[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก - ตอนที่ 120 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 8) / ตอนที่ 121 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 9)
- Home
- [นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก
- ตอนที่ 120 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 8) / ตอนที่ 121 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 9)
ตอนที่ 120 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 8)
จ้องมองโทรศัพท์เขม็งอยู่เป็นนานสองนาน จนกระทั่งเจี่ยงหลีจอดรถสนิท เดินมาเปิดประตูรถให้ตันหวาย ตันหวายจึงค่อยรู้สึกตัวพลางกดตอบรับอย่างรีบๆ
ยืนรอสองนาทีโดยไร้การตอบสนองจากอีกฝ่าย เจี่ยงหลีเอ่ยเร่งอีกครั้งอย่างชักจะหมดความอดทน ตันหวายจึงรีบเก็บโทรศัพท์แล้วก้าวลงมาจากรถ
ภายในบ้านไร้ซึ่งบรรยากาศอบอุ่น ห้องรับแขกเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่กลับปกคลุมไปด้วยละอองฝุ่นหนาเตอะบนพื้นผิว เห็นชัดว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ไม่ได้ทำความสะอาดมันเป็นเวลานานแล้ว
เจี่ยงหลีเปิดสวิตช์ไฟ อยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ตันหวายไม่ให้โอกาสเขาแม้แต่น้อย เพียงเหยียดกายบิดขี้เกียจแล้วเดินตรงเข้าห้องนอนของตนทันที
กลิ่นชาเขียวภายในห้องนอนยังไม่จางหาย ตันหวายขมวดคิ้วมุ่นพลางทอดถอนใจ คิดว่าช่วงนี้ตนคงจะกินอาหารรสชาเขียวไม่ลงไปอีกสักพัก
ตันหวายล็อกประตู ก่อนเปิดมือถือดูประวัติการโทรย้อนหลัง เมื่อหาชื่อฮั่วหมิงเจอก็กดโทรออกทันใด
“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว” น้ำเสียงจากปลายสายฟังดูค่อนข้างรำคาญ “มีอะไรก็ว่ามา”
ตันหวายกำโทรศัพท์แน่นขึ้นอีกโดยไม่กล่าวตอบ
ปลายสายนิ่งเงียบไปสักครู่ ก่อนเอ่ยถามอย่างห่วงใย “เกิดเรื่องขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
ตันหวายพูดไม่ออก อยู่ดีๆ ก็อยากร้องไห้ ถึงเขาจะรู้ว่าความรู้สึกนี้ถ่ายทอดจากเจ้าของร่างเดิมมาสู่ตัวเขา แต่เขาก็คิดว่าความรู้สึกนี้ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก
“พี่…” ตันหวายเอ่ยปากแผ่วเบา
ปลายสายน้ำเสียงเคร่งขรึม กล่าวอย่างโกรธขึ้งว่า “ไอ้สารเลวเจี่ยงหลีมันรังแกนายไช่ไหม?”
ตันหวายพลันรู้สึกอุ่นใจ ก่อนเอ่ยขึ้นช้าๆ “เปล่าหรอก ผมแค่อยากขอให้พี่ช่วยอะไรสักอย่าง”
ปลายสายนิ่งเงียบไปสักครู่ สุดท้ายก็ส่งเสียงตอบรับเบาๆ ถามว่า “เรื่องอะไร?”
“ผมอยากให้พี่ช่วยตรวจสอบยาคุมกำเนิดเข็มหนึ่ง ดูว่ามีอะไรผิดปกติไหม”
“ยาคุมกำเนิด?” ปลายสายพลันตกตะลึง “ยาคุมกำเนิดของนายมีปัญหาหรือ?”
