นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 971 อาณาเขตใหม่
ตอนที่ 971 อาณาเขตใหม่
ภาษาและตัวอักษรของแคว้นหลิวเดิมทีมีรากฐานมาจากราชวงศ์อู๋ในอดีต
จึงทำให้อุปสรรคในการสื่อสารลดน้อยลง
ฟู่เสี่ยวกวนรินชาสองถ้วยให้ทั้งสองคนและชี้นิ้วด้วยท่าทีเป็นกันเอง “นั่งลงเถิด ! ”
เฮ่อเถียนและเถิงหยวนชิวโค้งคำนับแล้วนั่งลงด้านข้างทั้งสองฝั่ง ทว่ามิกล้าหยิบถ้วยชาขึ้นมา
องค์จักรพรรดิพระองค์นี้มีประกายความแข็งแกร่งแผ่ออกมา บรรยากาศนี้มาจากความเชื่อมั่นในตนเองของพระองค์และมาจากความต่ำต้อยของพวกเขาเอง
ดินแดนเล็ก ๆ เยี่ยงแคว้นหลิว ในอดีตได้เคารพและนับถือราชวงศ์อู๋อย่างถึงที่สุด ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงประเทศต้าเซี่ยในปัจจุบันนี้เลย
จักรพรรดิของประเทศที่ใหญ่โตได้มาเยือนแคว้นบนเกาะเล็ก ๆ เยี่ยงนี้ ต่อให้แคว้นหลิวมิล่มสลายก็เกรงว่าจักรพรรดิของแคว้นหลิวต้องหมอบกราบเขาเช่นกัน
ยามลอบมองสองขุนนางที่อยู่ในท่าทีระแวดระวัง ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ยกยิ้มขึ้นมา “ใบชานี้คือหยุนวู่ของเมืองกวนหยุนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เฮ่อเถียนเอ่ยอย่างร้อนรนว่า “ทูลองค์จักรพรรดิแห่งประเทศต้าเซี่ย นี่คือหยุนวู่ที่ขนส่งมาจากเมืองกวนหยุนเมื่อปีที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อ่า…เวลาผ่านไปนาน รสชาติจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย”
“องค์จักรพรรดิแห่งประเทศต้าเซี่ย ระยะห่างระหว่างแคว้นหลิวและประเทศต้าเซี่ยค่อนข้างห่างไกล รวมกับ… รวมกับครานี้ถูกฝูหล่างจีปล้นสะดมไป ปีนี้จึงยังมิสามารถซื้อชาใหม่จากเมืองกวนหยุนได้พ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนหาได้จริงจังอันใดไม่ เนื่องจากความสนใจของเขามิได้อยู่ที่ชา เขาเพียงหาหัวข้อมาเริ่มบทสนทนาเท่านั้น
“จากที่เจิ้นมองดูแล้ว แคว้นหลิวก็นับว่ายังมิเลวร้ายมากนัก ทะเลล้อมรอบสี่ทิศ ทิวทัศน์ในแต่ละด้านล้วนแตกต่างกันไป… เจิ้นมิได้มีความตั้งใจมายึดครองแคว้นหลิวของพวกท่าน จักรพรรดิของพวกท่านเคยส่งจดหมายมาขอความช่วยเหลือจากเจิ้น ทว่าเจิ้นมาช้าไปเล็กน้อยจึงได้ยินว่าเชื้อพระวงศ์ล้วนถูกสังหารจนสิ้นแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เถิงหยวนชิวโค้งคำนับ จากนั้นก็ทูลตอบว่า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท…หากจะให้เอ่ยคือแคว้นหลิวในตอนนี้ได้ล่มสลายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนโบกมือเป็นพัลวัน “ไม่ ๆ ๆ เจิ้นนึกออกแล้ว ณ สถานทูตแคว้นหลิวที่เมืองกวนหยุนยังมีองค์หญิงของพวกท่านอยู่พระองค์หนึ่ง สามารถไปรับนางกลับมาเป็นจักรพรรดินีก็ได้ เจิ้นจะอยู่ที่นี่เพียง 2 วัน จากนั้นก็จะออกเดินทางแล้ว พวกท่านสามารถส่งคนตามเจิ้นกลับไปเพื่อรับองค์หญิงพระองค์นี้กลับมา เห็นเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”
นางจะสามารถทำได้เยี่ยงนั้นหรือ ?
