นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 37 คนชวนโจว
ตอนที่ 37 – คนชวนโจว
เสียงอันคุ้นเคย
มีคนใช้แรงตบประตูเลื่อนโลหะ มีสัตว์ร้ายเหล็กกล้าส่งเสียงคำรามในห้องขังว่า พวกคนใหม่ ยินดีต้อนรับสู่เรือนจำหมายเลข 18!
ชิ่งเฉินลุกขึ้นนั่งบนเตียงไม้แข็ง ๆ มุมปากเผยรอยยิ้มบาง ๆ ออกมา
เขาพูดเงียบ ๆ ในใจว่า พวกคนใหม่ ยินดีต้อนรับสู่เรือนจำหมายเลข 18!
ไม่รู้เพราะอะไร ชั่วขณะที่เขาทะลุกลับมาอีกครั้ง ชิ่งเฉินสัมผัสได้จริง ๆ ถึงความคึกคักและตื่นเต้นในส่วนลึกของจิตใจตนเอง
ที่นี่มีคนที่เขาคุ้นเคย กฏเกณฑ์ที่เขาคุ้นเคย รวมถึงความคาดหวังต่ออนาคต
คล้ายกับว่าเดิมทีเขาก็ควรจะเป็นส่วนหนึ่งของโลกภายใน ไม่ใช่โลกภายนอก
ที่นี่ไม่มีเรื่องราวที่ทำให้เขาไม่อยากระลึกถึง แล้วก็ไม่มีคนที่ต้องแคร์
ตนเองเพียงต้องเดินไปข้างหน้า ที่ไหน ๆ ล้วนเป็นทิศทางใหม่
เขาก้มหน้ามองท้องแขน แต่กลับอึ้งงันไป
นับถอยหลังกลับ 160:20:09
เวลาลบจากที่เขานอนหลับ การนับถอยหลังครั้งนี้ถึงกับเป็นเจ็ดวัน!
นี่มันช่างผิดความคาดหมายเกินไปแล้ว ชิ่งเฉินถึงขนาดเคยชินกับเวลานับถอยหลัง 48 ชั่วโมงไปแล้ว ผลคือกฎเกณฑ์กลับเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
เพราะอะไรล่ะ
มีกฎเกณฑ์อะไร
ดูท่ากฎเกณฑ์การทะลุมิตินี้ยังต้องสำรวจกันต่อไป
ชิ่งเฉินมาถึงหน้าประตูเลื่อนโลหะ ประตูเลื่อนโลหะเปิดออกเสียงดังคล้ายกับว่าต้อนรับเขาอย่างแม่นยำ
เหล่านักโทษที่นอกทางเดินเห็นเขาก็พากันโค้งตัวเล็ก ๆ เอ่ยทักทายด้วยวิธีการโค้งคำนับ
เทียบกับโลกภายนอก ที่นี่จึงคล้ายจะเป็นสนามเหย้าของเขายิ่งกว่า
ชิ่งเฉินยืนนิ่งอยู่ในทางเดิน ทักทายลู่ก่วงอี้ทางไกล อีกฝ่ายเข้าใจทันที
หลังจากหยุดให้นักโทษทุกคนเข้าแถวลงบันได ลู่ก่วงอี้เริ่มลงมือเรื่องการควบคุมนักโทษใหม่ทันที
เขารู้ว่านี่คือความหมายของชิ่งเฉิน
ถึงอย่างนี้จะทำให้ความโกรธเคืองของกลุ่มอำนาจอีกสองกลุ่มยกระดับขึ้น ไม่แน่ว่าวันไหนความขัดแย้งจะปะทุขึ้นมาเพราะเหตุนี้
แต่เขาเข้าเรือนจำหมายเลข 18 ก็เพื่อเบิกทางให้ชิ่งเฉิน
การเป็นตัวเบี้ยก็ต้องมีสำนึกของตัวเบี้ย เบี้ยที่ข้ามแม่น้ำไปแล้วไม่สามารถถอยหลัง*
สำเร็จมีชีวิต ล้มเหลวตาย เกียรติยศทั้งมวลใช้ชีวิตเข้าแลก
ขณะนี้หลี่ซูถงก็ยอมรับการกระทำของลู่ก่วงอี้เงียบ ๆ แล้ว เขาเหมือนคิดจะดูอยู่เหมือนกันว่าชิ่งเฉินวางแผนจะทำอะไร
วันนี้นักโทษใหม่มาเจ็ดคน
ตอนที่ลู่ก่วงอี้จับนักโทษใหม่ หกคนในนั้นเหมือนกับว่าเข้าคุกเป็นหนที่สอง เลือกที่จะยอมรับชะตากรรมตรง ๆ
นักโทษที่มีประสบการณ์ล้วนทราบกระจ่างว่าอดทนผ่านไปก็พอ ถ้าต่อต้านอาจจะยิ่งรับได้ยาก
แต่ทว่าตอนที่ลู่ก่วงอี้จับนักโทษใหม่คนสุดท้าย นักโทษใหม่คนนั้นกลับหลบเลี่ยงไม่หยุด
แต่นักโทษคนนี้บนตัวไม่มีอวัยวะจักรกลสักชิ้น ด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายของคนธรรมดาไหนเลยจะหนีสัตว์ร้ายเหล็กกล้าพวกนี้พ้น?
