นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 990 เถิงหยวนจี้เซียง
ตอนที่ 990 เถิงหยวนจี้เซียง
ณ ตรอกต้วนสุ่ยเฉียว เมืองกวนหยุน
อดีตสถานทูตแคว้นหลิว บัดนี้ได้กลายเป็นคฤหาสน์ที่พำนักของยิงฮวา
สถานที่แห่งนี้ฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้ประทานให้แก่ยิงฮวา
เนื่องจากแคว้นหลิวถูกทำลายจนสิ้น สายเลือดราชวงศ์ทั้งหมดถูกชาวฝูหล่างจีสังหารและมีเพียงยิงฮวาเท่านั้นที่รอดชีวิต
นางเพิ่งทราบจากปากของเถิงหยวนจี้เซียงว่าเมื่อตอนที่ชาวฝูหล่างจีบุกโจมตีแคว้นหลิว ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ส่งกองทัพเรือไปช่วยแคว้นหลิวแต่อย่างใด
เรื่องนี้ทำให้นางโศกเศร้าเสียใจเพราะความเจ็บแค้นมากยิ่งนัก ทว่าก็ทำอันใดมิได้
นางเป็นสตรีจากแคว้นหลิวที่เร่ร่อนมาอยู่ต่างถิ่นต่างเมือง
ที่ประเทศต้าเซี่ยเมื่อหันมองไปทางใดก็ไร้ญาติพี่น้อง อย่าว่าแต่จะก่อตั้งแคว้นหลิวขึ้นมาใหม่เลย แม้แต่จะกลับไปยังแคว้นหลิวสักคราก็เป็นไปมิได้เพราะนางเป็นสายเลือดเดียวของราชวงศ์หลิวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ดังนั้นฟู่เสี่ยวกวนจึงมิอนุญาตให้นางหวนคืนสู่แคว้นหลิว
“เขายืมมือชาวฝูหล่างจีทำลายแคว้นหลิว จากนั้นก็ยึดแคว้นหลิวมาจากเงื้อมมือของชาวฝูหล่างจีอีกที… จี้เซียง จิตใจของเขาช่างโหดเหี้ยมมากยิ่งนัก เจ้าอย่าได้หลงกลเขาเป็นอันขาด ! ”
ในห้องทำความร้อน ยิงฮวาและเถิงหยวนจี้เซียงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน จากนั้นยิงฮวาก็เอ่ยอย่างจริงจังว่า “เจ้ายังมิรู้จักเขาดีพอ บทกวีและบทประพันธ์ของเขาล้วนเป็นภาพลวงตา ความชำนาญที่แท้จริงของเขาคือการแสวงหาผลประโยชน์ให้กับประเทศ ! ”
“แต่ว่า…เรื่องสำคัญต่าง ๆ ที่เขาทำตอนยังอยู่ในจินหลิงก็ทำให้ราชวงศ์หยูเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาจริง ๆ ! หากในตอนนั้นฮ่องเต้มิได้วางแผนสังหารเขา ข้าคิดว่าเขาคงยังมิกลับสู่ราชวงศ์อู๋เร็วเยี่ยงนี้หรอก”
“แม้ว่าเขาจะกลับมายังราชวงศ์อู๋ แต่เขาก็ได้วางรากฐานให้แก่ราชวงศ์หยูจนสามารถสร้างป้อมปราการอันสูงชันขึ้นมาได้… ทว่าป้อมปราการที่ราชวงศ์หยูกำลังสร้างขึ้น มินานก็ถูกทำลายลงเสียแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้จะตำหนิฟู่เสี่ยวกวนได้หรือ ? มิใช่ว่าควรจะตำหนิหยูเวิ่นเต้าผู้นั้นที่ไร้ความสามารถหรอกหรือ ? ”
หลายวันที่ผ่านมานี้ เถิงหยวนจี้เซียงศึกษาเล่าเรียนอยู่ตลอด โดยหัวข้อสำคัญที่ศึกษานั้นคือเรื่องราวช่วงชีวิตที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของฟู่เสี่ยวกวน
