[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก - ตอนที่ 130 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 18) / ตอนที่ 131 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 19)
- Home
- [นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก
- ตอนที่ 130 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 18) / ตอนที่ 131 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 19)
ตอนที่ 130 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 18)
ตันหวายวางสายโทรศัพท์ด้วยท่าทางตึงเครียด ประหนึ่งเมฆครึ้มตั้งเค้าก่อนพายุฝนกระหน่ำ กงฉือโอบกอดเขาพลางเม้มริมฝีปาก จ้องมองสีหน้าที่เย็นชาลงเรื่อยๆ ของเขาโดยไม่กล่าววาจา
พอวางสายโทรศัพท์ ตันหวายก็ซุกกายอยู่ในอ้อมแขนของกงฉืออย่างโหยหาความอบอุ่นอีกครั้ง ตันหวายขลุกตัวอยู่กับกงฉือตลอดทั้งสัปดาห์ ขอลาหยุดกับทางมหาวิทยาลัย ตันหวายพักอยู่ในบ้านของกงฉืออย่างมั่นคงปลอดภัยโดยไม่ออกไปไหน
ตันหวายเบื่อหน่ายนิดหน่อย เจ้าหนูน้อยของเขา—เอาเถอะ ถึงจะเด็กกว่าเขาแค่ไม่กี่ปี นั่นก็นับว่าเป็นเจ้าหนูน้อยเหมือนกัน
อ่ะแฮ่ม เจ้าหนูน้อยของเขาออกจะซื่อสัตย์เกินไปสักหน่อย ตอนนี้เขาอยู่ในระยะพิเศษนะ ระยะพิเศษ! ไม่เดินหน้ารุกคราวนี้แล้วจะรอไปถึงเมื่อไหร่กัน!
ตันหวายเป็นกังวลแทนเจ้าหนูน้อยของตน นายทำตัวแบบนี้เดี๋ยวก็โสดตลอดชีวิตกันพอดีหรอกเจ้าหนูเอ๋ย
แต่ลองคิดดูให้ดี เจ้าหนูน้อยอาจจะติดขัดตรงสถานะแต่งงานแล้วของเขาเอง อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้โง่ ความรู้สึกที่กงฉือมีต่อเขานั้นเขาล้วนสัมผัสได้ทั้งสิ้น
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตันหวายคิด ควรเร่งดำเนินการหย่าร้างโดยเร็วจะดีกว่า หลายวันก่อนเขาบอกให้คนส่งสำเนาเอกสารหย่าร้างอีกชุดไปให้เจี่ยงหลีแล้ว ทว่าเจี่ยงหลีไม่เคยตอบกลับเขามาเลย
อันที่จริงการหย่าร้างระหว่างอัลฟ่ากับโอเมก้าเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เพราะว่าการตีตราจองถือเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต เว้นแต่จะเข้ารับการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูง มิเช่นนั้นตราประทับก็ย่อมไม่มีวันเสื่อมสลาย อีกทั้งพวกเขายังตามหาโอเมก้าหรืออัลฟ่าที่เหมาะสมกับตนเองใหม่ได้ลำบากด้วย
เรียกได้ว่าการหย่าร้างของตันหวายเป็นกรณีแรกของปีนี้ หรืออาจเป็นการหย่าร้างระหว่างอัลฟ่ากับโอเมก้ากรณีสุดท้ายเลยก็ว่าได้
ตันหวายเร่งเจี่ยงหลีอีกครั้ง ก่อนเงยหน้าขึ้นเหลือบมองนาฬิกา เมื่อพบว่ากงฉือใกล้เลิกเรียนแล้วจึงรีบลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดตู้เย็นสำรวจดูวัตถุดิบอาหาร
ระยะพิเศษของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว ร่างกายแข็งแรงขึ้นไม่น้อย เขาจึงตั้งใจว่าจะทำอาหารให้กงฉือ
ข้างในตู้เย็นมีวัตถุดิบเหลือเฟือ กงฉือตุนเอาไว้ให้เขาโดยเฉพาะ ตอนนี้เขาอยู่ในระยะพิเศษไม่สะดวกสั่งอาหารจากข้างนอก จึงต้องตุนอาหารเพิ่มเผื่อกินรองท้องได้