ตอนที่ลู่ก่วงอี้จวนจะจับเขาได้ นักโทษใหม่ลนลานแล้ว “อย่ายุ่งกะเหล่าจื่อ! เอ็งจับเหล่าจื่อทำไร ปล่อยเหล่าจื่อนะเห้ย!”
หมอนี่พูดพลางวิ่งหนีการจับกุมพลาง ในปากสบถตลอดทาง “เอ็งอย่ามาเจ๋อกับเหล่าจื่อนะเห้ย! เด๊ะเหล่าจื่อตบบ้องหูเอ็งตายเลยไอ้หนุ่ม!”**
ชิ่งเฉิน “???”
สำเนียงชวนโจวแท้ ๆ นี้ทำให้เขาฟังจนอึ้งไปเลย ต้องรู้ว่าโลกภายในไม่ได้มีภาษาถิ่น ประชาชนทั้งหมดล้วนพูดจีนกลางนะ!
ไม่ใช่แค่ชิ่งเฉินที่อึ้งงัน แม้แต่ลู่ก่วงอี้กับพวกก็ล้วนมีใบหน้าสับสน “ไอ้หลาน***เพี้ยนนี่มันพูดอะไรน่ะ พวกนายฟังเข้าใจไหม”
ทุกคนมองหน้ากันตาปริบ ๆ “เข้าใจได้คร่าว ๆ แหละ แต่ไม่ได้เข้าใจทั้งหมด”
ตอนที่ทั่วทั้งโลกล้วนพูดสำเนียงเดียวกัน ดูเหมือนว่าภาษาถิ่นจะแปลกแยกไม่เข้าพวกกันขนาดนี้เลย……
ชิ่งเฉินมีปฏิกิริยาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หมอนี่เป็นผู้ทะลุมิติ!
เนื่องจากจีนกลางที่ตัวชิ่งเฉินเองพูด จีนกลางของเมืองลั่วก็ค่อนข้างเป็นที่นิยม ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ตระหนักเลยว่าที่แท้ภาษาถิ่นจึงเป็นเภทภัยอันใหญ่โตที่สุดที่จะเปิดเผยการคงอยู่ของโลกภายนอก……
ขณะนี้ชิ่งเฉินสามารถจินตนาการได้เลยว่าผู้ทะลุมิติที่มากับภาษาถิ่นสำเนียงเหน่อพวกนั้น จะเผชิญกับสถานการณ์อย่างไร
แต่หมอนี่ที่ปากพ่นภาษาถิ่นชวนโจวออกมาจะทะลุมิติมาถึงเรือนจำหมายเลข 18 ได้อย่างไรล่ะ ตามกฎเกณฑ์ที่ชิ่งเฉินและเหอเสี่ยวเสี่ยวสรุปมาก่อนหน้านี้ ทั้งประเทศมีเพียง 19 เมืองที่ปรากฏผู้ทะลุมิติอย่างหนาแน่น แถมผู้ทะลุมิติเหมือนจะทะลุไปยังตำแหน่งที่แทบจะเหมือน ๆ เดิมกันหมด
ดังนั้นน่าจะเป็นคนของเมืองลั่วจึงจะทะลุมิติมาในเรือนจำหมายเลข 18 นี้สิ
หรือว่ากฎเกณฑ์ที่ตนเองสรุปออกมามีปัญหา? จุดตกของการทะลุมิติเป็นการสุ่ม?
ไม่ถูก จะต้องมีสถานการณ์พิเศษแน่ ๆ
เขามองหลี่ซูถงสามคนที่ชั้นล่าง สีหน้าของสามคนนี้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ละคนล้วนคร่งขรึมขึ้นมา
ชิ่งเฉินรู้สึกว่าขอเพียงอีกฝ่ายไม่ใช่คนโง่จะต้องสามารถรับรู้ถึงอะไรบ้างอย่างในความเปลี่ยนแปลงที่แห่มาเป็นขบวนนี้แน่นอน
คนของโลกภายในรู้ถึงโลกภายนอกเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว เพราะว่าผู้ทะลุมิติเยอะเกินไปแล้ว!