“พี่ยิงฮวา ข้ารู้สึกว่าท่านเข้าใจเขาผิดในบางเรื่อง”
“อย่างเช่น…เขามิได้ส่งกองเรือรบไปช่วยเหลือแคว้นหลิว เพราะในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับการรวมตัวของต้าเซี่ยและยังเป็นเวลาที่กองเรือรบของฝูหล่างจีเข้าใกล้น่านน้ำของราชวงศ์อู๋อีกด้วย”
“ในฐานะจักรพรรดิ เขาต้องให้ความสำคัญต่อการรวมผืนปฐพีของประเทศต้าเซี่ย เพื่อให้แน่ใจว่าชายฝั่งจะมิถูกโจมตีจากชาวฝูหล่างจี ในตอนนั้นเขามีเรือรบเพียง 6 ลำเท่านั้น ท่านลองคิดดูเถิด หากเขาส่งเรือรบทั้งหกลำไปยังแคว้นหลิว แล้วเขาจะทำลายเรือรบของชาวฝูหล่างจีทั้งยี่สิบลำได้เยี่ยงไร ? ”
“ชาวฝูหล่างจีย่อมยกพลขึ้นบกที่เมืองเจียงอย่างแน่นอน ระยะเวลาเดินทางจากเมืองเจียงมายังเมืองกวนหยุนห่างกันเพียง 2 วันเท่านั้น พี่ยิงฮวา…ท่านลองถามตนเองดูเถิดว่าหากท่านเป็นจักรพรรดิแห่งประเทศต้าเซี่ย ท่านจะมิสนใจผืนปฐพีในอาณาจักรของตนเอง แล้วไปช่วยเหลือแคว้นที่ไร้ความสำคัญเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“นอกจากนี้ เขามิได้ยึดครองแคว้นหลิวเพราะผลประโยชน์ส่วนตน เขาสังหารชาวฝูหล่างจีไป 30,000 คน และยังจับเชลยศึกได้มากถึง 20,000 คนมิใช่หรือ ? ”
คำเอ่ยของเถิงหยวนจี้เซียงทำให้ยิงฮวาเอ่ยมิออก นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็มิอาจหาเหตุผลที่จะมาหักล้างกับอีกฝ่ายได้
สุดท้ายแล้ว นางจึงถอนหายใจอย่างปล่อยวางออกมา “จี้เซียง…เจ้าอย่ามอบหัวใจให้เขาเลย วันรุ่งขึ้นพี่สาวจะออกจากที่นี่เพื่อไปยังจินหลิง ส่วนคฤหาสน์หลังนี้…คงต้องยกให้เจ้าแล้ว”
ใบหน้าของเถิงหยวนจี้เซียงแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย ยิงฮวายังมิรู้ว่านางกลายเป็นสตรีของฟู่เสี่ยวกวนไปแล้ว
“พี่สาวจะไปทำอันใดที่จินหลิงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ยิงฮวายิ้มด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “พี่เคยรู้จักคนผู้หนึ่งที่จินหลิง ทางนั้นได้ส่งจดหมายมาเชิญให้พี่ไปพักที่จินหลิงในระยะยาว”
เถิงหยวนจี้เซียงตื่นตกใจขึ้นมาทันใด “บุรุษเยี่ยงนั้นหรือ ? เห็นได้ชัดว่ามิมีความสุขอยู่บนใบหน้าของพี่สาวเลย เหตุใดต้องทำให้ตนเองกล้ำกลืนฝืนทนด้วยเล่า ? ”
ยิงฮวาจ้องมองเกล็ดหิมะที่ล่องลอยอยู่นอกหน้าต่าง นางเงียบอยู่เนิ่นนานก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าดูหิมะนี้สิ เหมือนดอกยิงฮวาที่ผลิบานในเมืองเจียงฮู่หรือไม่ ? ”