“อืม” ตันหวายรับคำอ้อมแอ้ม “เข็มอื่นผมยังไม่แน่ใจ พรุ่งนี้ผมจะส่งของไปให้พี่นะ”
“ตกลง”
หลังจากทั้งคู่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอีกหลายประโยคจึงค่อยวางสาย ตันหวายตกใจเมื่อพบว่ากงฉือส่งข้อความมาหาเขาเป็นกระบุงทีเดียว
[อาจารย์ผมกงฉือนะครับ]
[อาจารย์ทำอะไรอยู่เหรอครับ?]
[อาจารย์ยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ?]
[ลืมมันเถอะครับ อาจารย์คงจะยุ่งอยู่สินะ]
ตันหวายมองดูห้องแชทที่ไม่มีการตอบรับใดๆ พลางเหม่อลอยอยู่เนิ่นนาน เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ฮั่วหมิงเยว่กำลังทำอะไร กำลังอยู่ด้วยกันกับสามีของเขาหรือเปล่า
มือกำหมัดแน่นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ จนกระทั่งรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่อุ้งมือ กงฉือจึงค่อยได้สติกลับคืนมา
ห้องพักคอนโดเป็นห้องเดี่ยว ท้องฟ้ามืดลงเรื่อยๆ แต่ดวงไฟภายในห้องกลับยังไม่สว่างขึ้น
กงฉือค่อยๆ ผุดลุกขึ้นยืน จู่ๆ ก็รู้สึกหิวนิดหน่อย ข้างในตู้เย็นยังเหลือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปห่อหนึ่งที่ถึงวันหมดอายุพอดี
ขณะที่กำลังเปิดไฟ วีแชทก็พลันส่งเสียงแจ้งเตือนบนมือถือ กงฉือตาเป็นประกาย ถลาพรวดเข้าไปหยิบมือถือที่โต๊ะขึ้นมาโดยไว
hmy : [สวัสดีนักเรียนกงฉือ]
กงฉือค่อยๆ ผุดรอยยิ้ม จ้องมองประโยคนี้ราวกับว่าจ้องเท่าไหร่ก็ไม่พอ
[ผมไม่ได้ยุ่งอะไร คุณกินข้าวหรือยัง?]
กงฉือตะลึงงัน เหลือบมองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในมือของตน แล้วรีบพิมพ์ข้อความด้วยท่าทางน่าสงสารทันใด
กง : [ยังครับ วันนี้ยุ่งมากเลย สงสัยคงต้องอดข้าวซะแล้ว? (ร้องไห้ jpg.) ]
ตันหวายที่อยู่อีกฟากหนึ่งกำโทรศัพท์พลางขมวดคิ้ว คิดว่าชีวิตของกงฉือช่างไม่มีแบบแผนเอาเสียเลย ต้องเปลี่ยนแปลง!
hmy : [นักเรียนกงฉือ คุณต้องกินข้าวด้วยนะ เดี๋ยวผมจะสั่งอาหารข้างนอกให้คุณ]
พอพิมพ์ข้อความเสร็จ ตันหวายก็เปิดแอปสั่งอาหารเดลิเวอรี่ พลันตระหนักขึ้นได้ว่าเขาไม่รู้แม้กระทั่งที่อยู่ของกงฉือ
[คุณส่งที่อยู่มาหน่อยได้หรือเปล่า?]
อีกฝ่ายส่งที่อยู่ยาวเหยียดกลับมาให้ทันที ประหนึ่งว่าเตรียมเผื่อเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ตันหวายคัดลอกข้อความแล้วรีบสั่งอาหารอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งสั่งผลไม้ที่ช่วยในการย่อยอาหารเพิ่มอีกหลายอย่าง
กง : [เกรงใจอาจารย์แย่เลย เอาอย่างนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ผมพาอาจารย์ไปดูหนังเป็นการตอบแทนดีไหมครับ?]
ตันหวายลังเลอยู่สักครู่ แม้ว่าเขากับเจี่ยงหลีจะแต่งงานบังหน้า แต่ในสายตาคนนอกก็ยังเป็นสามีภรรยากัน ถ้าหากข่าวลือเรื่องดูหนังกับนักเรียนแพร่ออกไป…
ตันหวายตัดสินใจแน่วแน่ ตอบกลับกงฉือไปในทันที
hmy : [เอาสิ!]
ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าศรีภรรยาอยู่แล้ว!
ตอนที่ 121 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 9)
ด้านนอกสถาบันวิจัยทางการแพทย์ระดับชั้นนำ ฮั่วหมิงดันแว่นตาบนสันจมูก มองดูน้องชายแท้ๆ ที่หน้าตาสดชื่นแจ่มใสพลางยิ้มอย่างยินดี
ฮั่วหมิง “ดูท่านายคงผ่านระยะพิเศษไปได้ด้วยดี อย่างนี้ฉันค่อยเบาใจลงหน่อย”
ตันหวายคลี่รอยยิ้ม ก่อนจะยื่นของในมือส่งให้ฮั่วหมิง “ของพวกนี้ต้องเอาไปตรวจสอบให้ละเอียด”
ฮั่วหมิงชำเลืองดูครู่หนึ่ง “ยาคุมกำเนิด? นายได้มันมาจากไหนกัน ทำไมนายยังใช้ยาคุมกำเนิดอยู่อีก เจี่ยงหลีล่ะ เขาไม่อยู่ช่วยนายช่วงระยะพิเศษเลยหรือ?”
ตันหวายจนปัญญา ตั้งคำถามเสียเยอะแยะขนาดนี้ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรต้องตอบข้อไหนก่อน
เอามือถูจมูกอย่างกระดากอาย ตันหวายตบบ่าของฮั่วหมิงเบาๆ กะพริบตาถามว่า “พี่จะถามไปทำไมนักหนา”
ฮั่วหมิงเม้มปาก สีหน้าบึ้งตึง “นายยังไม่ให้เจี่ยงหลีตีตราใช่ไหม นาย—”
“ดีแล้วไม่ใช่หรือไง?” ตันหวายตัดบทเขา “ผมไม่ชอบผู้ชายสารเลวพรรค์นั้นเหมือนกัน แบบนี้ดีจะตายไป”
แม้จะเป็นการแต่งงานบังหน้า แต่เมื่อก่อนสัญญากันไว้แล้วว่าหากพบคนที่ใช่จะต้องสารภาพความจริง และห้ามคบชู้สู่สมเป็นอันขาด เจี่ยงหลีกลับทำตรงกันข้าม ไม่เพียงคบชู้สู่สม แต่ยังปิดบังเจ้าของร่างเดิม เป็นพวกเหยียบเรือสองแคมชัดๆ
เจ้าของร่างเดิมเองก็หลงรักผู้ชายสารเลวคนนี้หัวปักหัวปำ ทั้งที่รู้ความเป็นจริงอยู่แก่ใจ ทว่ากลับไม่พูดออกมาสักที มัวแต่กล้ำกลืนฝืนทนอยู่อย่างนั้น
ฮั่วหมิงได้ฟังคำพูดของตันหวายก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง เจ้าน้องชายของเขาไม่ใช่ว่าคอยวิ่งตามไอ้เจี่ยงหลีนั่นต้อยๆ จนโงหัวไม่ขึ้นหรอกหรือ ทำไมจู่ๆ ถึงได้เลิกชอบเสียล่ะ?
แต่ก็ดีเหมือนกัน เจ้าน้องชายของเขากลับมาตาสว่าง เขาค่อยวางใจลงได้สักที
ฮั่วหมิงเก็บยาคุมกำเนิดไว้พลางพยักหน้า กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ถ้าเกิดนายจะหย่า พี่จะหาทนายมาให้นายเอง”
ตันหวาย “…”
ดูเอาเถอะ ทุกคนเขารู้กันหมดว่าเจี่ยงหลีไม่คู่ควรกับเจ้าของร่างเดิม เจ้าของร่างเดิมก็ยังเอาแต่ลุ่มหลงจนหน้ามืดตามัว
ตันหวายเหลือบมองนาฬิกาก่อนจะเบิกตาโต พลันนึกขึ้นมาได้ว่าใกล้ถึงเวลานัดระหว่างเขากับกงฉือแล้ว ถ้าเขายังไม่ออกเดินทางจะต้องไปถึงสายแน่ๆ
ตันหวายคว้าจับบ่าของฮั่วหมิงแล้วเอ่ยถามขึ้น “มีรถหรือเปล่า?”
