[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก - ตอนที่ 118 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 6) / ตอนที่ 119 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 7)
- Home
- [นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก
- ตอนที่ 118 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 6) / ตอนที่ 119 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 7)
ตอนที่ 118 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 6)
ตันหวายออกมาจากโรงอาหาร ในใจยังหวั่นไหวเล็กน้อย ในขณะที่หวั่นไหวก็รู้สึกหวาดหวั่นด้วยนิดหน่อย ทำไมคราวนี้ดูเหมือนว่าไป๋เยว่จะอายุน้อยกว่าเขา คงไม่ได้เข้าใจผิดหรอกนะ อย่างไรเสียคนมีไฝบนเปลือกตาแม้จะมีไม่มากนัก แต่ก็มีอยู่เช่นกัน
เพียงแต่ไฝบนเปลือกตาอาจหลอกลวงกันได้ ทว่าความรู้สึกยามพบเจอคนคนนั้นไม่ใช่เรื่องหลอกลวงจริงๆ ตันหวายยังคงหวาดหวั่นกับความปิติยินดีลึกๆ ในหัวใจ ถึงอย่างไรอาจารย์กับนักเรียนอะไรเทือกนั้น ฟังดูแล้วช่างสะเทือนอารมณ์เหลือเกิน
(ท่านเจ้าของร่าง สีหน้าท่านตอนนี้ทะลึ่งจนอยากจะตั๊นหน้าท่านเต็มที)
ตันหวายถุยน้ำลายทีหนึ่ง กล่าวอย่างได้ใจว่า “พวกโสดขึ้นคานอย่างคุณไม่เข้าใจหรอก”
ระบบ (…)
เอ็งไปไกลๆ ส้นเท้าข้าเลยไป ข้าไม่เข้าใจตรงไหน สมัยข้ามีคนรักเอ็งยังเป็นเด็กไม่หย่านมอยู่เลยเถอะ
ช่วงบ่ายไม่มีคาบเรียนของตันหวาย พอเก็บข้าวของในห้องพักครูเสร็จเรียบร้อย ตันหวายก็เดินไปตามถนนสายเล็กในรั้วมหาวิทยาลัยด้วยอารมณ์แจ่มใส
ทิวทัศน์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้สวยงามยิ่งนัก ดอกไม้ตามฤดูกาลทุกชนิดปลูกไว้ทั่วบริเวณมหาวิทยาลัย ทั้งยังได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่งดงามที่สุด
ห้องพักครูของคณะแพทยศาสตร์อยู่ห่างจากประตูใหญ่พอสมควร ตันหวายยังเดินไม่ทันถึงครึ่งทางก็ถูกใครบางคนสะกิดไหล่เบาๆ
เหลียวหลังมามอง เป็นกงฉือ
กงฉือกำลังมองเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ในมือยังถือชานมร้อนเอาไว้อีกสองแก้ว
“แหม อาจารย์ฮั่ว บังเอิญจังเลย พวกเราเจอกันอีกแล้ว”
ตันหวายตื่นตะลึงระคนดีใจ ทว่าสายตากลับหยุดชะงักเมื่อมองเห็นชานมร้อนสองแก้วในมือของกงฉือ ชานมอะไรพวกนี้แต่ไหนแต่ไรมีแค่ผู้หญิงที่ชอบกิน แถมเขายังถือมาตั้งสองแก้ว เห็นได้ชัดว่าซื้อให้คนอื่น
ตันหวายหรี่ตา ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
กงฉืออ่านสายตาของตันหวายไม่ออก ยังคงยิ้มหน้าระรื่น ก่อนจะยื่นชานมแก้วหนึ่งที่ถือเอาไว้ยัดใส่มือของตันหวาย กงฉือกล่าวว่า “ช่วงนี้ลมแรง ดื่มชานมร้อนๆ สักแก้วให้มืออุ่นดีกว่าครับ”
ตันหวายพลันตกตะลึง อารมณ์ดีขึ้นมาจนน่าแปลกใจ แต่ยังวางฟอร์มถามว่า “คุณให้ผมแล้ว งั้นอีกคนจะทำอย่างไรล่ะ?”