ต้องเป็นไปมิได้อยู่แล้ว !
องค์หญิงจะขึ้นเป็นองค์จักรพรรดินีได้เยี่ยงไร !
เฮ่อเถียนและเถิงหยวนชิวลอบสบตากัน เฮ่อเถียนเหลือบตามองฟู่เสี่ยวกวน จากนั้นก็เอ่ยออกมาด้วยความมิสบายใจ “เรื่องนี้… ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เดิมทีแคว้นหลิวเป็นดินแดนป่าเถื่อน จากนั้นก็มีผู้บุกเบิกเส้นทางเดินเรือไปยังประเทศต้าเซี่ย วัฒนธรรมของประเทศต้าเซี่ยจึงได้เข้ามาสู่แคว้นหลิว แม้แต่ประเพณีทั้งหมดก็มาจากประเทศต้าเซี่ยทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ”
“เดิมทีประเทศต้าเซี่ยคือแบบอย่างของแคว้นหลิว มิว่าจะเป็นแคว้นหลิวตอนนี้หรือในอดีตก็ให้ประเทศต้าเซี่ยเป็นทัพหน้าเสมอ กระหม่อมคิดว่า…ในเมื่อแคว้นหลิวมิมีเชื้อพระวงศ์อยู่แล้ว มิสู้…มิสู้ให้ประเทศต้าเซี่ยเข้ามาปกครองมิดีกว่าหรือ บัดนี้มิมีแคว้นหลิวแล้ว จึงอยากขอให้ฝ่าบาททรงรวมแคว้นหลิวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของประเทศต้าเซี่ยด้วย กระหม่อมขอบังอาจทูลขอและหวังว่าองค์จักรพรรดิแห่งประเทศต้าเซี่ยจะทรงเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ในใจของฟู่เสี่ยวกวนมีความสุขมากยิ่งนัก แคว้นหลิวมีท่าเทียบเรือจำนวนมาก แน่นอนว่าท่าเทียบเรือเหล่านี้ต้องได้รับการบูรณะเสียใหม่
ตามแผนการของเขานี่คือป้อมปราการชั้นแรกของประเทศต้าเซี่ย
ในฐานะที่เซี่ยเย๋เป็นหนึ่งในสามฐานทัพใหญ่ของกองทัพเรือแห่งประเทศต้าเซี่ย มีหน้าที่รับผิดชอบการสร้างเรือบรรทุกสินค้าและเรือรบ รับผิดชอบการฝึกฝนของกองทัพเรือและเป็นป้อมปราการทางทะเลชั้นที่สองของประเทศต้าเซี่ย
ตามระดับความเร็วของเรือรบระดับอู่เว้ยที่ใช้พลังขับเคลื่อนจากเครื่องจักรไอน้ำ ใช้เวลาเดินทางจากเมืองเจียงมายังแคว้นหลิวเพียงสิบและจากเซี่ยเย๋ไปยังแคว้นหลิวใช้เพียงหกวันเท่านั้น
เรือของแคว้นหลิวในอดีตต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือน จึงจะสามารถเดินทางถึงเมืองเจียง ระยะเวลาลดลงไปถึงเจ็ดเท่าและการไปมาหาสู่ก็รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม
แคว้นหลิวสามารถใช้จัดตั้งฐานที่มั่นเพื่อปรับปรุงสามกองทัพเรือได้ ทั้งยังสามารถสร้างให้กลายเป็นท่าเรือทางการค้าระหว่างประเทศและทางทะเลในอนาคตได้อีกด้วย
เรือสินค้าจากประเทศต้าเซี่ยสามารถจอดเทียบท่าและเติมเสบียงที่แคว้นหลิวได้ สินค้าจากประเทศต้าเซี่ยก็สามารถเข้าร่วมการค้าระหว่างประเทศกับแคว้นหลิวได้เช่นกัน