หลี่ซูถงมองดูละครตลกที่อยู่ไม่ไกล หันหน้าไปกล่าวกับหลินเสี่ยวเสี้ยวว่า “ไปจับเขา สอบถามให้ละเอียด รวมทั้งหวงจี้เซียน, หลิวเต๋อจู้ก่อนหน้านี้ด้วย ฉันรู้สึกว่าพวกเขาอาจจะมาจากที่เดียวกัน”
“เข้าใจแล้วครับ” หลินเสี่ยวเสี้ยวเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
ภาษาถิ่นชวนโจวอันมีเอกลักษณ์ทำให้หลี่ซูถงเอาเรื่องราวแปลกประหลาดทั้งหมดที่ปรากฏขึ้นระยะนี้มาผูกโยงกันทั้งหมด
ครั้งนี้เขาไม่ได้นั่งเฉยไม่แยแสอีก ทว่าให้หลินเสี่ยวเสี้ยวลงมือตรง ๆ เลย
พอคำพูดเปล่งออกมา คนชวนโจวก็ล้มไปพร้อมกับเสียง ตกอยู่ในฝันร้าย
หลินเสี่ยวเสี้ยวเดินไปข้างหน้าลู่ก่วงอี้ เอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ไปซะ คนให้ฉัน”
ทว่าถึงจะเผชิญหน้ากับบุคคลอย่างหลินเสี่ยวเสี้ยว ลู่ก่วงอี้ก็ยังกล่าวอย่างหัวแข็งว่า “เจ้านายพวกเราเอ่ยปากถึงจะได้”
ว่าแล้ว ลู่ก่วงอี้หันศีรษะมองไปทางชิ่งเฉินที่ยังยืนอยู่ในเงามืดของทางเดินชั้นสาม
เหล่านักโทษอึ้งกิมกี่ ตัวลู่ก่วงอี้ไม่ใช่เจ้านายเหรอ ยังมีเจ้านายได้ไง
จนกระทั่ง ณ ขณะนี้เอง นักโทษข้างกายลู่ก่วงอี้จึงได้เข้าใจ ที่แท้ชิ่งเฉินไม่ใช่เด็กหนุ่มผู้โชคดีคนหนึ่ง ได้ทำความรู้จักกับหลี่ซูถงโดยบังเอิญ
ตัวของอีกฝ่ายเป็นเทพที่แท้จริงองค์หนึ่ง
แซ่ชิ่ง แล้วยังเป็นเจ้านายของลู่ก่วงอี้!
คิดถึงตรงนี้ นักโทษไม่น้อยที่แอบมีเจตนาร้ายต่อชิ่งเฉินถึงกับตัวสั่นงันงกขึ้นมาทันที
ขอเพียงเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่บนทวีปตะวันออกของโลกภายในก็ไม่มีใครที่สามารถละเลยตัวตนอันร้ายกาจอย่างตระกูลชิ่ง
นี่คือยุคสมัยที่ทุกผู้คนล้วนได้แต่อาศัยอยู่ใต้เงาของห้ากลุ่มการเงินใหญ่
ตอนที่ไม่มีเรื่อง ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างสนุกสุดเหวี่ยง
แต่ตอนที่พบปะกับตัวตนอันร้ายกาจนี้เข้าจริง ๆ ทุกคนจะจดจำขึ้นมาได้ถึงความหวาดกลัวที่เคยถูกกลุ่มการเงินบีบคั้นในชีวิตของตัวเอง
ไม่มีใครสามารถโชคดีเล็ดรอดไปได้
หลินเสี่ยวเสี้ยวมองลู่ก่วงอี้แล้วยิ้มเอ่ยว่า “คุณรู้ตัวตนเจ้านายผมแล้วยังกล้าลุกขึ้นมาขัดขวาง กระดูกแข็งนิดหน่อยนะ ดีมาก”
ชิ่งเฉินไม่อยากให้ลู่ก่วงอี้ลำบาก เขาพยักหน้าส่งสัญญาณให้ปล่อยได้
หลินเสี่ยวเสี้ยวฝ่าฝูงคน ใช้มือเดียวยกคนชวนโจวคนนั้นเดินออกไป
ชิ่งเฉินมองดูประตูเลื่อนโลหะอันหนาทึบบานหนึ่งของเรือนจำค่อย ๆ เลื่อนขึ้นให้หลินเสี่ยวเสี้ยว รอจนอีกฝ่ายผ่านไปแล้วจึงค่อย ๆ เลื่อนปิด
ดูท่าหลี่ซูถงกับพวกถึงกับสามารถมีอิสระในการเข้าออกเรือนจำหมายเลข 18!