กงฉือตะลึงงัน เอ่ยปากถามทันทีว่า “ใครเหรอครับ?”
ตันหวายชี้ไปยังชานมในมือของตน แล้วชี้ไปยังอีกแก้วหนึ่งที่กงฉือหิ้วไว้ “คุณซื้อชานมให้ใครก็หมายถึงคนนั้นแหละ”
กงฉือนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนเอามือลูบจมูกอย่างเขินอาย “ซูเปอร์ขายแก้วที่สองครึ่งราคา ผมเห็นว่าถูกดีก็เลยซื้อเพิ่มอีกแก้ว”
ตันหวายที่ได้ยินประโยคนี้ก็นิ่งอึ้งไปเช่นกัน อารมณ์ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะกล่าวขอบคุณกงฉือ
ถึงแม้อาจารย์จะรับของจากนักเรียนไม่ได้ แต่ว่านักเรียนคนนี้เป็นคนรักของตนก็จะยอมอนุโลมให้แล้วกัน
“อาจารย์ฮั่วจะไปไหนหรือครับ?” กงฉือเดินเคียงข้างกับตันหวาย แสร้งทำเป็นถามอย่างไม่ใส่ใจ
“กลับบ้าน” ตันหวายดูดไข่มุกคำหนึ่งพลางพูดงึมงำ
กงฉือพยักหน้าตอบรับ สายตามองตรงไปข้างหน้า ทว่าคอยลอบมองตันหวายด้วยหางตาอย่างเงียบๆ
ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาที่ไม่ค่อยหลับฝันจู่ๆ ก็เริ่มฝันถี่ขึ้นทุกวัน ภายในฝันมักจะเห็นใบหน้าคนคนหนึ่ง ใบหน้านั้นเลือนรางพร่ามัว ทำให้เขาสับสนอย่างยิ่ง จนกระทั่งวันนี้ได้พบกับฮั่วหมิงเยว่ในห้องพักครู ใบหน้าในฝันของเขาก็พลันกระจ่างชัดขึ้นมาทันใด ทำให้เขาใจเต้นโครมคราม อยากจะใกล้ชิดคนคนนี้อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
คนทั้งสองเดินมาถึงประตูใหญ่โดยไม่ทันรู้ตัว พอออกจากประตูมาก็เจอกับเจี่ยงหลีที่ยืนพิงรถสูบบุหรี่อยู่
เจี่ยงหลีเห็นทั้งคู่พูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกันก็พลันตะลึงงัน ก่อนขยี้ก้นบุหรี่ดับ สาวเท้าเดินเข้าไปรับกระเป๋าถือในมือของตันหวาย
ตันหวายสีหน้าเย็นชาลงทันทีทันใด พลางเม้มริมฝีปากหลบหลีกมือของเจี่ยงหลี
กงฉือหรี่ตามองคนทั้งคู่ที่ทำตัวแปลกๆ ไม่รู้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกัน
เจี่ยงหลีชักมือกลับไปอย่างแข็งทื่อ แล้วหันไปยื่นมือให้กงฉือพลางกล่าว “สวัสดีครับ ผมเป็นคนรักของฮั่วหมิงเยว่”
รอยยิ้มบนใบหน้าของกงฉือเลือนหายไป สายตาที่มองมายังตันหวายเจือแววน้อยใจระคนสงสัย
ตอนที่ 119 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 7)
สายตาของกงฉือทำเอาตันหวายเจ็บปวดหัวใจ เขาปรายตามองเจี่ยงหลีอย่างเย็นชา เปิดประตูรถโดยไม่ปริปากพูดสักคำ ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างเฉยเมย “มารับผมไม่ใช่หรือไง?”