ดังนั้นการรวมแคว้นหลิวเอาไว้ด้วยกัน สำหรับประเทศต้าเซี่ยถือเป็นเรื่องที่มีความหมายด้านยุทธศาสตร์เป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของฟู่เสี่ยวกวนอีกด้วย
สิ่งที่เขาต้องการคือให้แคว้นหลิวเป็นฝ่ายยอมจำนนด้วยตนเอง มิเช่นนั้น…เขาก็คงไร้กำลังที่จะนำกลยุทธ์เปลี่ยนสัญชาติมาใช้กับที่นี่
ร่องรอยความลำบากใจเผยขึ้นมาบนใบหน้าของเขา จนสองขุนนางใหญ่ที่มองอยู่ใจกระตุกวาบขึ้นมา
“แท้ที่จริงแล้วทั้งสองดินแดนห่างกันเพียงสายน้ำกั้นเท่านั้น เนื่องจากแคว้นหลิวมีประเพณี ความเป็นอยู่ วัฒนธรรมและความเชื่อที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากประเทศต้าเซี่ย…”
“เดิมทีประเทศต้าเซี่ยก็มีพื้นที่กว้างขวางและมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว ดังนั้นแคว้นหลิวสำหรับประเทศต้าเซี่ย…มิมีความหมายอันใดเลย”
เถิงหยวนชิวรีบเอ่ยอย่างร้อนรนว่า “ฝ่าบาท… ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ถึงแม้แคว้นหลิวจะยากจน ทว่าชาวเมืองของแคว้นหลิวก็มีจิตวิญญาณที่อดทนต่อความยากลำบาก ภายใต้การปกครองของประเทศต้าเซี่ย กระหม่อมก็คาดว่าแคว้นหลิวจะสามารถมีโอกาสพัฒนาไปได้อีกพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าอย่างมิใส่ใจ ทันใดนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “แคว้นหลิวมีช่างต่อเรือและฝีพายจำนวนมากใช่หรือไม่ ? ”
เฮ่อเถียนรีบพยักหน้า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ ! ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในสถานที่ริมทะเลเยี่ยงนี้ มีชีวิตอยู่ด้วยการต่อเรือเพื่อออกไปจับปลา ช่างต่อเรือและฝีพายจึงมีจำนวนมากพ่ะย่ะค่ะ”
“แคว้นหลิวยังมีสิ่งใดอีกบ้าง ? ”
ขุนนางอาวุโสทั้งสองเงียบลงพลางครุ่นคิด ยังจะมีสิ่งใดได้อีกกัน ?
แท้จริงแล้วอาณาเขตของแคว้นหลิวใหญ่โตมากยิ่งนัก มีทั้งเซียอี๋ มู่โจว เอ้อหมิงและหมู่เกาะเล็ก ๆ อีกมากมาย
เกาะมู่โจวมีขนาดใหญ่ที่สุดและเมืองหลวงเจียงฮู่ก็ตั้งอยู่บนที่ราบกวนตงแห่งเกาะมู่โจวนี่เอง
ที่ราบกวนตงอุดมไปด้วยข้าว ทว่าได้ยินมาว่าผลผลิตข้าวของประเทศต้าเซี่ยเก็บได้มากถึง 700 ชั่ง เห็นได้ชัดว่าข้าวของแคว้นหลิวยังมิโดดเด่นมากพอ
ส่วนรสชาติของปลาและกุ้งที่เซียอี๋เลิศรสเป็นอย่างยิ่ง ทว่าในฤดูร้อนมิสามารถส่งไปยังดินแดนที่ห่างไกลได้
ยังมีอันใดอีกกัน ?
