[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก - ตอนที่ 134 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 22) / ตอนที่ 135 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 23)
- Home
- [นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก
- ตอนที่ 134 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 22) / ตอนที่ 135 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 23)
ตอนที่ 134 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 22)
ความจริงพิสูจน์แล้ว ในเมื่อใจไม่แข็งพอที่จะทำ ก็อย่าได้ริอาจประพฤติผิดศีลธรรมจรรยา ไม่เช่นนั้นคนอื่นอาจไม่ทันว่ากล่าวอะไร ตัวคุณก็แบไต๋ออกมาเองเสียหมดแล้ว
ตันหวายมองหลิวปิ่งซูที่เหงื่อไหลพรั่งพรูเป็นสายฝน จู่ๆ ก็รู้สึกตลกขบขัน ก่อนผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ตันหวายเอามือเท้าโต๊ะพลางแค่นหัวเราะ
“สาเหตุล่ะ?” ตันหวายถาม สายตาคมกริบตรึงอยู่ที่ใบหน้าของหลิวปิ่งซูราวกับนักล่าผู้กระหายเลือด
หลิวปิ่งซูสูดลมหายใจลึกสองสามที แล้วทรุดฮวบลงนั่งกับที่เหมือนเดิม แม้แต่น้ำบนโต๊ะก็ไม่แยแสอีกต่อไป
“เหตุผล” ตันหวายเอ่ยปากอีกครั้ง ไม่ยอมเลิกราง่ายๆ
หลิวปิ่งซูเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางกะพริบตาปริบ หัวเราะฝืดเฝื่อนออกมา “นายมีหลักฐานอะไร? รัฐบาลไม่อนุญาตให้จำหน่ายยาคุมกำเนิดแก่โอเมก้าที่แต่งงานแล้ว วิธีการที่นายได้ยาคุมกำเนิดมาก็ผิดกฎหมาย ต่อให้เกิดปัญหาจริงแล้วจะทำอะไรได้?”
ตันหวายไม่กล่าวตอบ สายตาที่จ้องมองหลิวปิ่งซูเต็มไปด้วยความสมเพชเวทนา
ตันหวายปัดแขนเสื้อของตนเอง เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้ว อย่างมากผมก็แค่ตกงาน แต่คุณล่ะ?”
หลิวปิ่งซูนิ่งอึ้งไป ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรง
ตันหวายผลักประตูเปิด ไม่มีอารมณ์แม้แต่จะเหลือบตามองหลิวปิ่งซู เดินออกจากห้องทำงานไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมาอีก
(ปัดโธ่เว้ยท่านเจ้าของร่าง ไอ้หลิวปิ่งซูคนนี้มันหน้าด้านหน้าทนจริงๆ!)
“เขากับเจ้าของร่างเดิมไม่ใช่ศัตรูกัน ไม่มีเหตุผลต้องทำร้ายเขา เบื้องหลังจะต้องมีคนอื่นแน่” ตันหวายขบกราม
ระบบไม่กล่าวอะไรอีก รู้สึกอัดอั้นตันใจ
ตันหวายสัมผัสได้ถึงอารมณ์ขุ่นมัวของระบบ จึงเบ้ปากกล่าวว่า “ไปตามละครของนายต่อเถอะ จะคิดฟุ้งซ่าน…”
ตันหวายหยุดชะงัก รีบหันขวับไปมองทางด้านข้าง สายตาเขม็งจ้องชายเสื้อที่แฉลบผ่านหน้าไป สีหน้ามืดหม่นคลุมเครือ
(ท่านเจ้าของร่าง ท่านมองอะไรอยู่?)
ตันหวายขมวดคิ้ว กล่าวพึมพำว่า “เมื่อกี้คนคนนั้น คล้ายกับไช่ซือชิงมาก”
ถึงแม้ตันหวายจะไม่เคยพบไช่ซือชิงมาก่อน แต่เขาเคยเห็นภาพถ่ายของเขา ไช่ซือชิงหน้าตาดีสู้เจ้าของร่างเดิมไม่ได้ แต่กลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ผู้คนจดจำได้ไม่ลืม ตันหวายเองก็ความจำดีเช่นกัน ฉะนั้นจึงจำหน้าเขาได้อย่างแม่นยำ
อาชีพของไช่ซือชิงเกี่ยวข้องกับด้านการเงิน จะโผล่มาที่นี่โดยไม่มีเหตุผลทำไมกัน?
เมื่อเดินถึงหน้าประตู เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเดิมยังอยู่เวรเฝ้ายาม ตันหวายเดินไปอยู่ตรงหน้าเขาแล้วยื่นขวดน้ำให้ เอ่ยถามขึ้นว่า “วันนี้วันสุดสัปดาห์ พวกคุณต้องอยู่เวรด้วยเหรอ?”
