[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก - ตอนที่ 108 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (31) / ตอนที่ 109 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (32)
- Home
- [นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก
- ตอนที่ 108 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (31) / ตอนที่ 109 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (32)
ตอนที่ 108 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (31)
เมืองซีโจวกลายเป็นเมืองร้างไปเสียแล้ว วิญญาณอาฆาตของเหล่าทหารนับหมื่นยังวนเวียนอยู่นอกเมือง เฝ้ามองเมืองที่พวกเขาต้องปกป้องรักษาจนตัวตายแห่งนี้อย่างเงียบเชียบ
ตันหวายอุ้มเจ้าจิ้งจอกน้อยเดินผ่านสนามรบ ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าประตูเมืองซีโจว
เอ๋อโซ่วเดินเข้ามาหาแล้วเงยหน้าขึ้น ไม่รู้ว่าตันหวายต้องการทำสิ่งใดกันแน่
“เจ้าตามมาทำไมกัน?” ตันหวายก้มลงจ้องมองเอ๋อโซ่ว “อิสรภาพของเจ้า ข้ามอบให้เจ้าไปแล้ว”
“เจ้ากระต่ายแสนฉลาด ข้าแค่กลัวเจ้าจะปลงไม่ตกจนฆ่าตัวตาย” เอ๋อโซ่วแหงนหน้าขึ้นมอง ราวกับรอให้ตันหวายซาบซึ้งใจจนน้ำตาคลอเบ้า
ตันหวายกระตุกยิ้ม “เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล”
เอ๋อโซ่วนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ตันหวายกล่าวอีกว่า “หากเจ้าเพียงแค่อยากติดตามข้า ข้าก็จะไม่ผลักไสเจ้า”
หือ?
เอ๋อโซ่วเงยหน้าขวับขึ้นมา ดวงตาฉายแววตื่นเต้นดีใจ คลอเคลียอยู่บนขาตันหวายโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์
ตันหวายชำเลืองมองมัน พลางกอดเจ้าจิ้งจอกในอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก “ข้าอยากกลับต้าฮวงซานแล้ว ข้าจะบูรณะศาลเจ้าหลังหนึ่ง ข้าอยากจะชมเมืองซีโจวสักหน่อยด้วย”
เอ๋อโซ่วกะพริบตาปริบ กล่าวเสียงเบาว่า “เจ้าช่างไร้เดียงสานัก”
“เข้าไปกันเถอะ” ตันหวายเหลือบมองมันแวบหนึ่ง แล้วก้าวเท้าล่วงหน้าเข้าไปก่อน
เป้าหมายของแคว้นจิ่วเทียนคือทั้งอาณาจักรเทียนจี ฉะนั้นจึงมิได้ใส่ใจเมืองซีโจวอันว่างเปล่าแห่งนี้มากนัก เพียง
ส่งกำลังพลไม่กี่กองมาขีดฆ่าที่นี่ออกจากแผนที่ของจิ่วเทียน
ตอนเข้ามาตันหวายร่ายมนต์พรางตาเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหายุ่งยาก ตั้งแต่ยาในครบถ้วนสมบูรณ์ เขาก็มีพลังอาคมเพิ่มขึ้นมากแล้ว แม้ไม่เท่าโหลวชิงอันตัวจริง แต่ก็ไม่ถูกผู้อื่นข่มเหงรังแกโดยง่าย
ตอนที่มารฝันบังเอิญพบตันหวายก็พลันตกตะลึง พุ่งโฉบเข้ามาสูดดมกลิ่น ทว่าถูกตันหวายตวัดมือฟาดสลายไป เกือบจะผนึกลมปราณของตนไว้ไม่ทันท่วงที
ตันหวายมองมารฝันอย่างเย็นชา ราวกับมองเห็นตัวโง่งมกำลังรนหาที่ตาย
มารฝันถูกเขามองด้วยสายตาเช่นนี้จนบันดาลโทสะ แต่จำต้องเก็บอาการไว้ ก่อนเหลือบมองจิ้งจอกในอ้อมแขนของตันหวาย เอ่ยถามอย่างฉงนสนเท่ห์ว่า “ตัวเจ้าทำไมถึงมีแต่กลิ่นของโหลวชิงอัน?”
