นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 81
ตอนที่ 81 – ความเปราะบางของชีวิต
เรือนจำหมายเลข 18 ยามราตรีเงียบเชียบดั่งที่เคยเป็นมาเสมอ
ตอนที่ชิ่งเฉินกลับสู่ห้องฝึกฝน หลี่ซูถงกำลังยืนอยู่บนบาร์เดี่ยวอย่างมั่นคง อ่านเครื่องอีรีดเดอร์เงียบ ๆ ข้างในคือแผ่นหมากรุกท้ายเกมที่หลินเสี่ยวเสี้ยวช่วยเขาเอกซ์พอร์ตออกมา
เห็นชิ่งเฉินกลับมา ครูคนนี้ยิ้มกล่าวว่า “ดูสีหน้าแล้วเหมือนจะเจอเรื่องยากนะ?”
ชิ่งเฉินโยน USB ในมือตนเองให้หลินเสี่ยวเสี้ยว จากนั้นกล่าวกับหลี่ซูถงว่า “นี่เป็นโน๊ตดนตรีคลาสสิกที่ผมสามารถหาได้ทั้งหมด น่าจะสามารถแลกกับโอกาสแลกเปลี่ยนหนึ่งครั้งในมือครู”
“อ้อ?” หลี่ซูถงสนใจขึ้นมา “งั้นครั้งนี้เธออยากจะแลกอะไรจากฉันล่ะ ช่วยเธอผ่านด่านยากนี้เหรอ”
ชิ่งเฉินส่ายหน้า “ผมเองเคยพูดแล้วว่าเส้นทางของตัวเองต้องเดินเอง ดังนั้นโอกาสแลกเปลี่ยนที่แลกมาครั้งนี้ ครูก็ติดไว้ก่อนเถอะครับ”
หลี่ซูถงกระโดดลงมาจากบาร์เดี่ยว เพียงแค่ว่าร่างกายอีกฝ่ายลอยอยู่กลางอากาศเบา ๆ ดุจดั่งขนนกที่ไร้น้ำหนักหนึ่งเส้น
ตกถึงพื้นก็ไม่มีเสียงสักนิดเดียว
เขายิ้มกว้างกล่าวว่า “ชีวิตนี้ฉันไม่ได้ติดค้างคนสักเท่าไหร่ ดังนั้นความรู้สึกที่ติดค้างสิ่งของกับคนรับได้ยากจริง ๆ ช่วงเวลานี้เธอรีบคิดเข้าว่ายังต้องการอะไร ให้โอกาสฉันคืนสิ่งที่ติดค้างถึงจะดี”
“ครูยังเคยติดค้างอะไรใครด้วยเหรอครับ” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างอยากรู้
“เคยติดค้าง” หลี่ซูถงยิ้ม “อีกฝ่ายในวันนี้แค้นฉันเข้ากระดูก ไม่ควรจะพบหน้ากันอีกแล้ว หนี้นี้ในชีวิตหน้าของอีกฝ่ายค่อยคืนเถอะ”
ชิ่งเฉินรู้สึกตลอดว่าตรงนี้มีเรื่องเล่า
เพียงได้ยินหลี่ซูถงกล่าวว่า “ครั้งนี้ฉันดูออกว่าเธอเจอะกับความยุ่งยากที่ใหญ่โตแล้ว แต่ฉันจะไม่ช่วยเธอ ถึงเธอจะเอาโอกาสแปลกเปลี่ยนนี้มาแลกกับฉัน ฉันก็จะไม่ช่วย เธอสามารถไม่ขอร้องฉันด้วยสติแจ่มใส ก็แสดงว่าแต่ก่อนนี้ฉันไม่ได้ดูผิด”
ชิ่งเฉินเข้าใจ ช่วยเหลือตนเองตั้งตัวที่โลกภายนอกภายใน แผ่ขยายฐานและสยายปีกของตนเอง เรื่องประเภทนี้หลี่ซูถงจะช่วย
แต่พอพบเจออันตรายเข้าจริง ๆ อีกฝ่ายกลับจะไม่แคร์แล้ว