ครุ่นคิดอยู่สักครู่ว่าจะทำอาหารอะไรดี ทันใดนั้นตันหวายก็นึกบางอย่างออก พลางรีบหยิบมือถือมาสั่งเมนูชาเขียวชุดหนึ่ง
ต้องบอกเลยว่าอาหารเดลิเวอรี่แถวนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ใช้เวลาไม่นานก็เอาเค้กชาเขียว ชานมชาเขียว คุกกี้ชาเขียว ขนมเปี๊ยะชาเขียวมาส่งให้แล้ว
ตันหวายให้คะแนนดีกับพนักงานเดลิเวอรี่ ก่อนจะนำของมาวางไว้ในห้องครัวอย่างอิ่มเอิบใจ
ดูจากปฏิกิริยาของกงฉือตั้งแต่เขาอยู่ในระยะพิเศษ เขาเหมือนจะไม่ค่อยชอบกลิ่นชาเขียวเท่าไหร่นัก แต่ช่วยไม่ได้ ต่อให้เขาไม่ชอบก็อย่าคิดว่าจะหนีพ้น ฉะนั้นตันหวายเลยตัดสินใจฝึกให้กงฉือชอบชาเขียวมากขึ้นทีละน้อย
ส่วนฝึกอย่างไรนั้น…กินอาหารรสชาเขียวให้เยอะเข้าไว้ก่อนแล้วกัน กินเยอะๆ เดี๋ยวก็คุ้นชินไปเอง
ตันหวาย โอเมก้าผู้เย็นชาอำมหิตและโหดเ**้ยมทารุณที่สุด
พูดตามตรง ตันหวายก็ไม่ได้ถูกโรคกับกลิ่นแอลกอฮอล์สักเท่าไหร่ แต่ใครใช้ให้ฟีโรโมนของเจ้าหนูน้อยเป็นแอลกอฮอล์ล่ะ เขาก็เลยต้องจำใจยอมรับ
กงฉือตรงดิ่งกลับบ้านทันทีที่เลิกเรียน แม้แต่เพื่อนนักศึกษาชวนเขาไปกินข้าวก็ปฏิเสธ หลายวันมานี้เขารีบเผ่นกลับบ้านรวดเร็วอย่างกับเผ่นหนีเจ้าหนี้อย่างไรอย่างนั้น จนหลายคนคอยแซวเขาว่าแอบซุกเด็กไว้ที่บ้าน
กงฉืออยากบอกเหลือเกินว่าเขาซุกเอาไว้จริงๆ เพียงแต่เด็กคนนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบเขาสักเท่าไหร่
ตอนที่กลับมาถึงบ้านกงฉือก็อึ้งตะลึงไป ลืมแม้กระทั่งเปลี่ยนรองเท้า ยืนนิ่งงันอยู่หน้าประตูอย่างเหม่อลอยทั้งอย่างนั้น
ตันหวายยกอาหารผัดจานสุดท้ายออกมาจากห้องครัว เมื่อเห็นกงฉือยืนนิ่งทื่ออยู่ก็เลิกคิ้วขึ้น ยิ้มกล่าวว่า “ทำอะไรน่ะ เป็นเทพเฝ้าประตูเหรอ?”
ต่อให้เป็นเทพเฝ้าประตูก็ไม่จำเป็นต้องทำหน้าตาตื่นตระหนกเสียหน่อย ตันหวายค่อนแคะในใจ
กงฉือได้สติกลับมา สายตาที่มองมายังตันหวายฉายแววปิติยินดี
กงฉือ “อาจารย์ทำอาหารเป็นด้วยหรือครับ?”
“แหงสิ” ตันหวายยืดอกอย่างภาคภูมิใจ ความสามารถในการพึ่งพาตนเองของเขาไม่เป็นรองใครทีเดียว
ตอนที่ 131 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 19)
กงฉือคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตันหวายจะทำอาหารเป็น ถึงอย่างไรตันหวายก็เป็นคุณชายผู้ร่ำรวยที่เคยจับแต่มีดผ่าตัดกับชอล์คเขียนกระดาน คุณชายน้อยแบบนี้กลับทำกับข้าวกับปลาได้ กงฉือประหลาดใจอย่างยิ่ง
ตันหวายแลบลิ้นใส่แล้วเดินกลับเข้าห้องครัว พอออกมาอีกทีก็หิ้วของถุงเล็กถุงใหญ่พะรุงพะรังเต็มมือ
กงฉือรีบก้าวออกมารับไว้ กล่าวอย่างระอาใจ “นี่คืออะไร?”
“ของหวานตบท้าย”
เนื่องจากกลิ่นชาเขียวข้างในถุงรุนแรงมากเกินไป ถึงขนาดว่ากงฉืออยากจะทำเมินเฉยก็ยังทำไม่ได้ จึงต้องกินให้หมดไปพร้อมกับดมกลิ่นชาเขียวแบบนี้ตลอดทั้งมื้อ
อาหารที่ตันหวายทำอร่อยอย่างเหนือความคาดหมาย อาหารพื้นบ้านปรุงได้รสชาติจัดจ้านยิ่งนัก
ตันหวายเพิ่งจะลุกขึ้นเตรียมเก็บกวาดจานชาม กงฉือก็เข้ามาขวางเขาเอาไว้ “ผมทำเอง”
“คุณทำเอง?” ตันหวายเอียงคอ มองกงฉือพลางยิ้ม “คุณล้างจานเป็นด้วย?”