ตันหวายเบิกตาขึ้น ขมวดคิ้วกล่าว “เจ้ารู้จักโหลวชิงอัน?”
“ถูกต้องแล้ว” เห็นตันหวายคลายจิตสังหารลง มารฝันก็ชักจะกล้าหาญขึ้นมาบ้าง รีบร้อนกล่าว “หลายวันก่อนเขายังมาซื้อความฝันในชาติก่อนกับข้าตั้งหลายเรื่อง ไม่รู้ว่าช่วงนี้หายหน้าหายตาไปไหน ซีโจวกลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว เจ้าว่าจิ้งจอกเฒ่าพันปีเช่นเขา จะหาความทรงจำของชาติก่อนไปทำอะไรกัน มิใช่ว่าหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ?”
ตันหวายนิ่งทื่อ จิ้งจอกในอ้อมแขนเริ่มดิ้นรนอีกครั้ง ทำเอาเขาเกือบจะอุ้มไม่อยู่
มารฝันมองไม่เห็นสีหน้าบิดเบี้ยวของตันหวาย ยังคงกล่าวกับตนเองว่า “สหายน้อย ข้ายังไม่ทันถาม ยามนี้โหลวชิงอันไปไหนเสียแล้ว?”
ตันหวายผงะถอยหลังอย่างตั้งตัวไม่ติด เขม็งจ้องมารฝันไม่วางตา “เจ้าว่าอะไรนะ เขาซื้อความฝันเกี่ยวกับความทรงจำในชาติก่อน?”
“ถูกต้อง” มารฝันพยักหน้าอย่างลังเล กล่าวอีกว่า “นอกจากครานั้นที่ต้าฮวงซานเมื่อร้อยปีก่อน ข้ายังไม่เคยเห็นเขาเสียอาการถึงเพียงนั้น”
ตันหวายนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เงยหน้าถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านพอมีเวลาหรือไม่ ข้าใคร่อยากฟังเรื่องราวเกี่ยวกับเขาสักหน่อย”
จู่ๆ ตันหวายก็นึกอยากทำความเข้าใจอดีตในชาตินี้ของโหลวชิงอัน แต่ก่อนเขาคิดมาโดยตลอดว่าขอเพียงทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ แต่ตอนนี้เขามีเวลามากมายให้ทำความเข้าใจอดีตของคนคนนั้น
มารฝันส่ายศีรษะเป็นนัยว่าไม่ทำ โหลวชิงอันเป็นใครกัน ไม่เพียงบำเพ็ญเพียรนับพันปี แต่ยังมีสายเลือดของมหาเทพบรรพกาล ใช่เรื่องที่ปีศาจธรรมดาสามัญเช่นมันจะแตะต้องได้หรือ?
เห็นมารฝันไม่เต็มใจ ตันหวายก็ไม่ได้รบเร้ามัน รีบกล่าวคำอำลาเสร็จสรรพก็อุ้มจิ้งจอกหอบเอ๋อโซ่วเดินจากไป
“ระบบ” ตันหวายเม้มปาก “ผมอยากดูอดีตของโหลวชิงอัน”
(การฉายซ้ำความฝันต้องการค่าประสบการณ์หนึ่งร้อยแต้ม ท่านเจ้าของร่างยืนยันคำขอหรือไม่?)