เจี่ยงหลีตะลึงงัน ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว
ตันหวายยิ้มหยัน หันไปกอดอกมองเจี่ยงหลี “ทำไม ชู้รักของคุณสูบไอคิวคุณไปหมดแล้วเหรอ?”
กงฉือขมวดคิ้ว สายตาที่จ้องมองเจี่ยงหลีฉายแววพินิจพิเคราะห์
เจี่ยงหลีสีหน้าซีดเผือดจนน่ากลัว ก่อนกระตุกมุมปาก “ถ้าจะหยอกเล่นพวกเรากลับไปหยอกกันที่บ้านดีกว่า”
ตันหวายแค่นหัวเราะ เข้าไปนั่งลงบนเบาะหลังรถ เห็นชัดว่าไม่อยากจะใส่ใจคนตรงหน้า
กงฉือสีหน้าอ่อนลง สายตาที่จ้องมองตันหวายเจือแววห่วงใยจางๆ
ทอดมองรถที่เคลื่อนห่างออกไปเรื่อยๆ กงฉือเม้มริมฝีปาก แววตาเต็มไปด้วยความความสับสน เขาแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ?
แม้ว่ากงฉือจะขึ้นปีสามแล้ว แต่สองปีก่อนเขาทำกิจกรรมอยู่แค่ในคณะธรณีวิทยามาโดยตลอด ไม่ค่อยรู้จักคนในคณะแพทย์มากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ารู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับอาจารย์ในคณะแพทย์บ้าง หากไม่ใช่เพราะครั้งนี้มีกิจกรรมร่วมกันระหว่างทั้งสองคณะ เกรงว่าเขาจะไม่มีวันได้ล่วงรู้ว่าคนที่ตนเฝ้าตามหาอยู่ใกล้ตัวนี่เอง
บรรยากาศภายในรถหนักอึ้ง เจี่ยงหลีบังคับพวงมาลัยโดยที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สมองฟุ้งซ่านสับสนไปหมด
เจี่ยงหลี “เมื่อกี้คุณพูด…”
“ผมแค่หยอกเล่นน่ะ” ตันหวายตัดบทสนทนาของเจียงหลี กล่าวอย่างมีนัยแฝงว่า “คุณคงไม่ได้คบชู้จริงๆ หรอก”
เจี่ยงหลีตัวแข็งทื่อ จากนั้นก็ผ่อนลมหายใจแล้วหัวเราะกล่าว “ผมนึกว่าคุณสงสัยผมเสียอีก”
เคาะนิ้วลงบนกระจกรถสองสามที ตันหวายคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “พวกเราแต่งงานบังหน้าตั้งแต่แรกแล้ว คุณจะนอกใจหรือเปล่ามันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ?”
