[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก - ตอนที่ 128 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 16) / ตอนที่ 129 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 17)
- Home
- [นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก
- ตอนที่ 128 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 16) / ตอนที่ 129 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 17)
ตอนที่ 128 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 16)
โอเมก้าที่ถูกตีตราจองมักจะเกาะติดอัลฟ่าของตนเองไม่ห่างในช่วงระยะพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นตราประทับชั่วคราวหรือตราประทับถาวรก็ตาม
เมื่อตันหวายตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าตนเองไม่สบายเนื้อสบายตัว ทำไมเขาถึงหมดเรี่ยวแรงขนาดนี้ ทำไมตอนนี้หัวใจของเขาถึงอ่อนปวกเปียกไปหมด แล้วเป็นเพราะอะไร ตอนนี้เขาถึงอยากอิงซบร่างของกงฉือให้เขาโอบกอดพะเน้าพะนอเหลือเกิน?
ตันหวายผุดลุกขึ้นจากเตียง รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ กลิ่นอายภายในห้องคล้ายกับอาหารชนิดหนึ่ง เมนูนี้มีชื่อว่านางชาเขียวร่ำสุรา
เอี๊ยด—-
กงฉือยกชามข้าวต้มเดินเข้ามา พอเห็นว่าตันหวายตื่นนอนแล้วก็คลี่ยิ้มกว้าง
ตันหวายหน้าตาเหลอหลา สัมผัสได้ว่าต่อมกลิ่นด้านหลังต้นคอของตนปวดแสบปวดร้อน ทันใดนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน ร้องถามกงฉือด้วยความตื่นตกใจ “ผมถูกตีตราหรือ?”
อาจเป็นเพราะตันหวายแสดงท่าทีตื่นกลัวเกินเหตุ รอยยิ้มของกงฉือจึงค่อยๆ จางหายไป กงฉือเดินมาวางข้าวต้มไว้ที่ข้างเตียง กล่าวอย่างขมขื่นว่า “อาจารย์คงจะหิวแล้ว ผมเลยอุ่นข้าวต้มมาให้”
ตอนนี้ตันหวายไม่อยากกินข้าวต้มอะไรทั้งนั้น ตอนนี้สมองของเขาคิดเพียงแต่ว่าตนถูกตีตราเสียแล้วหรือนี่!
เราถูกตีตราได้อย่างไรกัน เห็นชัดอยู่ว่าเขา…
กงฉือเป็นเบต้า ดังนั้นคนที่ตีตราเขาย่อมไม่ใช่กงฉืออย่างแน่นอน ตอนนี้ตันหวายรู้สึกรับไม่ได้
กงฉือเม้มริมฝีปาก กล่าวปลอบใจว่า “อาจารย์ไม่ต้องกังวลครับ มันเป็นแค่ตราประทับชั่วคราว อีกไม่กี่วันตราประทับก็จะหายไป”
ตันหวายพลันนิ่งอึ้ง เมื่อสัมผัสดูให้ถี่ถ้วนก็พบว่าเป็นตราประทับชั่วคราวจริงๆ
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่ช่วยให้ตันหวายอารมณ์ดีขึ้นเท่าไหร่นัก เอาแต่คิดว่าตนถูกล่วงเกินเข้าเสียแล้ว
พอเห็นตันหวายยังสีหน้าไม่สู้ดี กงฉือก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดในใจ ที่แท้เขารังเกียจตนขนาดนี้เชียวหรือ ถึงแม้จะถูกตีตราเพียงชั่วคราว ถึงแม้จะเป็นการกระทำโดยจำเป็น
“ขอโทษครับ” กงฉือหลุบตาลง กล่าวอย่างปวดร้าวว่า “ในสถานการณ์ตอนนั้นมีอัลฟ่าข้างนอกหลายตัว ถ้าผมไม่ตีตราอาจารย์ อาจารย์อาจเป็นอันตรายมากกว่านี้”
พูดจบกงฉือก็ไม่เหลียวมองสีหน้าของตันหวาย ขยับตัวลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไป
ตันหวายกลับนั่งเป็นเบื้อ จ้องมองแผ่นหลังของกงฉือที่ก้าวเดินถึงหน้าประตูอย่างเหม่อลอย แล้วจึงค่อยตั้งสติกลับมาได้ทีหลัง
“กงฉือ!” ตันหวายรีบร้องเรียกคนหมดอาลัยตายอยากเอาไว้ ก่อนถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คนที่ตีตราผม คือคุณ?”