แต่ในเมื่อสามารถเข้าออกอย่างอิสระ งั้นเพราะอะไรอีกฝ่ายไม่ไปจากที่นี่ล่ะ
เขาค่อย ๆ ลงบันไดเดินไปนั่งตรงข้ามกับหลี่ซูถง “หลินเสี่ยวเสี้ยวไปไหนแล้ว”
“เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายนิดหน่อย” หลี่ซูถงอุ้มแมวใหญ่เข้าในอ้อมอกกล่าวช้า ๆ ว่า “ถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นการเหนือความคาดหมายอะไร แต่น่าจะเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือจินตนาการของฉัน ในอดีตถ้าข้างกายฉันปรากฏคนที่ตัวตนไม่ชัดเจนมาเป็นชุด ฉันจะนึกว่าอาจจะมีคนสร้างแผนการอันถี่ถ้วน คิดว่าอยากได้อะไรนิดหน่อยจากฉัน แต่ครั้งนี้คล้ายจะไม่เหมือนกัน อีกฝ่ายไม่มีแผนการ แล้วก็เหมือนกับว่า……ไม่มีสมอง”
ชิ่งเฉินหลังจากฟังแล้วเงียบกริบไร้คำพูดไปครึ่งค่อนวัน
เวลานี้ชิ่งเฉินตระหนักว่าเวลาที่ตนเองมีเหลือไม่มากแล้ว
ยังไม่เอ่ยถึงคนบ้านเดียวกันของชวนโจวนั่นไปก่อน แค่หลิวเต๋อจู้คนเดียว เจ้าหมอนี่จะต้องต้านทานการสอบสวนของหลินเสี่ยวเสี้ยวไม่ได้แน่
ก่อนอื่นหลิวเต๋อจู้เป็นแค่นักเรียนในเรือนกระจกคนหนึ่ง พลังใจไม่แข็งแกร่งเลย
อย่างที่สอง หลินเสี่ยวเสี้ยวยังกำสกิลฝันร้ายอันเร้นลับเอาไว้ สกิลอย่างนี้ในกระบวนการสอบสวนดีไม่ดีจะทำให้คนพูดความจริงออกมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็ได้
การที่โลกภายนอกเปิดเผยออกมาเป็นเรื่องแน่นอน แถมจะเร็วมากด้วย
แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้ทั้งนั้น
เขามีโน้ตเพลงของแคนอน แต่เขาทราบชัดมากว่าในการเผชิญหน้ากับหลี่ซูถงซึ่งเป็นบุคคลที่เข่นฆ่าได้อย่างเด็ดเดี่ยว โน้ตเพลงหนึ่งแผ่นไม่อาจแลกอะไรกลับมา
ชิ่งเฉินได้แต่รอ
…………………………….
*กฏการเดินตัวเบี้ยของหมากรุก
**สารภาพว่าช่วงนี้แปลมั่วพอสมควร คือนางพูดไม่ได้พูดจีนกลางไง เราเข้าใจว่ามีศัพท์สแลงท้องถิ่นผสมอยู่หลายคำเลย ซึ่งเราหาความหมายแล้วมันงง ๆ ยังไงไม่รู้เลยแปลเอาความหมายโดยรวมแทน อีกอย่างคืออยากให้ชัดเจนด้วยว่าเขาพูดภาษาถิ่น แต่ตัวเราเองก็คนกรุง จะอีสาน เหนือ ใต้ เหน่อสุพรรณ หรืออื่น ๆ ไม่รู้ภาษาถิ่นสักกะอย่างเลยจ้า เลยออกมาได้แค่นี้
***คนชวนโจวนั่นเรียกตัวเองเป็นพ่อ อีกฝ่ายเลยเกทับกลับเรียกเป็นหลานแม่งเลย
คนแปลก็เข้าใจคร่าว ๆ แต่ไม่ทั้งหมดเหมือนกันจ้า 555
ก่อนหน้านี้เป็นออเดิร์ฟ หลังจากนี้จะเข้าเมนูหลักแล้วค่ะ เรื่องจะเริ่มเข้มข้นขึ้นนับตั้งแต่ที่เวลานับถอยหลังเริ่มเป็นเจ็ดวันนี่แหละ
ตอนที่ 38 – ความลับของชิ่งเฉิน