“ยืนยัน”
(หักค่าประสบการณ์หนึ่งร้อยแต้ม คงเหลือค่าประสบการณ์เจ็ดร้อยแปดสิบแต้ม)
เอ๋อโซ่วทำหน้าหวาดผวามองตันหวายพูดพึมพำกับตนเอง สีหน้าหลากหลายเสียจนเอามาทำเป็นคำคมตลกได้หลายภาพทีเดียว
ตอนที่ 109 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (32)
ยามกลับมาถึงต้าฮวงซานอีกครั้ง ตันหวายถึงกับเกิดความรู้สึกเสมือนว่ายิ่งใกล้บ้านยิ่งพะวงใจ
เอ๋อโซ่วเหลียวซ้ายแลขวา บ่นอุบอิบว่า “ภูเขานี้ช่างเปี่ยมชีวิตชีวาจริงเชียว”
ตันหวายถลึงตามองเอ๋อโซ่วเป็นเชิงให้มันปิดปาก ก่อนอุ้มเจ้าจิ้งจอกน้อยเดินเข้าโรงเตี๋ยมที่อยู่ใต้เชิงเขาต้าฮวงซาน
ตอนนี้ตันหวายสามารถหุบปล่อยใบหูของตนตามใจปรารถนาได้แล้ว ทั้งไม่ต้องโพกผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง ทั้งไม่ต้องสวมหมวกหูกระต่ายแสนน่าขัน
เตี้ยนเสี่ยวเอ้อร์เห็นว่ามีแขกมาก็รีบเร่งออกมาต้อนรับ ถึงกับจดจำตันหวายไม่ได้เสียด้วยซ้ำ อย่างไรเสียใครจะไปคิดถึงว่าบุรุษผู้สง่างามหมดจดในยามนี้ คือชายพึลึกที่ท่าทางเหมือนกับขอทานน้อยเมื่อก่อนผู้นั้น
ภายในโรงเตี๊ยมยังคึกคักเช่นเคย แขกหลายคนต่างสะพายห่อผ้า หน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความกลัดกลุ้มใจ
เตี้ยนเสี่ยวเอ้อร์ยกกาน้ำชามาให้ตันหวาย ถามโพล่งขึ้นอีกประโยคว่า “คุณชายก็ลี้ภัยมาเช่นเดียวกันหรือขอรับ?”
“ลี้ภัย?” ตันหวายฉงนฉงาย “ลี้ภัยอะไรกัน?”
“โอ๊ะ?” เตี้ยนเสี่ยวเอ้อร์รีบตบปากตนเองทีหนึ่ง ตอบว่า “ใต้หล้าโกลาหลวุ่นวาย จิ่วเทียนบุกตีตลอดถึงอวิ๋นโจว พลเมืองอวิ๋นโจวหลบหนีกระจัดกระจายไปทุกสารทิศ ผู้คนทั้งหลายต่างลี้ภัยกันมาที่ต้าฮวงซาน”
ตันหวายหลุบตา ตอบรับเรียบๆ คำหนึ่ง ท่ามกลางกลียุค มวลมนุษย์ย่อมแสวงหาที่คุ้มภัยเป็นธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูเขาอันเปลี่ยวร้างเช่นนี้ คนส่วนใหญ่จึงต่างหลบหนีมาลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่
เมื่อดูว่าบริเวณรอบๆ ไม่มีงานอะไรแล้ว เตี้ยนเสี่ยวเอ้อร์เห็นตันหวายอยู่คนเดียว จึงมองหาที่นั่งพักใกล้กับเขาแล้วกระซิบถาม “ลูกค้าอาจไม่ทราบ ได้ยินว่าตลอดหนึ่งร้อยปีมานี้ ต้าฮวงซานเคยมีเทพภูผาอยู่องค์หนึ่ง”
ตันหวายใจกระตุกวูบ เหลือบมองเตี้ยนเสี่ยวเอ้อร์ครู่หนึ่ง ถือว่ายอมรับการดำรงอยู่ของเขาโดยปริยาย
เห็นตันหวายมีทีท่าสนใจ เตี้ยนเสี่ยวเอ้อร์จึงเริ่มคุยจ้อเป็นต่อยหอย
“แต่ก่อนต้าฮวงซานไม่ได้เปลี่ยวร้างเหมือนเช่นยามนี้ ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข ต่อมาภายหลัง กระผมได้ยินว่าเทพภูผาของต้าฮวงซานละเมิดกฎสวรรค์ ฟ้าดินลงโทษ ใครจะรู้ว่าเขากลับหนีหายไป โทษทัณฑ์ก็เลยมาตกลงที่…เหวอๆๆ ลูกค้าท่าน…” เตี้ยนเสี่ยวเอ้อร์มองดาบที่พาดอยู่บนคอของตนพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่เข้าใจว่าแขกที่เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่ทำไมจู่ๆ ถึงพาดดาบบนคอเขาเสียได้