เจี่ยงหลีไม่กล่าวตอบ แม้กระทั่งเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรตนถึงกลัวฮั่วหมิงเยว่จะรู้เรื่องที่เขากับไช่ซือชิงแอบคบชู้กันขนาดนั้น
มันเป็นเพียงการแต่งงานบังหน้าเท่านั้น พวกเขาต่างยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย และตนไม่ได้ตีตราจองเขา ไม่มีใครรู้สึกผิดต่อใคร ทว่าเขายังคงหวาดหวั่นในใจอยู่ดี
ไช่ซือชิงเสนอแนะให้เขาสารภาพกับฮั่วหมิงเยว่ตั้วหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็ยังฝืนใจทำไม่ลงสักที
กลิ่นชาเขียวอันเข้มข้นฟุ้งตลบไปทั่วตัวรถในฉับพลัน ตันหวายสีหน้าเปลี่ยนทันใด รีบฉวยเอายากักเก็บกลิ่นจากกระเป๋าติดตัวออกมาฉีดให้กับตนเอง พร้อมทั้งหยิบน้ำหอมในรถขึ้นมาฉีดพ่นไปในอากาศ
กลิ่นชาเขียวถูกน้ำหอมกลบลงจนหมดสิ้น เจี่ยงหลีพลันรู้สึกเสียดายนิดหน่อย อันที่จริงเขาไม่ได้รังเกียจกลิ่นชาเขียวอะไรอย่างที่เขาบอกไว้เลย ตอนนั้นทำไปเพียงเพื่อให้ฮั่วหมิงเยว่ตัดใจจากเขาก็เท่านั้นเอง
ตันหวายกลบกลิ่นฟีโรโมนของตนรวดเร็วขนาดนี้ไม่ใช่เพราะเห็นใจเจี่ยงหลีที่เป็น ‘ภูมิแพ้’ กับตนเองแต่อย่างใด ถ้าหากเป็นไปได้ เขายิ่งหวังว่าเจี่ยงหลีจะสำลักกลิ่นเขาตายไปซะเลย
เพียงแต่อัลฟ่าส่วนใหญ่ล้วนเป็นสัตว์ที่คิดแต่เรื่องใต้สะดือ ตันหวายไม่กล้าเอาความบริสุทธิ์ของตนเองไปเสี่ยงอย่างเด็ดขาด ไม่แน่ว่าการกระตุ้นเพียงครั้งเดียวอาจจะทำให้เจี่ยงหลีคลุ้มคลั่ง ถึงเวลานั้นโอเมก้าผู้ ‘บอบบาง’ เช่นเขาก็ไม่มีทางเอาชนะอัลฟ่าผู้แข็งแกร่งได้
ต่อมด้านหลังต้นคอเริ่มเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง ตันหวายเอามือนวดคอตัวเองอย่างหงุดหงิด คิดว่าการเป็นโอเมก้าช่างทุกข์ทรมานเสียเหลือเกิน โอเมก้าที่เปราะบางขนาดนี้ไม่เหมาะกับบุคลิกของเขาเลยสักนิดเดียว
ว่ากันว่าโอเมก้าเป็นเบี้ยล่างโดยกำเนิด…เดี๋ยวก่อน เป็นเบี้ยล่างโดยกำเนิด?
ตันหวายยืดตัวนั่งตรง ร่างทั้งร่างชักจะอาการไม่ดีเสียแล้ว หากในโลกนี้เขายังต้องอยู่ข้างล่าง แล้วเมื่อไหร่เขาจะได้เอาคืนบ้าง?
ถ้าอย่างนั้น…ตกลงแล้วกงฉือเป็นอัลฟ่า หรือว่าเบต้า หรือว่าจะเป็นโอเมก้าเหมือนกัน?
เปิดเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยอย่างเงียบๆ บรรดาอาจารย์ในระบบมีสิทธิตรวจสอบข้อมูลพื้นฐานของนักศึกษาทั้งหมดได้
จริงๆ แล้วข้อมูลของกงฉือค้นเจอได้ง่ายดาย เขาเป็นประธานคณะกรรมการนักศึกษาของคณะธรณีวิทยา จึงย่อมจัดไว้เป็นอันดับแรก
ตันหวายสูดหายใจลึก สายตาไล่อ่านข้อมูลไปทีละบรรทัด ในที่สุดสายตาก็หยุดอยู่ตรงหัวข้อเพศสภาพ บนนั้นเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ‘เบต้า’
ตันหวายหรี่ตา ถอนหายใจอย่างผิดหวังเล็กน้อย ถ้าหากเป็นโอเมก้าเขายังพอมีโอกาสแก้ตัวได้บ้าง แต่ถ้าหากเป็นเบต้า…
ในขณะที่วิตกกังวล มือถือในกระเป๋าของตันหวายก็ส่งเสียงแจ้งเตือน พอตันหวายหยิบมือถือมาเปิดดู ก็เห็นข้อความส่งคำขอเป็นเพื่อนในวีแชท
กง : [กงฉือ]