กงฉือชะงักฝีเท้า หมุนตัวหันหลังอย่างเชื่องช้า มองหน้าตันหวายโดยไม่พูดไม่จา
เนื่องจากถูกตีตรา ตอนนี้ตันหวายจึงอารมณ์อ่อนไหวอย่างยิ่ง ขณะจ้องมองกงฉือที่ยืนห่างออกไปโดยไม่กล้าเดินเข้าใกล้ ชั่วพริบตานั้นขอบตาก็พลันแดงก่ำ
กงฉือลุกลี้ลุกลน สาวเท้าเดินมาอยู่ข้างหน้าเตียงพลางกล่าวอึกอัก “เป็นอะไรไปครับ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
ตันหวายคว้าจับแขนเสื้อของกงฉือไว้อย่างน่าสงสาร เอ่ยเสียงอ่อนว่า “คุณกอดผมหน่อยได้ไหม ผมหนาว”
กงฉือ “…”
กงฉือโอบตันหวายไว้ในอ้อมกอดโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อพบว่าตันหวายตัวสั่นอยู่ตลอดเวลา หัวใจก็เจ็บปวดรวดร้าวยิ่งนัก
ตันหวายเอนพิงลงบนอกของกงฉือช้าๆ ขดตัวกลมอย่างโหยหาความอบอุ่น
“ฟีโรโมนของผมบรรเทาอาการให้อาจารย์ได้” กงฉือหยุดชะงัก กล่าวอย่างระมัดระวัง “ถ้าอาจารย์ไม่ถือสา…”
“ไม่ถือหรอก!” ตันหวายไม่แม้แต่จะลืมตามอง ขดตัวนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของกงฉือราวกับงานศิลปะอันเปราะบางชิ้นหนึ่ง
ระบบปากอ้าตาค้าง คิดว่าเจ้าของร่างของตนสภาพดูไม่ได้เลยแม้แต่น้อย นึกอยากถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึกเสียจริง แต่ว่ามันไม่กล้า มันกลัวว่าตันหวายจะโกรธเอาจริงๆ
กงฉืองับหลังคอของตันหวายไว้ทันทีโดยไม่ลังเล ไล้เลียปลอบประโลม จากนั้นก็ออกแรงกัดถ่ายเทฟีโรโมนของตนเข้าไป
ชั่วขณะที่ถ่ายเทฟีโรโมน ตันหวายรู้สึกสบายตัวขึ้นมาก ก่อนจะลืมตาขึ้น ตันหวายคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ที่แท้นักเรียนกงของเรา ฟีโรโมนเป็นกลิ่นแอลกอฮอล์หรอกเหรอเนี่ย”
น้ำเสียงของตันหวายเจือแววเจ้าเล่ห์ ทำเอากงฉือใบหูแดงก่ำในพริบตา
ตอนที่ 129 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 17)
ตันหวายไม่ได้ถามกงฉือว่าเพราะอะไรถึงกลายจากเบต้ามาเป็นอัลฟ่า แต่ก็พอจะเดาออกว่ากงฉือปกปิดเพศสภาพแท้จริงของตนอย่างแน่นอน
นึกถึงตัวเองที่ก่อนหน้านี้คิดเพ้อเจ้อไปว่าสามารถพิชิตกงฉือได้ ตอนนี้ตันหวายอยากจะหัวเราะเยาะ ความเป็นจริงกลับย้อนมาตีแสกหน้ารวดเร็วพอดูทีเดียว
เอื้อมมือไปกอดเอวของกงฉือไว้ ตันหวายยิ้มกล่าว “คุณเป็นกลิ่นแอลกอฮอล์ได้ยังไงเนี่ย”
พอได้ยินเสียงบ่นอิดออดของตันหวายกงฉือก็ชักลนลาน หากเขาไม่ชอบกลิ่นฟีโรโมนของตนจะทำอย่างไรดี กงฉือยิ่งทุกข์ใจหนักเข้าไปใหญ่
ตันหวายกล่าวต่อ “คุณไม่รู้หรือว่าผมแตะเหล้าไม่ได้เลย แค่เห็นผมก็เมาแล้ว”
กงฉือตะลึงงัน พินิจมองสีหน้าที่แฝงแววพึงพอใจของตันหวายพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “อาจารย์…หยอกเล่นอยู่หรือครับ?”
ตันหวายยักไหล่ กะพริบตาปริบใส่กงฉือ “คุณคิดว่าไงล่ะ?”