หลินเสี่ยวเสี้ยวที่อยู่ด้านข้างพึมพำว่า “บอสคุณก็ไม่ทะนุถนอมจริง ๆ เลยนะ รอเขาตายที่โลกภายนอก ผมจะดูว่าคุณปวดใจหรือไม่ปวดใจ”
หลี่ซูถงยิ้ม “บนโลกนี้มีเหยี่ยวชนิดหนึ่งเรียกว่าเหยี่ยวชิงซาน ตอนที่พวกมันเติบใหญ่ แม้แต่ยานลอยฟ้ายังไม่มีหนทางจัดการพวกมัน แต่ตอนที่พวกมันยังเล็กล้วนกำลังขวัญน้อยมาก ไม่กล้าบินขึ้นท้องฟ้า ดังนั้นเหยี่ยวชิงซานที่โตแล้วจะหาจังหวะเวลาที่เหมาะสมจับลูกนกทิ้งลงจากหน้าผา หนึ่งรังเจ็ดตัว ผลักลงหน้าผาทีละตัว”
“ตัวสยายปีกรอด ตัวที่ขี้ขลาดต่อไปจะตกมาตายใต้หน้าผา จากกฎเกณฑ์โดยเฉลี่ย เหยี่ยวชิงซานฟักไข่ประมาณสองรังจะสามารถรอดมาหนึ่งตัว” หลี่ซูถงกล่าวต่อ “แต่ตัวที่รอดมาได้นั้น นับตั้งแต่พริบตาที่มันบินก็จะเป็นจ้าวแห่งท้องฟ้า”
ชิ่งเฉินอยากรู้ “โลกภายนอกไม่มีเหยี่ยวชิงซานชนิดนี้ ร้ายกาจมากเหรอครับ”
“ย่อมร้ายกาจ” หลี่ซูถงหวนรำลึก “แม้แต่มนุษย์ ในสถานการณ์ที่ไม่มียานลอยฟ้าชั้นเอกคุ้มครองก็ไม่กล้าตอแยพวกมัน ปีก่อนโน้นตอนที่ฉันผ่านด่านเป็นตายที่สามไม่ทันระวังไปเข้าเขตแดนของพวกมัน ถูกเหยี่ยวชิงซานหนึ่งตัวในนั้นไล่ล่าไปสามสิบกว่าลี้ เกือบตายอยู่ที่นั่นเลย”
ชิ่งเฉินคิดถึงบุคคลอย่างหลี่ซูถงตอนที่ยังเยาว์วัยก็จะถูกไล่ล่าจนกระเจิดกระเจิง รู้สึกว่ามีความหมายเป็นพิเศษ
เวลานี้ หลี่ซูถงจู่ ๆ กล่าวว่า “ไม่ใช่มีแต่ผู้เหนือมนุษย์ที่หลังจากตายแล้วจะเกิดสถานที่ต้องห้าม แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังบางตัวก็สามารถ อย่างเช่นเหยี่ยวชิงซานชนิดนี้หลังตาย พืชพรรณรอบ ๆ ศพมันล้วนจะทรงพลังยิ่งขึ้น ถึงขนาดพัฒนานิสัยก้าวร้าวออกมา เพราะพืชที่ทรงพลังจะต้องการสารอาหารมากยิ่งขึ้น”
“ตอนนี้มีหนทางสะกดสถานที่ต้องห้ามไหมครับ” ชิ่งเฉินถาม “นี่เหมือนกับสภาวะเพิ่มขึ้นแบบเอนโทรปี* มากเลย ถ้าปล่อยให้สถานที่ต้องห้ามขยายตัว ผ่านไปอีกหลายร้อยปีไม่ใช่ว่าแม้แต่แผ่นดินที่มนุษย์อาศัยอยู่ก็จะไม่มีเหลือแล้วเหรอครับ”
เพิ่มขึ้นแบบเอนโทรปี เอาสถานที่ต้องห้ามโลกภายในเป็นตัวอย่าง หมายความประมาณว่ามันเพิ่มขึ้นอย่างไร้แบบแผนตั้งแต่ต้นจนจบ แต่จะไม่ลดน้อยลงเพราะกฎของธรรมชาติ
จนกระทั่งวันหนึ่ง มันกลืนกินโลกทั้งใบ
กลุ่มตุลาการต้องห้ามก็เพียงแค่สามารถจำกัดความเร็วในการเพิ่มขึ้นของมัน แต่ไม่อาจกำจัดมัน