หัวใจของเถิงหยวนจี้เซียงสงบลง องค์หญิงผู้นี้มีความรู้สึกที่หนักอึ้งอยู่ในใจเป็นแน่
“พี่สาว รอ…รออีกสักระยะหนึ่งเถิด แล้วน้องสาวผู้นี้จะกลับไปชมดอกยิงฮวาที่เมืองเจียงฮู่กับท่าน”
ยิงฮวาชงักนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกยิ้มขึ้นมาด้วยความเศร้าหมองพลางเอ่ยว่า “พี่จะมิกลับไปอีกแล้ว เมื่อได้เห็นสิ่งของก็จะทำให้คิดถึงคนที่ล่วงลับไป นอกจากความโศกเศร้าจะมากขึ้นแล้วยังมีประโยชน์อันใดอีกกัน ? ”
“พี่มีผู้ที่ชื่นชอบอยู่ในใจแล้ว ทว่าคนผู้นั้นมิเคยให้พี่เข้าไปอยู่ในใจของเขาเลย เช่นนั้นจะอยู่ที่นี่เพื่ออันใดเล่า ? ”
“สู้ไปให้ไกลเสียดีกว่า ! ”
……
……
วันรุ่งขึ้น ท่ามกลางหิมะตกหนัก เถิงหยวนจี้เซียงยืนอำลายิงฮวาอยู่เป็นเวลานาน พลางครุ่นคิดในใจว่าองค์หญิงยิงฮวางดงามถึงเพียงนี้ เหตุใดบุรุษผู้นั้นถึงมิให้นางเข้าไปอยู่ในใจกัน
คาดว่าคงจะเป็นเยาวชนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีผู้หนึ่ง
ตอนที่นางหันหลังแล้วเดินกลับเข้ามาในเมืองกวนหยุน นางเพิ่งตระหนักได้ว่าตนเองมาอยู่ที่เมืองกวนหยุนได้สองเดือนแล้ว แน่นอนว่าคนผู้นั้นมิเคยมาหานางเลย
ทันใดนั้นนางก็ก้มศีรษะลงช้า ๆ อืม…ดูเหมือนตัวนางเองก็มิเคยได้เข้าไปอยู่ในใจของคนผู้นั้นเช่นกัน
จากนั้นนางก็หัวเราะเย้ยหยันตนเองพลางคิดไปว่าเขาเป็นจักรพรรดิผู้สูงศักดิ์ และยังมีภรรยาที่งดงามมากถึงสิบนาง ในคืนที่เขาพำนักอยู่ในจวนของนางก็เป็นเพียงตัณหาของบุรุษเท่านั้น
คืนนั้นมิได้เกิดขึ้นจากความรัก ทว่าเป็น…ค่ำคืนแห่งการพบกันโดยบังเอิญและน่าปีติยินดีก็เท่านั้น
เถิงหยวนจี้เซียงสงบสติอารมณ์ของตนเอง พลางคิดไปว่าสิ่งสำคัญที่นางมายังประเทศต้าเซี่ยก็เพื่อศึกษาหาความรู้ด้านวรรณกรรมและวัฒนธรรมของประเทศต้าเซี่ย
ส่วนเรื่องในค่ำคืนนั้น ตัวนางยินยอมด้วยความสมัครใจเอง สามารถเป็นเจ้าของตัวเขาได้เพียงราตรีเดียวก็เพียงพอแล้ว
ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของนาง จากนั้นก็เดินตรงไปยังตรอกต้วนสุ่ยเฉียว
ใกล้จะปีใหม่แล้ว ยิงฮวาเอ่ยว่าต้าเซี่ยให้ความสำคัญต่อเทศกาลปีใหม่มากยิ่งนัก จำเป็นต้องซื้อของใช้ในเทศกาลปีใหม่เตรียมเอาไว้ เมื่อถึงเวลานั้นจะได้เชิญพี่ชายเถิงหยวนมู่และท่านปู่เฮ่อเถียนมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน
พี่ชายและท่านปู่เฮ่อเถียนต่างก็รับราชการในสำนักศึกษาฮ่านหลินของต้าเซี่ย คราที่แล้วพี่ชายกลับมาก็ดูมีความสุขมากยิ่งนัก ทั้งยังเอ่ยว่าเขากับท่านปู่เฮ่อเถียนกำลังศึกษาตำราหลี่เสวียด้วยกัน ความหมายของฝ่าบาทก็คือหลังจากที่พวกเขาได้เรียนรู้ตำรานี้อย่างถ่องแท้แล้ว ก็ให้นำบทเรียนในตำราไปเผยแพร่ให้แก่ราษฎรในหยวนตงเต้า