เจ้าหน้าที่รับน้ำไว้พลางกล่าวขอบคุณ อธิบายให้ตันหวายฟังว่า “พวกเราเวียนกะหยุด วันนี้เป็นกะเข้างานของผู้อำนวยการหลิว”
“เวียนกะหยุด?” ตันหวายหรี่ตา ชี้ไปยังอาคารที่เขาเพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่พลางถาม “ทั้งอาคารนี้แค่พวกคุณสองคนมาทำงาน?”
เจ้าหน้าที่พยักหน้ารับ เพราะพูดไม่ค่อยเก่งจึงไม่ได้ต่อบทสนทนา
สีหน้าของตันหวายเยือกเย็นลง ราวกับว่าเขาค้นพบอะไรบางอย่าง
_________
ตันหวายยังไม่กลับบ้าน แต่มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลของฮั่วหมิง ฮั่วหมิงเพิ่งจะเสร็จจากการผ่าตัด เมื่อเทพบุตรผู้เหนื่อยล้าเห็นหน้าตันหวายก็เกิดอาการหงุดหงิด
ตันหวายไม่ได้ใส่ใจท่าทีมึนตึงของเขา พลางอุ้มปิ่นโตในมือวิ่งปรี่เข้าไป ล้วงเอาลูกอมเม็ดหนึ่งในกระเป๋าออกมาแกะห่อสองสามทีแล้วยัดใส่ปากของฮั่วหมิง
ลูกอมค่อยๆ ละลายในปากของฮั่วหมิงพร้อมกับรสชาติหวานละมุน ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาก แม้กระทั่งความเหนื่อยล้าจากการผ่าตัดก็บรรเทาลงไป
ฮั่วหมิงเหลือบมองปิ่นโตในอ้อมแขนของตันหวายแล้วแค่นเสียงหึ “เอาอะไรมาล่ะนั่น?”
“เนื้อตุ๋นมะเขือเทศที่พี่ชอบกินที่สุดไง” ตันหวายประจบเอาใจอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
ฮั่วหมิงพลันตัวแข็งทื่อ สูดลมหายใจลึกสงบสติอารมณ์ หากไม่ใช่เพราะอยู่ในโรงพยาบาล ป่านนี้เขาคงอดรนทนไม่ไหวดึงหูตันหวายมาตวาดใส่แล้ว
“ฮั่วหมิงเยว่ ใครบอกนายว่าฉันชอบกินเนื้อตุ๋นมะเขือเทศที่สุดกัน?” ฮั่วหมิงแยกเขี้ยวแสยะยิ้ม
ตอนที่ 135 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 23)
คำพูดของฮั่วหมิงเสมือนกระดิ่งเตือนภัยมากมายนับไม่ถ้วน สะท้อนกังวานอยู่ข้างหูของตันหวาย พร่ำบอกไม่หยุดหย่อนว่าเขาประจบไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ
บนโต๊ะทำงานของฮั่วหมิงจัดวางข้าวสวยสีขาวนวลกับซุปเนื้อตุ๋นกลิ่นหอมกรุ่น เย้ายวนให้ตันหวายกลืนน้ำลายลงคอหลายอึกใหญ่ แทบอยากจะกินยกโต๊ะอย่างอดใจไม่ไหว
อาหารที่ฮั่วหมิงเกลียดมากที่สุดคือมะเขือเทศ ส่วนอาหารที่ชอบมากที่สุดคือเนื้ออกวัว แต่หากนำอาหารสองชนิดนี้มาผสมรวมกันเป็นซุป นั่นหมายถึงคุณจบเห่แล้ว ฮั่วหมิงต้องคิดว่าคุณทำเสียของเปล่าแล้วจับหยิกให้ตายคามือ
ตันหวายจำได้แค่มะเขือเทศกับเนื้ออกวัว นึกว่าฮั่วหมิงชอบกินทั้งสองอย่าง ก็เลยโทรสั่งให้ร้านอาหารบริการส่งตรงถึงที่ ใครจะคิดว่าฮั่วหมิงโรคจิตขนาดนี้ ตัวเองไม่กินแถมยังไม่ยอมให้เขากินด้วย!
ฮั่วหมิงแค่นเสียงหึ เพราะทนสายตาเว้าวอนน่าสงสารของน้องชายตนไม่ไหว จึงดันชามซุปตรงหน้าส่งไปให้ตันหวาย
“นายมาทำอะไรอีก หย่าเรียบร้อยแล้ว?”
ตันหวายซดซุปไปพลางส่ายศีรษะไปพลาง ถือโอกาสเล่าเรื่องที่ตนสงสัยว่าไช่ซือชิงกับหลิวปิ่งซูมีส่วนเกี่ยวข้องกันด้วยเสียเลย
ฮั่วหมิงเบิกตาโต “เจี่ยงหลีมันซุกคนอื่นไว้นอกบ้านเหรอ?”
