้เอ่ยอันใดออกมา ตรงกันข้ามคือตัดสินใจออกเดินทางอีกครา
เขาเดินทางไปยังวัดป๋ายหม่าแห่งแคว้นฝาน
เมื่อคราที่สวี่หยุนชิงเดินทางไปถึงวัดป๋ายหม่า โจวถงถงก็อยู่ที่นั่นด้วย
เดิมทีเขามิควรปรากฏตัวที่นั่น คาดว่าเขาต้องการบอกสวี่หยุนชิงถึงความจริงเหล่านี้ ทว่าท้ายที่สุดเขาก็เดินทางจากไปอีก
นับแต่ต้นจนจบ โจวถงถงได้แต่ลังเลใจ แม้แต่คราสุดท้ายที่เขาฆ่าตัวตายก็ยังต้องตายด้วยความลังเล
บัดนี้เมื่อมองดูแล้วก็คาดว่าจักรพรรดิเหวินสั่งมิให้เขาส่งข่าวให้แก่ซูฉางเซิง ทว่าเขาคงลอบส่งข่าวออกไป แต่ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งอยู่ดี
ฟู่ต้ากวนคำรามออกมาด้วยเสียงอันดังว่า “เจ้าสมควรตายมากยิ่งนัก เหตุใดบัดนี้เจ้าเพิ่งมาบอกข้ากัน ? ”
อยู่ ๆ เกาเสี่ยนก็ยกยิ้มขึ้นมา “เพราะกระหม่อมก็ต้องการให้ฟู่เสี่ยวกวนตายเช่นกัน ! ”
“เพราะเหตุใดกัน ? ! ”
สีหน้าของเกาเสี่ยนแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “เนื่องจากบุตรชายของกระหม่อมแม้มิได้ตายด้วยน้ำมือของฟู่เสี่ยวกวน ทว่าก็ตายด้วยน้ำมือของอู๋หลิงเอ๋อร์… กระหม่อมเป็นขันทีและได้เลี้ยงบุตรบุญธรรมมาเพียงคนเดียว จุดประสงค์ก็เพื่อให้มีคนสืบสกุลต่อไปและคอยส่งกระหม่อมขึ้นสวรรค์เมื่อยามสิ้นใจ”
“พระองค์ก็เลี้ยงฟู่เสี่ยวกวนเสมือนลูกในไส้มิใช่หรือ ? ลองมองย้อนกลับไปดูสิว่าตัวท่านก็พยายามทำทุกสิ่งเพื่อเขามิใช่หรือ ? ”
“พวกเราล้วนเป็นบิดา กระหม่อมเชื่อว่าหากฟู่เสี่ยวกวนตกตายไปแล้วจริง ๆ พระองค์ต้องกลับไปครองบัลลังก์ในราชวงศ์อู๋และตามสังหารกวาดล้างทุกคนจนสิ้น ทว่ากระหม่อมมิมีความสามารถเช่นนั้น จึงทำได้เพียงอธิษฐานให้ฟู่เสี่ยวกวนตกตายเพื่อชดใช้ชีวิตให้กับบุตรชายของกระหม่อม ! ”
“พระองค์อย่าได้มีโทสะไปเลย บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนยังมีชีวิตอยู่และในเมื่อกระหม่อมตัดสินใจบอกเรื่องเหล่านี้ กระหม่อมย่อมเตรียมตัวตายมาแล้วเช่นกัน”
“กระหม่อมสูญเสียบุตรชายไปแล้วจึงมิมีผู้ใดคอยจัดงานศพให้ ดังนั้นมิว่าจะตายที่ใดก็มิมีผู้ใดสนใจหรอก อย่างเช่น…ที่หุบเขานี้ก็มิเลว”
ฟู่ต้ากวนสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ตะโกนออกมาว่า “เจ้าขันที ที่เจ้าเอ่ยออกมาทั้งหมดก็เพื่อโกหกข้า ! ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ…” เกาเสี่ยนหัวเราะออกมาเสียงดังกังวาน จากนั้นก็กระโดดขึ้นจากพื้น “ถือเสียว่าข้าโกหกท่านก็แล้วกัน ! ”
เขาไร้กำลังภายในแล้ว จึงทำให้ร่างกายร่วงหล่นไปสู่ก้นบึ้งของหุบเขา ทว่ามิมีแม้แต่เสียงร้องโหยหวนใด ๆ
ฟู่ต้ากวนเตะโต๊ะที่อยู่เบื้องหน้าจนคว่ำด้วยความโกรธ อาหารทั้งสองจานลอยกระจัดกระจาย
ฟู่ต้ากวนตะเบ็งเสียงออกมาดังลั่น “ให้ตายเถิด ! ผู้ใดก็ได้บอกข้าทีว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่… ? ! ”
เสียงนั้นดังกังวานไปทั่วทั้งหุบเขา จี้หยุนกุยจ้องมองชายอ้วนที่เดือดพล่านอยู่เบื้องหน้า เขาจึงสงบสติอารมณ์ของตนเองลงมาเพราะลึก ๆ ในใจของเขารู้สึกถึงความแปลกประหลาดบางอย่าง เนื่องจากเขานึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ว่าชุดคราบจักจั่นอันล้ำค่าสำหรับลัทธิจันทรามีทั้งสิ้น 3 ชุด ซึ่งทั้งหมดตกไปอยู่ในมือของคุณหนู เรื่องนี้เป็นความลับที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทราบ
ชุดหนึ่งอยู่ที่ฟู่เสี่ยวกวน อีกชุดหนึ่งอยู่ที่อู๋ฉางเฟิงและคุณหนูก็มีอยู่หนึ่งชุด !
เจ้าสิ่งนั้นต่อให้ถูกปรมาจารย์ทำร้ายก็สามารถป้องกันมิให้ถึงแก่ชีวิตได้ !
ผ่านไปเนิ่นนานเลยทีเดียว ดวงตาของจี้หยุนกุยถึงเป็นประกายวาววับขึ้นมาพลางเอ่ยถามว่า “ฝ่าบาทของเรานั้น…ทรงเป็นโอรสของท่านกับคุณหนูจริงหรือไม่ขอรับ ? ”