พี่ชายยังเอ่ยอีกว่า ท่านปู่เฮ่อเถียนกำลังจัดทำตำราเกี่ยวกับการสอบคัดเลือกข้าราชการเพื่อนำกลับไปยังหยวนตงเต้า เพราะเหล่าบัณฑิตจำต้องศึกษาสิ่งเหล่านี้อย่างเป็นระบบ เพื่อที่จะได้เข้าร่วมการสอบขุนนางระดับสามของต้าเซี่ยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวนางก็ควรคิดทำอันใดบางอย่างเพื่อหยวนตงเต้าเช่นกัน
อ่า…คิดออกแล้ว ผลผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว มันเทศและเซียงจูอวี๋ห้าวในประเทศต้าเซี่ยยอดเยี่ยมยิ่ง หลังจากเรือขนส่งสินค้าสร้างเสร็จแล้ว เมืองเจียงและหยวนตงเต้าก็จะเปิดเส้นทางให้เรือบรรทุกสินค้าแล่นผ่าน จากนั้นจะได้นำสินค้าเหล่านี้ส่งไปยังหยวนตงเต้าและให้ท่านพ่อผลักดันต่อไป คาดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาปากท้องของราษฎรที่หยวนตงเต้าได้
เสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัยและถนนหนทางคือสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิตของราษฎร ส่วนการทอผ้านั้น…เป็นงานที่ละเอียดอ่อน จะต้องดูก่อนว่าจะมีโอกาสแนะนำหยวนตงเต้าให้กับพ่อค้าผ้าหรือไม่
เถิงหยวนจี้เซียงครุ่นคิดมาตลอดทางว่าประเทศต้าเซี่ยเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งนัก และเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวนางควรทำงานให้หนักยิ่งขึ้นเพราะหยวนตงเต้าสู้ต้าเซี่ยมิได้สักอย่าง
เรื่องการทอผ้าที่หยวนตงเต้าก็มีอยู่แล้ว ทว่าคุณภาพทางการผลิตยังห่างไกลจากประเทศต้าเซี่ยมากยิ่งนัก
การถลุงเหล็กก็มีเช่นกัน แต่เมื่อมาถึงเมืองกวนหยุน จึงพบว่าที่นี่มีการผลิตที่มีประสิทธิภาพกว่ามากนัก
มิต้องเอ่ยถึงเรื่องการแพทย์ อาหาร อาวุธปืน เกลือขาวและอื่น ๆ ของประเทศต้าเซี่ยหรอก
อ้อ ! ได้ข่าวว่าประเทศต้าเซี่ยจะผลิตอาหารกระป๋องที่ยังคงรักษารสชาติเดิมของอาหารได้นานขึ้น ทว่าบัดนี้ยังมิมีขายในท้องตลาด หากมีขายแล้วจะต้องลองชิมดูสักหน่อย
หากสามารถรักษารสชาติเดิมของอาหารได้นานยิ่งขึ้น…เช่นนั้นปลาและกุ้งก็สามารถผลิตเป็นอาหารกระป๋องขายในประเทศได้ใช่หรือไม่ ?
เถิงหยวนจี้เซียงมิรู้ตัวว่าได้พบประตูบานหนึ่งเข้าแล้ว
นางต้องการโอกาสในการเปิดประตูบานนี้ออก และเบื้องหลังของประตูบานนี้คือโอกาสทางธุรกิจอันยิ่งใหญ่ที่นางคาดมิถึงนั่นเอง
ในขณะนี้ ยังมีอีกหลายคนที่ยืนอยู่หน้าประตูบานนี้ด้วยเช่นกัน และพวกเขาก็เกือบจะได้สัมผัสกับบานประตูนี้แล้ว