[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก - ตอนที่ 132 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 20) / ตอนที่ 133 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 21)
- Home
- [นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก
- ตอนที่ 132 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 20) / ตอนที่ 133 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 21)
ตอนที่ 132 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 20)
กงฉืออยากบอกเหลือเกินว่ากระเป๋าทั้งสองใบทำให้สิ้นเปลืองแรงอย่างมาก แต่ยังไม่ทันได้กล่าวก็ถูกตันหวายถลึงตากลับมาเสียก่อน
ช่างเถอะ เปลืองแรงก็เปลืองแรงไปสิ ดูจากท่าทางอาจารย์ฮั่วแล้ว หากเขาไม่เอาคงได้โดนสวดยกใหญ่
วันออกเดินทางตันหวายเป็นคนมาส่งกงฉือเอง ตันหวายจอดรถเทียบนอกสนามบิน เดิมทีอยากเข้าไปส่งเขาด้วย แต่ถูกกงฉือห้ามปรามไว้ก่อน
ในสายตาของคนอื่น ตอนนี้ตันหวายมีสถานภาพสมรสแล้ว หากส่งเขาอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้งเช่นนี้ อาจจะทำให้ตันหวายถูกติฉินนินทา
พอตันหวายนึกถึงการหย่าร้างที่ยังไม่เสร็จสิ้นของตนก็รู้สึกปวดฟันชั่วขณะ จำต้องยอมรับแต่โดยดี
ตอนที่กงฉือมาถึง อาจารย์กับรุ่นพี่อีกหลายคนกำลังสนทนากัน ทันทีที่เห็นตันหวายก็หัวเราะลั่นออกมา
อาจารย์ตบบ่ากงฉือพลางหัวเราะกล่าว “ฉันถามหน่อยซิเสี่ยวฉือ คราวนี้ทำไมขนของมาเสียเยอะแยะเชียว?”
พวกเขาทำงานด้านวิจัย ต้องลงพื้นที่กันเป็นปกติอยู่แล้ว จึงมักจะพกเสื้อไม่กี่ตัวกับอุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อความสะดวกสบาย ใครจะรู้ว่าคราวนี้กงฉือจะเตรียมมาเยอะแยะขนาดนั้น
รุ่นพี่ที่สวมแว่นตาข้างๆ คนหนึ่งดันแว่นของตนเอง “พักนี้กงฉือเผ่นกลับบ้านก่อนทุกวัน กำลังมีความรักอยู่แหงๆ”
อีกหลายคนที่เหลือพากันมองมาทางกงฉือ สายตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความสงสัย
กงฉือกระแอมไอเบาๆ โดยไม่ได้ตอบตามตรง ก่อนจะหยิบน้ำผลไม้ที่พกมาในกระเป๋าแบ่งให้กับทุกคน
น้ำผลไม้ตันหวายเป็นคนจัดเตรียมไว้ เขาคิดอย่างรอบคอบว่าต้องเตรียมน้ำผลไม้ให้ทุกคนคนละกล่อง
รับน้ำผลไม้จากคนอื่นแล้วก็ไม่ควรแซวเล่นต่อ ต่างทยอยกันปิดปากเงียบกริบ
ตันหวายรออยู่ในรถจนกระทั่งเครื่องบินเที่ยวที่กงฉือโดยสารขึ้นบินจึงค่อยจากมา จากนั้นก็ตรงไปยังโรงพยาบาลของฮั่วหมิงทันที
ฮั่วหมิงเห็นตันหวายมาหาก็แค่นหัวเราะ ปากกาในมือขีดเขียนต่อเนื่องไม่หยุดพัก ถามขึ้นว่า “ช่วงนี้นายหายไปไหนมา?”
ตันหวายไม่เอ่ยตอบ เท้าคางมองพี่ชายของตนอย่างเหม่อลอย
ฮั่วหมิงถูกเขามองจนหนังหัวชาดิก ได้แต่วางปากกาลงแล้วถามหน้านิ่งขรึม “มีเรื่องอะไร?”
ตันหวายก็ไม่อ้อมค้อม ถามตรงๆ ว่า “ผมได้ยินว่าพี่รู้จักพวกรุ่นพี่ที่สำนักทนายความ จัดการเรื่องหย่าร้างโดยเฉพาะ”
“ทำไม นายต้องการหย่า?”
“อืม” ตันหวายพยักหน้า “ผมตัดสินใจจะหย่า”
ฮั่วหมิงเบิกตาโต ลุกพรวดขึ้นมาจากโต๊ะทำงาน กล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นายต้องการหย่า?”
ตันหวายถลึงตามองเขา คิดในใจว่านายเห็นฉันทำเหมือนล้อเล่นอยู่หรือไง?