“ไม่มีหนทางสะกด” หลี่ซูถงกล่าว “นี่อาจจะเป็นหลักการชำระล้างโลก หรือว่ามีวันหนึ่งสิ่งมีชีวิตมหึมาอย่างไดโนเสาร์จะปรากฏบนโลกอีกครั้ง เหยี่ยวชิงซานที่เป็นประเภทนกนักล่าก็คล้ายกับเทอร์โรซอร์** ของยุคโบราณ เวลานั้นโลกจะเป็นอีกโฉมหน้าหนึ่งแล้ว”
“มนุษย์จะอยู่ยังไงล่ะครับ” ชิ่งเฉินถาม
“บางที เวลานั้นจะมีแค่ผู้เหนือมนุษย์จึงสามารถเอาชีวิตรอด” หลี่ซูถงยิ้ม “มนุษย์รู้สึกเสมอว่าตนเองจึงเป็นจ้าวของที่นี่ แต่โลกนี้จะบ่งบอกคุณว่าไม่มีจ้าวที่แท้จริงคงอยู่เลย อยากจะออกไปเล่นกันสักรอบรึเปล่า ฉันพาเธอไปดูสถานที่ต้องห้ามของจริง”
ชิ่งเฉินส่ายหน้า “รอครั้งหน้าเถอะครับครู สองวันนี้ผมจะคิดดูว่าจะตอบสนองกับเรื่องราวหลังกลับคืนยังไง”
หลินเสี่ยวเสี้ยวค้นพบอย่างชัดเจนว่าบนใบหน้าหลี่ซูถงถึงกับปรากฏแววเสียดาย
แต่ได้ยินหลี่ซูถงกล่าวว่า “เธอคิดออกว่าจะตอบสนองยังไงแล้วเหรอ”
ชิ่งเฉินคิดแล้วกล่าวว่า “ฆ่าคน”
“งั้นเธอรู้ว่าฆ่าคนยังไงเหรอ” หลี่ซูถงถาม
“ไม่รู้ครับ แต่ผมสามารถเรียน” ชิ่งเฉินตอบ
หลินเสี่ยวเสี้ยวกับเยี่ยหว่านทอดถอนใจอยู่ข้าง ๆ บทสนทนาของสองคนนี้ช่างตรงไปตรงมาเป็นพิเศษแท้ ๆ
ชิ่งเฉินกล่าวว่า “ผมคิดอยู่วิธีหนึ่ง ก็คือสองวันนี้เยี่ยหว่านกับซ้อมกับผม ให้ผมจดจำทักษะด้านต่อสู้มือเปล่าทั้งหมด อย่างเช่นตอนที่ผมต่อสู้ ปฏิกิริยาทั้งหมดที่ศัตรูทำออกมา แบบละเอียดถี่ถ้วน เกาะกุมจังหวะสำคัญในการต่อสู้ แต่ตอนหลังค้นพบว่าวิธีการน่ะได้ แต่เวลาไม่พอ“
“ก็อย่างที่เธอเล่นหมากรุก ถูกไหม” หลี่ซูถงสีหน้าครุ่นคิด สิ่งที่เรียกว่าละเอียดถี่ถ้วนก็คือวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างถึก ๆ ชนิดหนึ่ง
หมากต่อไปของคนอื่น คุณคิดวิธีตอบสนอง “ทั้งหมด” ออกมา รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในลำดับถัดไปของอีกฝ่าย จากนั้นเลือกทางแก้ที่เหมาะสมที่สุด
ชิ่งเฉินเล่นหมากรุกก็คือการจดจำความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของท้ายเกม พริบตาที่คู่ต่อสู้วางหมาก เขาก็รู้ว่ามีวิธีการตอบสนองมากเท่าไหร่
เยี่ยหว่านถามว่า “มีวิชาหายใจ ยิ่งบวกกับที่ตัวคุณเองฝึกฝนไม่หยุด คุณสมบัติทางกายเป็นขั้นพื้นฐานของทหารแล้ว แต่ถ้าอีกฝ่ายประกอบด้วยอวัยวะจักรกล คุณยังคงไม่มีความได้เปรียบอันใด”