กงฉือไม่กล่าวตอบ โอบกอดตันหวายราวกับครุ่นคิดบางอย่าง
การที่โอเมก้าต้องพึ่งพาอาศัยอัลฟ่าของตนทำให้ตันหวายกลัดกลุ้มใจ ผู้ชายอกสามศอกอย่างเขา บัดนี้นอนระทวยรวยแรงให้เด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าตัวเองหกเจ็ดปีกอดแน่นในอ้อมแขน นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย
แม้ความรู้สึกยามทั้งคู่โอบกอดกันจะอบอุ่น แต่ตันหวายก็ยังไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ พูดตรงๆ ว่าเขาไม่ชอบความเงียบสงัด
ตั้งใจเงยหน้าหาเรื่องคุยกับกงฉือ ใครจะรู้ว่าพอเงยหน้าขึ้นจะมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของกงฉือจนไขว้เขวไปชั่วขณะ อย่าว่าแต่ชวนคุยเลย ตอนนี้เขาแม้กระทั่งอยากไล้เลียใบหน้ากงฉืออย่างทะนุถนอมอยู่ในอ้อมกอดของเขา
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของตันหวาย กงฉือก็ปลายหูแดงก่ำ ทว่าสีหน้ากลับไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย พลางครุ่นคิดอะไรบางอย่างด้วยใบหน้าเรียบเฉย
หากตันหวายมองเห็นปลายหูที่แดงจัดของเขา เขาก็คงจะไม่ยอมหลงกลกงฉือเป็นแน่
เสียงโทรศัพท์เรียกสติคนทั้งสองให้รู้สึกตัว กงฉือเอื้อมท่อนแขนเพรียวยาวกำยำของเขาไปหยิบเอามือถือของตันหวายบนลิ้นชักหัวเตียง เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอก็ขมวดคิ้วมุ่น
ยื่นมือถือส่งให้ตันหวายโดยไม่ปริปากพูดสักคำ กงฉือหว่างคิ้วขมวดกันเป็นปม
พอเห็นชัดว่าเป็นเจี่ยงหลีโทรเข้ามา ตันหวายก็มีแผนการอยู่ในใจ ก่อนเปิดระบบแฮนด์ฟรีรับสายทันที
เสียงจากปลายสายดังโพล่งขึ้นมา ราวกับสะกดกลั้นโทสะมหาศาลเอาไว้
“คุณไปอยู่ที่ไหนกัน นี่มันเช้ามืดเข้าไปแล้ว คุณยังอยู่ข้างนอกอีกหรือ?” เจี่ยงหลีกล่าวอย่างกระวนกระวาย “ตอนนี้คุณอยู่ในระยะพิเศษ ข้างนอกไม่ปลอดภัย”
ตันหวายแค่นหัวเราะ “คุณไม่ต้องยุ่งเรื่องของผม”
ประโยคนี้จุดไฟโทสะของเจี่ยงหลีให้ลุกโชน จึงพูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาลว่า “คุณหมายความว่าอะไร คุณค้างคืนข้างนอกแล้วไม่คิดจะบอกอัลฟ่าของคุณบ้างเลยหรือ?”
โอ้โห ตันหวายตื่นตะลึง คนคนนี้หนังหน้าหนาพอตัวทีเดียว ถึงกับเรียกตัวเองว่าอัลฟ่าของเขาเชียวหรือนี่?
กงฉือที่นั่งอยู่ข้างๆ เส้นเลือดปูดโปน พยายามข่มกลั้นความรู้สึกอยากจะอัดเจี่ยงหลีสักตั้งของตนอย่างสุดกำลัง
ตันหวายกุมมือของเขาไว้พลางส่ายศีรษะ ขยับปากพูดไม่มีเสียงว่าเขาไม่คู่ควร
ถูกต้อง ในความคิดของตันหวาย เจี่ยงหลีไม่คู่ควรให้กงฉือโกรธเคืองเลยสักนิดเดียว การแต่งงานระหว่างพวกเขาเป็นโมฆะนับตั้งแต่วันที่เจี่ยงหลีนอกใจแล้ว
ตันหวายแค่นเสียงหึ พูดอย่างตรงไปตรงมา “ทำไม ไช่ซือชิงปล่อยตัวคุณกลับมาเร็วขนาดนี้เชียวเหรอ?”
ปลายสายนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็แกล้งโง่กล่าวว่า “พูดอะไรของคุณ?”
“ไช่ซือชิง รักแรกของคุณ ชื่อว่าไชซือชิงสินะ” ตันหวายกล่าว เมื่อตอนกลางวันคนเฝ้าติดตามส่งข้อมูลเกี่ยวกับรักแรกของเจี่ยงหลีมาที่มือถือของเขาเรียบร้อยแล้ว กระทั่งเจี่ยงหลีแอบนัดพบกับเขาเวลาไหนบ้างก็รู้เห็นหมดทุกอย่าง
เจี่ยงหลีเลิ่กลั่ก รีบร้อนกล่าวว่า “หมิงเยว่คุณฟังผมอธิบายก่อน ผม…”
“ไม่ต้องอธิบายแล้ว” ตันหวายวางสายโทรศัพท์ทันที ตนไม่มีอารมณ์จะฟังเขาอธิบายอีกแม้แต่คำเดียว