นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 972 หยวนตงเต้า
ตอนที่ 972 หยวนตงเต้า
รัชศกเทียนเต๋อปีที่สาม วันที่ยี่สิบ เดือนเก้า
ในวันนี้ได้กลายเป็นอีกหนึ่งวันที่ต้าเซี่ยต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์
ในท้องทะเลซึ่งอยู่ห่างจากประเทศต้าเซี่ยหลายพันลี้ จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยฟู่เสี่ยวกวนได้จัดการประชุมใหญ่ประจำราชสำนักขึ้นเป็นคราแรกบนผืนปฐพีที่เคยถูกเรียกขานว่าแคว้นหลิว
ในการประชุมใหญ่ครานี้ องค์จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยได้รับผืนปฐพีที่เคยเรียกว่าแคว้นหลิวมาเป็นอีกหนึ่งมณฑลของต้าเซี่ยโดยมีนามว่า หยวนตงเต้า
“หยวนตงเต้าจะถูกแบ่งออกเป็น 7 รัฐ”
“ทั้งเจ็ดรัฐได้แก่…” ณ กลางท้องพระโรง ฟู่เสี่ยวกวนได้หยิบแผนที่ขนาดยักษ์ขึ้นมา บนแผนที่ปรากฏชื่อสถานที่แต่ละแห่งซึ่งถูกเปลี่ยนแปลงเป็นชื่อใหม่ “ทั้งเจ็ดรัฐได้แก่ รัฐตงไห่, รัฐตงซาน, รัฐเป่ยลู่, รัฐซานยิน, รัฐซานหยาง, รัฐหนานปู้และรัฐซื่อไห่”
“แต่ละรัฐเเบ่งออกเป็นหลายเขต ได้แก่…”
“เจิ้นขอแต่งตั้งให้เถิงหยวนชิวซึ่งเดิมรับตำแหน่งขุนนางไท่เจิ้งขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเต้าถายคนแรกเพื่อดูแลรัฐทั้งเจ็ด”
“เจิ้นขอแต่งตั้งเฮ่อเทียนซึ่งเดิมรับตำแหน่งขุนนางเสินจือขึ้นดำรงตำแหน่งอานฝู่ซือ มีหน้าที่เผยแพร่วัฒนธรรมต้าเซี่ยและสั่งสอนให้แก่ราษฎรทั่วไป”
“ส่วนเรื่องของขุนนางในแต่ละเขตนั้น ในครานี้จะทำการคัดเลือกตามแบบฉบับกฎเกณฑ์ของต้าเซี่ย โดยเต้าถายจะนำเสนอรายชื่อขุนนางที่เหมาะสม และเจิ้นจะเป็นผู้คัดเลือกด้วยตนเอง หลังจากได้ขุนนางระดับรัฐแล้ว ขุนนางระดับรัฐเหล่านั้นต้องเสนอรายชื่อขุนนางระดับเขตโดยมีเต้าถายเป็นผู้คัดเลือก”
“การคัดเลือกในครานี้นับว่ากะทันหันมากยิ่งนัก นับจากนี้ราษฎรในหยวนตงเต้าก็นับว่าเป็นราษฎรแห่งต้าเซี่ยด้วยเช่นกันและจำเป็นต้องคัดเลือกขุนนางจากการสอบเคอจี่”
“กฎหมายและนโยบายของต้าเซี่ยจะถูกนำมาใช้ที่หยวนตงเต้าด้วย รอให้เจิ้นเดินทางกลับไปแล้วจะส่งขุนนางระดับสูงมายังสถานที่แห่งนี้ เพื่อสอนพวกท่านทั้งหลายว่าควรปฏิบัติเยี่ยงไร”
“…”