“พอไหม” ชิ่งเฉินถาม
“พอ” เยี่ยหว่านตอบ “แต่ปฏิกิริยาของคุณสามารถตามทันไหม ผมจะบอกว่า หลังจากสมองคุณเข้าใจว่าตนเองมีทางเลือกมากเท่าไหร่แล้ว จะสามารถเลือกอันที่เหมาะสมที่สุดออกมาโดยเร็วจากนั้นร่างกายจะทำปฏิกิริยาหรือไม่”
เวลานี้ หลี่ซูถงเอ่ยขัดว่า “ร่างกายคนมีกระดูกมากมาย กระโหลก 29 ชิ้น กระดูกลำตัว 51 ชิ้น ในนั้นกระดูกสันหลัง 26 ชิ้น กระดูกแขน 64 ชิ้น กระดูกขา 62 ชิ้น”
“ร่างกายตนข้อต่อใหญ่ 12 อัน ข้อต่อเล็ก 210 อัน”
“ร่างกายคนกล้ามเนื้อมีประมาณ 639 มัด พวกมันประกอบด้วยเส้นใยกล้ามเนื้อประมาณ 6 หมื่นล้านเส้น” หลี่ซูถงกล่าว “ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายคนมากยิ่งกว่าหมากรุก ดังนั้นไม่ต้องลองจำความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดอย่างถี่ถ้วนใน 2 วัน อันที่จริง ถ้าจะฆ่าคน หนึ่งกระบวนท่าก็พอแล้ว”
ชิ่งเฉินฟังหลี่ซูถงกล่าวต่อว่า “เยี่ยหว่าน เธอแค่ต้องสอนเขาหนึ่งกระบวนท่า จากนั้นบอกเขาว่าศัตรูจะมีปฏิกิริยากี่ประเภท อย่างนี้จะเรียบง่ายกว่าเยอะ”
เยี่ยหว่านคิด ๆ ดู “บอส หนึ่งกระบวนท่าพอเหรอครับ”
หลี่ซูถงยิ้มเอ่ยว่า “พอแล้ว ถึงยังไงชีวิตเป็นสิ่งที่เปราะบางมาก”
ชิ่งเฉินคิดแล้วกล่าวว่า “สองคืน เวลาอาจจะยังไม่พอ”
หลี่ซูถงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจว่า “งั้นก็เอาพวกนักโทษขังในห้องขังของตัวเองให้หมด เพียงอนุญาตให้พวกเขาออกมาตอนกินข้าว เวลาอื่นล้วนไสหัวกลับไปให้ฉัน อย่างนี้ ตอนกลางวันเธอก็สามารถฝึกฝนแล้ว”
ชิ่งเฉินอึ้งคาที่ ถึงอีกฝ่ายจะบอกว่าไม่ช่วยตนเอง แต่กลับยังคงออกตัวแรงอย่างนี้
………………………………………….
ท่านอาจารย์ปากบอกไม่ช่วย ๆ แต่น้องมีอันตรายจริง ๆ ทีไรวิ่งหน้าตั้งมาเป็นคนแรกตลอดอะ 5555
*เอนโทรปี (entropy) เป็นศัพท์ฟิสิกส์ด้านกลศาสตร์ หมายถึงความไม่เป็นระเบียบไร้แบบแผน กฎของมันคือธรรมชาติจากเข้าสู่เอนโทรปี (ความไร้ระเบียบ) โดยอัตโนมัติตามธรรมชาติ (เอนโทรปีเพิ่มขึ้น) เช่นน้ำแข็งจะละลายเป็นน้ำและระเหยเป็นไอ (ไอน้ำเอนโทรปีมากสุด)
**เทอร์โรซอร์ (pterosaur)
ตอนที่ 82 – อวัยวะสำคัญและไบโอนิก