[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก - ตอนที่ 140 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 28) / ตอนที่ 141 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 29)
- Home
- [นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก
- ตอนที่ 140 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 28) / ตอนที่ 141 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 29)
ตอนที่ 140 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 28)
การบูรณะซ่อมแซมหลังเหตุการณ์ภัยพิบัติในเมือง C ดำเนินการไปตามระเบียบแบบแผน ส่วนทีมวิจัยของกงฉือก็เก็บข้าวของขึ้นเครื่องบินกลับเมืองของตนเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อออกมาจากสนามบิน ศาสตราจารย์กับรุ่นพี่ทุกคนล้วนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน พวกเขารายงานความปลอดภัยกับทางบ้านเรียบร้อยแล้ว ตอนพวกเขามาถึงสนามบินจึงได้พบหน้าครอบครัวที่เดินทางมารอรับพอดี
ตันหวายยืนอยู่บริเวณประตูทางออก เอ่ยถามกงฉืออย่างยิ้มแย้มว่า “ครอบครัวคุณไม่มารับคุณหรอกหรือ?”
“เปล่าครับ”
ตันหวายหัวเราะพลางคว้าแขนกงฉือมาจับไว้ เอียงคอซบไหล่กงฉือแล้วยิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นคุณกลับบ้านกับผมก็แล้วกัน”
ตันหวายกล่าวอย่างสมเหตุสมผล ราวกับกงฉือสมควรกลับบ้านกับตนมาตั้งแต่เกิดอย่างไรอย่างนั้น
กงฉือรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ตันหวายมองจนเคลิบเคลิ้มไปชั่วครู่
“ฮั่วหมิงเยว่! เอ็งรู้จักกลับบ้านช่องกับเขาด้วยเหรอห๊ะ!?”
ตันหวายกุมขมับ รู้ดีว่าใครคือผู้มาเยือน ตอนที่อยู่ในเมือง C ก่อนหน้านี้ พอเชื่อมต่อสัญญาณได้เขาก็โทรหาฮั่วหมิงทันที โดนสวดยับเยินที่นั่นเสียยกใหญ่ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ยังจะหนีไม่พ้นอีก
รีบยิ้มรับพลางหมุนตัวกลับมา ตันหวายมองคนหน้าทะมึนตรงหน้าอย่างขอความเห็นใจ
ตันหวาย “พี่ฮั่วหมิงอย่าเอาแต่พูดหยาบคายสิ พี่เป็นหมอนะ คนอื่นได้ยินเข้าเดี๋ยวก็เสียชื่อกันพอดี”
ฮั่วหมิงแค่นหัวเราะ คิดในใจว่าช่างหัวมันสิวะ เสียชื่อบ้าบออะไร เอ็งชิ่งหนีหายไปก็เสียชื่อพออยู่แล้ว
สายตาจับจ้องไปยังกงฉือที่ยืนอยู่ข้างๆ ตันหวาย ฮั่วหมิงเอามือลูบคาง ยิ้มกล่าวว่า “เขาคือกิ๊กเด็กของนายคนนั้นเหรอ?”
ตันหวายแตกตื่น ปฎิกิริยาแรกคือหันไปมองสีหน้าของกงฉือ พอเห็นกงฉือสีหน้าเป็นปกติจึงค่อยผ่อนหายใจเงียบๆ กล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “พูดอะไรน่ะ พวกเราคบกันจริงจังนะ!”
ฮั่วหมิงเบะปากคว่ำ เกี่ยวกุญแจรถในมือขึ้นมาควงเล่นตรงหน้าพวกเขา “ไปกับฉันสิ”
พูดจบก็เดินวางท่าเชิดหยิ่งออกไปข้างนอก
ตันหวายแลบลิ้นปลิ้นตา แอบกระซิบกับกงฉือว่า “คุณอย่าคิดเชียวว่าตอนนี้เขาดูเป็นคนภูมิฐาน ตัวจริงอ่อนหัดจะตายไป!”
“ฮั่วหมิงเยว่ นายนินทาอะไรฉันตรงนั้นอีกหา!”