ฮั่วหมิงเลิกคิ้ว ล้วงหยิบกุญแจรถยื่นส่งให้ตันหวาย ถามว่า “มีนัดเหรอ?”
“อื้อๆ!” ตันหวายขานรับพลางวิ่งโร่ไปยังลานจอดรถ
ฮั่วหมิงส่ายศีรษะอย่างเอือมระอา คิดในใจว่าช่างเหมือนเด็กหนุ่มวัยแรกแย้มเสียจริง ก่อนจะคลี่รอยยิ้ม ฮั่วหมิงเดินเข้าสู่ศูนย์วิจัยด้วยอารมณ์แจ่มใส
ตอนที่มาถึงโรงหนังก็สายไปห้านาทีแล้ว ตันหวายจอดรถอย่างเร่งรีบ ก่อนซอยเท้าวิ่งเข้าไปทางทิศของกงฉือ
กงฉือมือซ้ายอุ้มป๊อบคอร์นถังใหญ่ มือขวาหิ้วน้ำผลไม้สองแก้วยืนอยู่หน้าประตูโรงหนังในตอนนี้ แววตาราวกับมีประกายระยับ เจิดจรัสจนม่านราตรีอันมืดมิดสว่างไสวยิ่งขึ้น
ตันหวายได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นตึกตัก ไม่ใช่เพราะวิ่งสุดฝีเท้า แต่เป็นเพราะประกายในดวงตาของคนตรงหน้า
กงฉือเห็นตันหวายที่ยืนแน่นิ่งไม่พูดจาอยู่ตรงหน้าตนก็หัวเราะออกมา เอาน้ำผลไม้อุ่นๆ ยัดใส่มือของเขาแล้วหลิ่วตาส่งยิ้มให้
ตันหวายพลันหยุดหายใจ ถือน้ำผลไม้เอาไว้พลางจ้องมองกงฉืออย่างตะลึงลาน
“อาจารย์ หนังใกล้จะเริ่มแล้ว พวกเราเข้าไปกันเถอะครับ”
ตันหวายได้สติขึ้นมาทันใด ฉับพลันนั้นก็รู้สึกอับอายขายหน้า
ยามค่ำคืนในฤดูใบไม้ผลิเย็นสบาย แต่จู่ๆ ตันหวายก็รู้สึกร้อนนิดหน่อย จึงพับแขนเสื้อขึ้นมาข้างบนด้วยความเคยชิน
กงฉือพลันเขม็งมอง สีหน้าขึงขังราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาเอื้อมมือไปคว้าแขนของตันหวาย ถามเสียงเคร่งขรึมว่า “นี่ไปทำอะไรมาครับ เขาทำร้ายอาจารย์หรือ?”
ตันหวายตกตะลึง มองดูแขนของตนที่มีรอยเข็มเต็มไปหมด รอยยิ้มหุบลงทันควัน ตันหวายส่ายหัวปลอบโยนพลางกล่าว “นี่เป็นรอยที่เหลือทิ้งไว้จากตอนผมใช้ยาคุมน่ะ”
“อาจารย์จะปิดบังอีกหรือครับ?” กงฉือโกรธจัดจนแทบลุกขึ้น “นี่มันรอยเข็มใหม่ชัดๆ เลย!”
“ถูกแล้ว เป็นรอยเข็มใหม่” ตันหวายอับจนปัญญา “ผมเพิ่งจะฉีดยากักเก็บกลิ่นบนรถเมื่อกี้นี้เอง”