กงฉือพยักหน้าอย่างจนใจ ถึงเขาจะทำอาหารไม่เป็น แต่เรื่องง่ายๆ อย่างการล้างจานต้องทำเป็นอยู่แล้ว
แย่งชามคืนมาโดยไม่ยอมให้ปฏิเสธ กงฉือล้างจานจนสะอาดสะอ้านด้วยคล่องแคล่วชำนาญ
ตันหวายยืนพิงขอบประตูห้องครัว มองดูเด็กหนุ่มล้างจานอย่างเอาจริงเอาจัง รอยยิ้มที่หางตาซ่อนอย่างไรก็ซ่อนไว้ไม่อยู่
จริงอย่างว่า ผู้ชายที่ทำงานบ้านงานเรือนเป็นช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน มีเสน่ห์จนเขาแข้งขาอ่อนไปหมด
เอาชามใบสุดท้ายที่ล้างสะอาดวางใส่ตู้ถ้วยชาม พอกงฉือเช็ดมือเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากห้องครัว ก็เห็นว่าบนโต๊ะเต็มไปด้วยสีเขียวชอุ่มของ…ชาเขียว
กงฉือยืนนิ่งเงียบอยู่กับที่ ทำเป็นเมินตันหวายที่โบกมือเรียกให้เขาเข้าไปหา นึกอยากจะมุดดินหนีซะเดี๋ยวนั้น
ตันหวายคิ้วผูกเป็นเส้นตรง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างดุร้าย “กงฉือ!”
กงฉือกุมขมับ ได้แต่เกร็งหนังหัวเดินเข้าไป
ดันเค้กชิ้นเล็กไปอยู่ตรงหน้ากงฉือ ตันหวายจ้องมองกงฉือด้วยสีหน้าคาดหวัง
กงฉือที่อิ่มแปล้เรียบร้อยแล้ว “…”
กระเดือกเค้กคำเล็กๆ ลงคออย่างหวานอมขมกลืน กงฉือหน้าบอกบุญไม่รับ “อร่อยดี”
ตันหวายเสียบหลอดใส่แก้วชานมชาเขียวแล้วยื่นไปจ่อตรงปากกงฉือทันที “สดชื่นใช่หรือเปล่า?”
“สดชื่น…”
หยิบน้ำหอมชาเขียวออกมาพ่นใส่อากาศต่อหนแล้วหนเล่า “กลิ่นหอมไหม?”
“หะ…หอม”
ตันหวายเองก็ชักจะทนแรงปะทะจากกลิ่นชาเขียวปริมาณมหาศาลไม่ไหวแล้วเช่นกัน พอเห็นกงฉือเอ่ยชมเหมือนเคย จึงหยิบน้ำหอมอเนกประสงค์ฉีดพ่นไปในอากาศอย่างเบิกบานใจ
กงฉือผ่อนลมหายใจในที่สุด เอามือนวดหว่างคิ้วพลางเริ่มพูดเข้าประเด็น
“ช่วงนี้อาจารย์ของผมมีโครงการสำรวจ ผมจะไปช่วยท่านนะครับ” กงฉือกล่าว “น่าใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ฉะนั้นเลยอยู่ดูแลอาจารย์ไม่ได้ โชคดีที่อาจารย์ใกล้หมดระยะพิเศษแล้ว”
ตันหวายตะลึงงัน ขมวดคิ้วมุ่น “โครงการสำรวจ?”
กงฉือพยักหน้า เอ่ยขึ้นช้าๆ “เป็นโครงการสำรวจแถวภูเขาฉางเสวี่ยน่ะครับ”
ตันหวายผงกศีรษะพลางส่งเสียงอืมเบาๆ แม้ว่าเขาจะไม่อยากให้กงฉือจากไปไหน แต่นี่คือวิชาเอกของกงฉือ เขาไม่ควรขัดขวาง จึงไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไรดี
ภูเขาฉางเสวี่ยหิมะปกคลุมตลอดปีและสภาพภูมิอากาศย่ำแย่ ด้วยเหตุนี้ตันหวายจึงไม่ค่อยวางใจ จัดสัมภาระใส่กระเป๋าเดินทางให้กับกงฉือจนเต็มแน่น
กงฉือมองคนที่ย่อตัวนั่งจัดสัมภาระอยู่บนพื้น รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ คลี่ยิ้มบางกล่าว “อาจารย์ฮั่ว กระเป๋าของอาจารย์ใหญ่ขนาดนี้จะเอาขึ้นเครื่องได้เหรอครับ?”
ตันหวายตะลึงงัน ทันใดนั้นก็รู้สึกตัวว่าเตรียมกระเป๋าใบใหญ่ไปหน่อย พลางเอามือลูบจมูกอย่างขัดเขิน
กระเป๋าเดินทางทุกขนาดกงฉือล้วนมีอย่างละใบ เพื่อให้เหมาะสมกับการออกสำรวจในแต่ละพื้นที่โดยเฉพาะ สถานที่ยิ่งห่างไกลเท่าไหร่กระเป๋าก็ยิ่งใบใหญ่เท่านั้น แต่กระเป๋าที่ตันหวายเตรียมให้เขาใบนี้เอาขึ้นเครื่องบินไม่ไหวจริงๆ
สัมภาระในกระเป๋าเทกลับออกมาจนหมดเกลี้ยง ตันหวายหยิบกระเป๋าใบเล็กอีกสองใบมาจัดข้าวของต่ออย่างเพลิดเพลิน
กงฉือ “…”