ขุนนางใหญ่ทั้งสองครุ่นคิด มิว่าอย่างไรก็ต้องยกมาให้องค์จักรพรรดิแห่งประเทศต้าเซี่ย มิเช่นนั้นหากเรือของฝูหล่างจีกลับมาอีกครา ก็เกรงว่าจะถูกยึดครองดินแดนโดยสมบูรณ์
ทันใดนั้นดวงตาของเถิงหยวนชิวก็เปล่งประกายขึ้นมาทันใด ฝ่าบาทยังหนุ่มยังแน่นถึงเพียงนี้ ย่อมต้องชื่นชอบสาวงามเป็นแน่…
“ทูลฝ่าบาท แคว้นหลิวเต็มไปด้วยสาวงามพ่ะย่ะค่ะ ! ”
เฮ่อเถียนรีบรับช่วงต่อ เอ่ยเสริมขึ้นมาว่า “ทูลฝ่าบาท เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ สตรีของแคว้นหลิวจำนวนน้อยมากยิ่งนักที่จะได้เหยียบย่ำเข้าไปในประเทศต้าเซี่ย ทว่าแท้จริงแล้วแคว้นหลิวมีสาวงามจำนวนมาก พวกนางถนัดเรื่องความนุ่มนวลและเชื่อฟังมากยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนสะดุ้งตกใจขึ้นมาทันใด ที่บ้านของข้ามีอยู่ 10 คนแล้ว จะให้เรื่องอย่างนี้มาปนเปื้อนมิได้เป็นอันขาด
เถิงหยวนชิวเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “ฝ่าบาท…การปล้นของพวกฝูหล่างจีครานี้ได้ขโมยสตรีไปถึง 1,000 คน หนึ่งในนั้นคือนักร้องที่ดีที่สุดด้วยพ่ะย่ะค่ะ เฮ้อ ! เจ้าสัตว์ร้ายเหล่านั้น…กระหม่อมชิงชังจนอยากจะฉีกร่างดื่มเลือดของพวกมันเลยล่ะพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ทูลฝ่าบาท กองทัพเรือของฝูหล่างจีต้องกลับมาอีกเป็นแน่ ฝ่าบาทโปรดเมตตาพวกกระหม่อมด้วยเถิด รับแคว้นหลิวเอาไว้เพื่อเหล่าสตรีและเหล่าเด็กน้อยของแคว้นหลิวพ่ะย่ะค่ะ ! ”
เถิงหยวนชิวลุกขึ้นยืน จากนั้นก็คุกเข่าลงเบื้องหน้าของฟู่เสี่ยวกวนดัง ตึง !
เฮ่อเถียนที่เห็นดังนั้น จึงรีบคุกเข่าลงเช่นกัน
“ปึกปึกปึก” ขุนนางทั้งสองพากันโขกหน้าผากลงกับพื้นสามครา “กระหม่อมขอฝ่าบาทปกป้องแคว้นหลิวด้วยพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนยังสามารถเอ่ยอันใดได้อีกกัน ?
แสดงละครมาจนถึงตรงนี้ก็น่าจะพอแล้ว เขาจึงลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เข้าไปประคองขุนนางทั้งสองแล้วเอ่ยด้วยท่าทีจริงจังว่า “เจิ้นรับปากพวกท่านแล้ว รีบลุกขึ้นมาเถิด ! ”
ในที่สุดหัวใจของเถิงหยวนชิวและเฮ่อเถียนที่ถูกแขวนอยู่ก็ถูกปลดลงในที่สุด พวกเขามิได้ลุกขึ้นยืนแต่อย่างใด ทว่ายังคงหมอบอยู่กับพื้นและร้องไห้โฮออกมา
แคว้นหลิวรอดแล้ว !
บัดนี้แคว้นหลิวได้กอดขาของประเทศต้าเซี่ยเอาไว้ ต่อจากนี้ไปก็มิต้องหวั่นเกรงการบุกรุกจากศัตรูต่างแดนอีก !
มาร์ควิสปาเออร์ที่คุกเข่าอยู่อีกด้านตกตะลึงขึ้นมาทันใด มารดามันสิ ! เหตุใดเจ้าพวกต่ำต้อยถึงยอมจำนนง่ายดายถึงเพียงนี้ ?
รอกองทัพเรือตะวันตกของสมเด็จพระราชินีจัดตั้งจนเสร็จสิ้น พวกเขาต้องมาสังหารพวกต่ำต้อยเหล่านี้รวมถึงจักรพรรดิที่มิรู้จักที่ต่ำที่สูงผู้นี้ด้วย… พวกเจ้าต้องกลายเป็นทาสรับใช้ของสมเด็จพระราชินี !