ฮั่วหมิงสงบสติอารมณ์ลง จากนั้นมุมปากก็แสยะยิ้มกว้าง ตันหวายมองจนตะลึงพรึงเพริด
ฮั่วหมิง “ในที่สุดนายก็หย่าได้สักที ในที่สุดนายก็เลิกหน้ามืดตามัวแล้ว!”
ตันหวาย ‘…คนหน้ามืดตามัวคือเจ้าของร่างเดิมไม่ใช่ฉัน ขอบใจ’
ฮั่วหมิงปลาบปลื้มยินดีที่น้องชายของตนต้องการหย่าร้าง จึงส่งข้อความหาพวกรุ่นพี่สมัยมหาวิทยาลัยโดยไม่รอช้า แจ้งข่าวดีว่าน้องชายของตนกำลังจะหย่าด้วยสีหน้าตื่นเต้น ทำเอาบรรดารุ่นพี่ตระหนกตกใจ นึกว่าฮั่วหมิงคับแค้นอะไรมาจนคลุ้มคลั่งเสียอีก
เมื่อหาทนายที่เหมาะสมได้แล้ว ตันหวายก็นับว่าหมดห่วงไปหนึ่งเรื่อง และในเวลานี้เอง มีข่าวลือว่ารุ่นพี่ที่ให้ยาคุมกำเนิดกับเขาตอนนั้นปรากฏตัวแล้ว
รุ่นพี่คนนี้ได้ข่าวว่าไปต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน แต่ไม่เคยปรากฏตัวให้เห็น ตันหวายจึงไม่มีโอกาสได้สนทนากับเขา บัดนี้กลับมาแล้ว ตันหวายคิดว่าเรื่องการสนทนาควรจะเพิ่มลงในกำหนดการ
หน่วยงานที่รุ่นพี่คนนี้สังกัดอยู่มีความซับซ้อน นักสืบเอกชนไม่สามารถตรวจสอบได้ จึงต้องให้ตันหวายสะกดรอยตามเองทีละน้อย
พอเดินถึงหน้าประตู ตันหวายก็ถูกยามเฝ้าประตูเบต้าสองคนขวางทางไว้
“ที่นี่เป็นหน่วยงานของรัฐบาลห้ามบุคคลภายนอกเข้าออกโดยเด็ดขาด”
ตันหวายกระตุกยิ้มมุมปาก หยิบบัตรประจำตัวอาจารย์ของตนออกมาพลางกล่าว “ผมเป็นอาจารย์คณะแพทย์จากมหาวิทยาลัยประจำมณฑล มีโครงการต้องทำงานร่วมกับผู้อำนวยการหลิว” ผู้อำนวยการหลิวก็คือรุ่นพี่คนนั้นของตันหวายนั่นเอง
ตอนที่ 133 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 21)
เสียงฝีเท้าสับสนเร่งรีบดังก้องอยู่ในโถงทางเดินอันเงียบสงัด ตันหวายกอดอกเดินตามหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของหลิวปิ่งซูโดยไม่เหลียวมองสิ่งรอบข้าง
เจ้าหน้าที่เดินนำตันหวายมาถึงหน้าประตูห้องห้องหนึ่ง ด้านหน้าห้องติดป้ายขนาดใหญ่เขียนว่าห้องผู้อำนวยการ
เจ้าหน้าที่ “คุณรออยู่ตรงนี้สักครู่ ผมจะเข้าไปแจ้งท่านผู้อำนวยการ”
“ไม่ต้องหรอก” ตันหวายชำเลืองมองเจ้าหน้าที่ ก่อนเอื้อมแขนไปผลักประตูในทันที
เจ้าหน้าที่หน้าเสียทันใด ตั้งใจจะเข้าไปขัดขวาง แต่ตันหวายหลบหลีกไปได้เสียก่อน
ประตูถูกผลักจนกระแทกกับผนัง ทว่าไม่ส่งเสียงดังเท่าไหร่นัก พอจะเห็นว่าตันหวายไม่ได้ออกแรงเต็มที่เช่นกัน
หลิวปิ่งซูผงะตกใจกับการกระทำนี้ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือน เมื่อพบว่าเป็นตันหวายก็ตื่นตระหนกกะทันหัน สีหน้าเลิ่กลั่กแสดงพิรุธอย่างชัดเจน
ตันหวายก้าวเดินออกมาข้างหน้า พินิจมองคนที่เจ้าของร่างเดิมเรียกว่ารุ่นพี่หลิวตรงๆ
หลิวปิ่งซูเป็นเบต้า สมัยเรียนมหาวิทยาลัยไม่มีผลงานอะไรโดดเด่น และรู้จักมักคุ้นกับเจ้าของร่างเดิมโดยบังเอิญ เขาช่วยเจ้าของร่างเดิมขนย้ายสัมภาระขึ้นหอพัก
หลิวปิ่งซูฐานะครอบครัวไม่เลว พอเรียนจบก็ได้ทำงานในอาชีพมีหน้ามีตา ยิ่งกว่านั้นทางครอบครัวคอยจ่ายเงินใต้โต๊ะ จึงได้นั่งแท่นผู้อำนวยการตั้งแต่อายุยังน้อยๆ