การประชุมใหญ่ประจำราชสำนักที่หยวนตงเต้าในครานี้ใช้เวลาเพียงหนึ่งวันเท่านั้น
ในการประชุมใหญ่ครานี้ ฟู่เสี่ยวกวนได้ประกาศยกเลิกแคว้นหลิวและอำนาจทุกอย่างตกอยู่ในมือของประเทศต้าเซี่ย อีกทั้งยังได้แต่งตั้งขุนนางบางส่วนเอาไว้แล้ว ฟู่เสี่ยวกวนได้มอบเนื้อชิ้นใหญ่ให้แก่พวกเขา…
“เดิมทีต้าเซี่ยมิได้ให้ความสนใจหยวนตงเต้าเลยสักนิด เพราะต้าเซี่ยมีความมั่งคั่งกว่าผู้ใดในใต้หล้า อาณาจักรรุ่งโรจน์ ราษฎรรุ่งเรือง การที่เจิ้นรับราษฎรในหยวนตงเต้าเข้ามาไว้ในความดูแล จุดประสงค์เพื่อป้องกันมิให้พวกท่านถูกรุกรานจากภายนอก นับจากนี้สืบไปเจิ้นจะช่วยพวกท่านปกป้องคุ้มครองผืนปฐพีแห่งนี้เอง ! ”
“เจิ้นจะมอบความรุ่งเรืองและสงบสุขให้แก่ผืนปฐพีของพวกท่าน เจิ้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเศรษฐกิจแห่งหยวนตงเต้าแห่งนี้จะไล่ตามประเทศต้าเซี่ยได้ทันในทุกด้าน อีกทั้งต้องเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่า ! ”
“นับจากนี้สิ่งที่พวกท่านต้องทำก็คือประกาศนโยบายให้แก่ราษฎร พวกท่านทั้งหลายจงไปประกาศด้วยความหนักแน่นว่า นับแต่นี้สืบไปหยวนตงเต้าจะมิถูกบุกรุกจากที่ใดได้อีก ราษฎรทุกคนจะมีชีวิตสงบสุขเฉกเช่นราษฎรในมณฑลอื่น ๆ ของต้าเซี่ย”
การประชุมใหญ่ประจำราชสำนักในครานี้ นับเป็นการประชุมที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด
สำหรับขุนนางหลายร้อยคนที่นั่งอยู่ในการประชุมครานี้ เนื่องจากเชื้อพระวงศ์เดิมได้ถูกสังหารจนสิ้นแล้ว ความเชื่อถือเดิมของพวกเขาที่มีอยู่จึงได้สิ้นสุดลงไปด้วย
บัดนี้มีองค์จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยซึ่งแข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ กองทัพของพระองค์ได้จัดการทำลายล้างชาวฝูหล่างจีอันน่ารังเกียจเหล่านั้นจนสิ้น อีกส่วนหนึ่งก็ตกเป็นเชลย พระองค์ช่างมีความสามารถอย่างแท้จริงและความสามารถนี้ในความคิดของบรรดาขุนนางใหญ่ทั้งหลายนับเป็นความน่าเกรงขามสูงสุด
พวกเขาให้ความเคารพนับถือผู้แข็งแกร่งและองค์จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยก็เป็นผู้แข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ !
การที่ได้รับความคุ้มครองจากองค์จักรพรรดิพระองค์นี้ ทำให้พวกเขาเชื่อจากใจจริงว่าชีวิตจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
ยามเย็น เมื่อเนื้อหาของการประชุมใหญ่ถูกเผยแพร่ออกไป เพียงชั่วพริบตาเดียวชาวบ้านทั้งหลายก็ได้ตื่นขึ้นมาจากความโศกเศร้า ลืมราชวงศ์เดิมที่ถูกปลงพระชนม์ไปจนสิ้น
พวกเขาเฉลิมฉลองและยกย่องจักรพรรดิผู้แข็งแกร่งพระองค์นี้โดยถ้วนทั่ว
……
……
ณ จวนไท่เจิ้ง
ในจวนนั้นทุกคนต่างก็พากันยุ่งอยู่กับหน้าที่ของตนเอง
ราตรีนี้เถิงหยวนชิวเต้าถายคนแรกแห่งหยวนตงเต้า จะทำการจัดงานเลี้ยงรับรองฟู่เสี่ยวกวน
“ทุกคนจงละเอียดและรอบคอบสักหน่อย ในลานนี้จะต้องมิมีฝุ่นผงใด ๆ แม้แต่น้อย จงนำโคมไฟไปประดับให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย บันไดที่นี่มิเท่ากันจงเปลี่ยนใหม่ด้วย”
“อ้อ ! เสาตรงนั้นสีถลอกหมดแล้ว จงทาใหม่เสีย”
“ชุดน้ำชาจงใช้ชุดเครื่องลายครามที่แพงที่สุดของข้า ส่วนใบชา เฮ้อ…ปีนี้มิมีใบชาใหม่เลย คงต้องใช้ชาหยุนวู่จากปีที่แล้วไปก่อน”
“ฮูหยินเชิญพ่อครัวหลวงมากี่คนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“เรียนนายท่าน เชิญมา 6 คนเพราะส่วนที่เหลือได้ยินมาว่าเดินทางออกไปจากเมืองเจียงฮู่แล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าลองดูว่าคนครัวเพียงพอหรือไม่ ? หากมิเพียงพอก็จงไปเชิญพ่อครัวจากหอต่าง ๆ มาเพิ่มเติม”
“รับทราบเจ้าค่ะ”
“เถิงหยวนมู่ เจ้ามัวยืนตกตะลึงอันใดอยู่กัน ? จงไปจัดเตรียมสุรามาเร็วเข้า อีกประเดี๋ยวเมื่อฝ่าบาทเสด็จมาถึง เจ้าจงปรากฏตัวต่อพระพักตร์ฝ่าบาทเสียหน่อย ลองดูว่าจะมีโอกาสเดินทางกลับเมืองกวนหยุนพร้อมกับฝ่าบาทเพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้หรือไม่”
“อ้อ ! แล้วน้องสาวของเจ้าเล่า ? ”
เถิงหยวนมู่ทำความคารวะบิดาแล้วตอบว่า “นาง…ดูเหมือนจะอยู่ในห้องดนตรีขอรับ”
“อ่า…” เถิงหยวนชิวทำท่าทางครุ่นคิด บุตรสาวของตนมีความชื่นชอบในวัฒนธรรมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งดนตรีและการร่ายรำของต้าเซี่ย
ทุกคราที่องค์หญิงยิงฮวาเดินทางกลับมา บุตรีก็จะไปเข้าเฝ้าองค์หญิงยิงฮวาเป็นเวลาเนิ่นนานเพื่อทูลถามถึงเรื่องราวในราชวงศ์อู๋เดิม
แท้จริงแล้วนามของฟู่เสี่ยวกวนในวงการวัฒนธรรมแห่งแคว้นหลิวก็เป็นที่รู้จักกันดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานชุมนุมวรรณกรรม ณ ราชวงศ์อู๋ในครานั้น บทกวีของเขาถูกเผยแพร่เข้ามาในแคว้นหลิวและได้ส่งผลกระทบในวงกว้าง
บุตรีของตนเคารพยกย่องฟู่เสี่ยวกวนจากก้นบึ้งของหัวใจ ในวันนี้เขาจะเดินทางมาที่นี่ คาดว่าบุตรีคงดีใจมากยิ่งนัก ทว่าเขาก็เกรงว่านางจะกระวนกระวายมากจนเกินไป
อืม…เอาเยี่ยงนี้ก็แล้วกัน อีกประเดี๋ยวหากฝ่าบาทยินดี ตนจะให้บุตรสาวบรรเลงเพลงให้เขาฟังสักหนึ่งเพลง ขับร้องกวีที่ฝ่าบาทเคยประพันธ์เอาไว้ หวังว่าฝ่าบาทจะทรงสัมผัสได้ถึงการต้อนรับอันแสนอบอุ่น
เมื่อถึงยามพลบค่ำฟู่เสี่ยวกวนได้พาหลิวจิ่น ไป๋ยู่เหลียนและเป่ยหวังฉวนเดินทางมายังจวนไท่เจิ้ง
จากการต้อนรับและนำทางของเถิงหยวนชิว เขาจึงได้ทำการพิจารณาจวนนี้อย่างละเอียด
สิ่งก่อสร้างในแคว้นหลิวและเมืองกวนหยุนมีความคล้ายคลึงกันเล็กน้อย ทว่ามีบางสิ่งที่ทำให้เขาชื่นชอบมากกว่านั่นก็คือมองดูแล้วช่างละเอียดประณีตมากยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตกแต่งแบบเปิดโล่งนี้ มองดูแล้วช่างสบายตาเสียจริง ภายใต้การตกแต่งด้วยโคมไฟสีแดงสดให้ความรู้สึกสงบสุข
จากการได้สนทนากันในช่วงนี้ เถิงหยวนชิวมิได้มีความประหม่าเยี่ยงในตอนแรกแล้ว เขาพบว่าองค์จักรพรรดิผู้นี้สามารถเข้าหาได้ง่ายกว่าที่คิด
นี่คือจิตวิญญาณของประเทศที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร !
เถิงหยวนชิวได้พาเถิงหยวนมู่บุตรชายของตนมาร่วมเชื้อเชิญฟู่เสี่ยวกวนและคนอื่น ๆ เข้าไปยังห้องรับแขก บนโต๊ะปรากฏอาหารเลิศรสวางไว้มากมาย
เถิงหยวนมู่หยิบขวดสุราขึ้นมาริน ส่วนเถิงหยวนชิวได้เอ่ยขึ้นมาอย่างเคอะเขินว่า “สุราซีซานเทียนฉุนของฝ่าบาทนั้น เดิมทีในพระราชวังก็มีเก็บเอาไว้ ทว่าถูกชาวฝูหล่างจีแย่งไปจนสิ้นแล้ว กระหม่อมจึงทำได้เพียงนำสาเกของหยวนตงเต้ามาต้อนรับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“ในเมื่อเจิ้นเดินทางมายังหยวนตงเต้าแห่งนี้ แน่นอนว่าอยากลิ้มลองรสชาติของสุราขึ้นชื่อที่นี่อยู่แล้ว ส่วนคุณชายท่านนี้คือ… ? ”
“ทูลฝ่าบาท นี่คือเถิงหยวนมู่บุตรชายของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ เขาได้เข้าศึกษาในสำนักศึกษาเจียงฮู่และเพิ่งสำเร็จการศึกษาเมื่อปีกลายพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม…”
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้เอ่ยถามอันใดออกมาอีก แต่กลับเอ่ยว่า “สองวันมานี้เรื่องของขุนนางต่าง ๆ ได้จัดวางไว้เรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ท่านจงดำเนินงานต่อไปอย่างกล้าหาญ ในเมื่อเจิ้นให้อำนาจนี้แก่ท่านแล้วก็อย่าได้เกรงกลัวต่อสิ่งใด อีกสองวันเจิ้นคงต้องออกเดินทาง และปัญหาที่เจิ้นบอกกับท่านเรื่องของท่าเรือราชนาวีก็จงเร่งรีบดำเนินการเสีย…”
ฟู่เสี่ยวกวนยังมิทันได้เอ่ยจนจบ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็จดจ้องไปยังประตูทางเข้า
ตรงประตูมีหญิงสาวหน้าตางดงามสวมใส่ชุดกิโมโนเดินเข้ามา ดวงตาของนางจับจ้องมายังฟู่เสี่ยวกวน
ฟู่เสี่ยวกวนชะงักเล็กน้อย เขามั่นใจว่ามิเคยรู้จักมาก่อน แล้วนางคือผู้ใดกัน ?
“เอ่อ หม่อมฉันเถิงหยวนจี้เซียงเพคะ…”
ฟู่เสี่ยวกวนผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นตกใจ “… ? ”