ตันหวายนิ่งงันไป รู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย เขาลืมเสียสนิทว่าฮั่วหมิงยังไม่รู้เรื่องที่เจี่ยงหลีก่อวีรกรรมไว้
เดิมทีอยากจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ตันหวายรีบเบี่ยงประเด็นสนทนา ใครจะรู้ว่าฮั่วหมิงกลับกัดไม่ปล่อย กดดันให้ตันเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง
ตันหวายจนปัญญา ได้แต่เล่าให้ฟังคร่าวๆ รอบหนึ่งก่อนพูดโน้มน้าวว่า “พี่ห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามเด็ดขาด จะหย่ากันอยู่แล้ว ลงไม้ลงมือก็เจ็บตัวเปล่าจริงไหม”
ตันหวายรู้ซึ้งถึงความอารมณ์ร้อนของฮั่วหมิงจากความทรงจำเจ้าของร่างเดิม เห็นฮั่วหมิงหมางเมินเจ้าของร่างเดิมอย่างนั้นอย่างนี้ตลอดทั้งวัน แต่ธาตุแท้กลับเป็นปีศาจคลั่งหวงน้องชายประเภทฉันรังแกได้คนเดียวคนอื่นไม่มีสิทธิ์แตะต้อง
ตั้งแต่เด็กขอเพียงเจ้าของร่างเดิมถูกรังแกแม้แต่ปลายก้อย วันต่อมาไอ้คนที่รังแกก็เป็นอันต้องถูกวีรบุรุษนิรนามสั่งสอนสักยก ตอนแรกเจ้าของร่างเดิมนึกว่าเจอเข้ากับจอมยุทธ์ ตอนหลังถึงรู้ว่าเป็นพี่ชายเลือดร้อนของเขาเอง
ฮั่วหมิงสีหน้าถมึงทึง เขากำหมัดแน่นจนกระดูกลั่นเสียงดัง ตันหวายถึงกับอกสั่นขวัญหายไปชั่วครู่
ฮั่วหมิงตอบรับเสียงอ้อมแอ้มโดยไม่รู้ว่าฟังคำตักเตือนของตนบ้างหรือเปล่า ถึงกระนั้นตันหวายก็ไม่กล้าจ้ำจี้จ้ำไช กำปั้นนั่นราวกับบอกว่าถ้าเขาพูดอีกประโยคเดียว ก็พร้อมจะประเคนหมัดเข้าที่หน้าเขาอย่างไรอย่างนั้น
ตันหวายพูดคุยเรื่อยเปื่อยอีกสักพักแล้วขอตัวกลับ กลับไปยังคอนโดเล็กๆ ของกงฉือ กงฉือออกเดินทางเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ตันหวายคิดว่าหากไม่มีคนเฝ้าคงจะฝุ่นจับเขรอะแน่นอน จึงปรึกษากับกงฉือว่าจะเข้ามาอยู่ด้วย
ตอนแรกกงฉือตะลึงไปชั่วครู่เมื่อรู้ว่าเขาอยากเข้ามาอยู่ด้วย จากนั้นก็ทำท่าดีอกดีใจเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ แม้กงฉือจะคิดเอาเองว่าตนเก็บอาการได้มิดชิด แต่ตันหวายยังคงมองออกอยู่ดี
คิดถึงกงฉือแล้วตันหวายก็มีความสุข ในบรรดาทั้งสี่โลกเขาล้วนจีบติดเทพบุตรในดวงใจ นับว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงทีเดียว ไว้รอกลับไปโลกแห่งความจริงแล้ว เขาจะต้องตามจีบต่อให้ได้!
ระบบบอกว่าในโลกเดียวกันไม่สามารถปรากฏเจ้าของร่างสองคนได้ อีกอย่างพ่อเทพบุตรไม่มีความทรงจำอะไรเลย ตันหวายจึงคิดว่าอาจจะเป็น NPC แต่ว่า NPC ก็ส่วน NPC ขอแค่พวกเขาลงเอยกันด้วยดีก็พอแล้ว เรื่องอื่นช่างมันปะไร
คอนโดของกงฉือไม่ใหญ่โต แต่เวลาอยู่คนเดียวก็ออกจะโล่งโจ้งไปสักหน่อย ตันหวายกินข้าวอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ ก็เลยตั้งใจจะเปิดดูรายการทีวี
พอเปิดมาก็เจอช่องรายการข่าว คิดว่าคงเป็นช่องที่กงฉือเคยดูประจำ หลังจากกดเปลี่ยนอีกหลายช่องจนไม่มีอะไรดูจริงๆ ตันหวายจึงค่อยย้อนกลับมาดูรายการข่าวไปพลางก่อน
ทันทีที่เปลี่ยนช่องกลับมา ตันหวายก็พลันนิ่งอึ้งเมื่อเห็นตัวหนังสือบนหน้าจอ ใบหน้าเริ่มซีดเผือดจนน่ากลัว