ตันหวายยิ้มเยาะ ชักดาบกลับมาแล้วเตือนเขาอย่างเยือกเย็น “ในเมื่อฟังข่าวลือไม่มีมูล ก็อย่าเที่ยวพูดส่งเดช”
เตี้ยนเสี่ยวเอ้อร์ตัวสั่นเทิ้ม รีบพยักหน้ารับทันที
ตันหวายกวาดสายตามองแขกในโรงเตี๊ยม กล่าวเสียงกังวานว่า “นับจากนี้พวกท่านมาต้าฮวงซาน ย่อมจะมีเทพภูผาปกปักคุ้มครอง ข้าจะบูรณะศาลเจ้าเทพภูผา อุทิศให้ทุกท่านกราบไหว้บูชา”
พูดจบก็ไม่รอให้ทุกคนตอบรับ ตันหวายล่วงหน้าออกจากโรงเตี๋ยมไปก่อนแล้ว
ก่อนที่ระบบจะเชื่อมต่อเข้าสู่อดีตของโหลวชิงอัน ตันหวายไม่คาดคิดมาก่อนว่าแท้จริงแล้วศาลเจ้าเทพภูผาที่เขาอาศัยอยู่ตอนแรกคือศาลเจ้าของโหลวชิงอันในอดีต ยิ่งคาดคิดไม่ถึงว่าเขาเคยช่วยชีวิตตนไว้ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว
เห็นชัดๆ ว่าโหลวชิงอันทำเพื่อพวกเขาตั้งมากมาย ทำไมพวกเขาถึงได้ปรักปรำเขาอย่างไร้จิตสำนึกเช่นนี้!
กาลเวลาล่วงเลยมาร้อยปี คนเหล่านั้นล้วนกลายเป็นกองเถ้ากระดูก ปลิวละล่องในท่ามกลางฝุ่นธุลี เขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงอดีตได้ เขารู้เพียงว่าศาลเจ้าเทพภูผาแห่งนี้ นับจากนี้ไปจะต้องมีผู้คนมากมายมากราบไหว้บูชาอย่างแน่นอน
ผู้คนเดินทางมายังต้าฮวงซานมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ศาลเจ้าเทพภูผาบนยอดเขาบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่จนเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ผู้คนที่มายังที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนมาจากต่างถิ่น ไม่รู้จักตำนานเล่าขานของอดีตเทพภูผาดังกล่าว เนื่องด้วยคำขู่ของตันหวาย เตี้ยนเสี่ยวเอ้อร์จำต้องปิดปากเงียบกริบ ทุกคนจึงมักจะมาที่นี่เพื่ออธิษฐานขอพรเป็นประจำ
ศาลเจ้าแห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ขอเพียงเป็นผู้มีจิตกุศลมากราบไหว้บูชา ย่อมสำเร็จสมหวังดังใจปรารถนา ข่าวคราวของเทพภูผาศักดิ์สิทธิ์แห่งตาฮวงซานแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว
เอ๋อโซ่วยกอุ้งเท้าตะปบดึงใบอธิษฐานบนพื้น พอเห็นตัวอักษรบนกระดาษสีเหลืองแล้วก็อึ้งจนพูดไม่ออก
“ไก่บ้านนางถูกขโมยเจ้ายังต้องยุ่งอีกรึ?”
ตันหวายตอบอืมคำหนึ่ง มือซ้ายอุ้มจิ้งจอกไม่ห่างมือ มือขวาเลือกหยิบคำอธิษฐานสำคัญมาบันดาลพรก่อน
ยามนี้ควันธูปในศาลเจ้าเทพภูผานับวันยิ่งโหมกระพือไปทั่ว รูปปั้นจิ้งจอกเบื้องหน้าศาลเจ้าก็ถูกแกะสลักขึ้นใหม่ ความอึกทึกคึกคักของต้าฮวงซานราวกับฟื้นคืนกลับมาเฉกเช่นแต่ก่อน
เอ๋อโซ่วเหลือบมองรูปปั้นจิ้งจอกหน้าศาลเจ้า เขย่าตัวตันหวายเบาๆ “เอาอย่างนี้สิ เจ้าก็สร้างรูปปั้นของเจ้าอีกอัน เอามาตั้งเข้าคู่กันพอดี”
ความรู้สึกของตันหวายแม้เอ๋อโซ่วจะไม่อาจเข้าใจ แต่พอรับรู้ได้บ้างไม่มากก็น้อย คิดในใจว่าคนทั้งสองช่างอาภัพอับโชคโดยแท้ น่าเสียดายนัก