เรื่องนี้ ผู้อำนวยการหลิวกลับขาดความมั่นใจอย่างที่สุดเมื่ออยู่ในสายตาของตันหวาย
หลิวปิ่งซูส่งสายตาให้เจ้าหน้าที่เป็นเชิงให้เขาออกไป ใครจะรู้ว่าเจ้าหน้าอ่านสายตาไม่ออกแม้แต่น้อย กะพริบตาปริบโดยไม่รู้ว่าหลิวปิ่งซูหมายความว่าอะไร
“เขาให้คุณออกไป” ตันหวายอธิบายด้วยความหวังดี
เจ้าหน้าที่เหลือบมองตันหวายแวบหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจ
หลิวปิ่งซูกุมขมับ โบกมือปัดไปมา “เขาพูดถูกแล้ว ออกไปก่อนไป”
เจ้าหน้าที่หน้าซื่อตาใส พยักหน้าแล้วเดินออกไปอย่างงงงวย ถือโอกาสปิดประตูให้พวกเขาด้วยเสียเลย
ภายในห้องทำงานของหลิวปิ่งซูเหลือแต่เพียงเขากับตันหวายสองคน สีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย ผายมือไปทางเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานพลางกล่าว “หมิงเยว่มาแล้ว นั่งก่อนสิ มีเรื่องอะไรหรือ?”
ตันหวายไม่เกรงใจเช่นกัน ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างไม่หยี่ระทันที สายตาที่จ้องมองหลิวปิ่งซูเจือแววพิจารณา
นิ้วมือเคาะลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ ตันหวายหรี่ตา “รุ่นพี่ไปดูงานเมืองนอกเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
ตันหวายมีสีหน้าสงบนิ่ง หลิวปิ่งซูก็เบาใจลงเล็กน้อย ดูท่าฮั่วหมิงเยว่จะยังไม่รู้เรื่องว่ายาคุมกำเนิดมีปัญหา แต่หากเขายังไม่รู้เรื่อง ทำไม…ทำไมเขาถึงยังมีชีวิตอยู่อีก? หลิวปิ่งซูขมวดคิ้ว คิดเท่าไหร่ก็หาคำตอบไม่ได้
เขายังคงรู้สึกละอายใจต่อฮั่วหมิงเยว่ พวกเขาไม่เพียงไม่ใช่ศัตรูคู่แค้นกัน ถึงขั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะทำเพื่อคนคนนั้น เขาก็คงไม่สอดมือไปยุ่งกับยาคุมกำเนิด
หลิวปิ่งซูแย้มยิ้ม โบกมือกล่าวว่า “ก็พอไหว อย่างที่เห็นนั่นแหละ ช่วงนี้นายเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ผมก็พอไหวครับ” ตันหวายพยักหน้า “แค่ไปเฉียดประตูนรกมารอบหนึ่ง”
หลิวปิ่งซูได้ฟังเช่นนั้นก็พลันชะงักมือที่รินน้ำ หกราดเอกสารกองใหญ่บนโต๊ะจนเปียกแฉะ
รีบโกยเอกสารขึ้นมาให้พ้นน้ำเป็นพัลวัน หลิวปิ่งซูก้มหน้างุดกล่าว “หมิวเยว่พูดเล่นไปได้”
“ไม่ได้พูดเล่นนะ” ตันหวายยื่นกระดาษทิชชู่หลายแผ่นส่งให้หลิวปิ่งซูเช็ดทำความสะอาดน้ำบนโต๊ะ “รุ่นพี่เป็นคนลงมือทำเองยังไม่รู้อีกหรือ?”
หลิวปิ่งซูแตกตื่นลนลาน เหงื่อเย็นผุดพรายเต็มหน้าผากโดยไม่รู้ตัว เช็ดโต๊ะอย่างลุกลี้ลุกลนไปพลางกล่าวเสียงเฉียบขาดไปพลางว่า “จะเป็นไปได้ยังไง ต่อให้ยาคุมกำเนิดของนายมีปัญหาก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย!”
หลังจากพูดจบ หลิวปิ่งซูเองก็ยังชงักงันไป เหงื่อเย็นรินไหลลงมาทีละหยด ร่วงเผาะอาบกระจกแว่นตาบนดั้งจมูกของเขาจนพร่ามัวไปหมดในทันที
“รุ่นพี่” ตันหวายคลี่ยิ้ม “ผมยังไม่ทันบอกเลยว่ายาคุมกำเนิดมีปัญหา”