ตันหวายหน้าเหวอ “…”
ทำไมถึงยังได้ยินอีกล่ะเนี่ย!
บนรถเปิดฮีทเตอร์รอเอาไว้แล้ว พอตันหวายเข้ามานั่งก็ถูกโอบล้อมด้วยลมอุ่นวูบหนึ่ง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
ฮั่วหมิงนั่งบนเบาะคนขับพลางเหลือบตามองด้านบน เมื่อเห็นตันหวายนอนหงายกองอยู่ตรงเบาะหลังโดยไม่รักษาภาพพจน์แม้แต่น้อย ตาขาวก็แทบจะเหลือกขึ้นชี้ฟ้า
หยิบมือถือขึ้นมาเช็คข่าวสาร นิ้วมือของตันหวายขยับรัวบนแป้นพิมพ์อย่างคล่องแคล่ว ขณะที่เลื่อนปัดไปเรื่อยเปื่อย จู่ๆ ก็ชะงักนิ้วมือลง ใบหน้าของตันหวายพลันถอดสีซีดเผือดในทันใด
บนหน้าจอมือถือแสดงโพสต์ข่าวที่เผยแพร่จากแอคเคาท์ทางการ
คุยเม้าท์เล่าข่าว v : ขอบอกเลยว่า ครูบาอาจารย์บางคนชีวิตส่วนตัวสุดแสนจะพังพินาศ อาจารย์โอเมก้านามสกุลขึ้นต้นด้วย ‘ฮั่ว’ จากคณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถึงตัวจะแต่งงานแต่ก็มิวายแอบเล่นชู้เลี้ยงต้อยนักเรียน แถมหนุ่มน้อยที่รับเลี้ยงยังเป็นนักศึกษาจากคณะธรณีวิทยาอีกด้วย คบชู้สู่ชายหลังแต่งงาน พวกคนมีการศึกษาช่างรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางกันจริงๆ [รูปภาพ] [รูปภาพ] [รูปภาพ]
ตันหวายเม้มริมฝีปาก พบว่าโพสต์ข่าวนี้ถูกแชร์ต่อกันไปเป็นหมื่นกว่าครั้ง ดูท่าว่าข่าวจะแพร่กระจายไปไกลแล้ว รูปภาพทั้งสามรูปนี้เป็นภาพตอนที่เขาเข้าออกคอนโดของกงฉือในระยะพิเศษ ถ่ายเห็นรูปร่างหน้าตาอย่างชัดเจน แสดงว่ามีใครบางคนเพ่งเล็งพวกเขามาตั้งนานแล้ว
เมื่อสังเกตเห็นว่าตันหวายอารมณ์ผิดปกติ กงฉือก็ฉวยโทรศัพท์จากมือของตันหวายมาเลื่อนอ่านดู จากนั้นแววตาก็พลันหม่นวูบลง ก่อนจะปิดโทรศัพท์ไป
ฮั่วหมิงพาพวกเขากลับมาส่งที่คอนโด มองคนทั้งคู่ที่แผ่บรรยากาศหนักอึ้งกะทันหันโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย
ตันหวายโบกมือกล่าวลาอย่างหมดเรี่ยวแรง ฮั่วหมิงชะงักงัน พลางกลืนคำถามของตนเองลงคอไป
กงฉือเปิดไฟในห้องพัก หยิบมือถือขึ้นมาอ่านโพสต์ข่าวที่เผยแพร่โดยแอคเคาท์ทางการเมื่อครู่นี้สักพักใหญ่ แล้วจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นถาม “พอจะรู้ไหมครับว่าเป็นฝีมือใคร?”
ตันหวายพยักหน้า ก่อนเปิดกระเป๋าเดินทางที่ถือเอาไว้ จัดเก็บข้าวของไปพลางกล่าวไปพลางว่า “ก็พอเดาออกอยู่บ้าง”
เจ้าของร่างเดิมไม่เคยผูกแค้นพยาบาทกับใคร เว้นเสียแต่เจี่ยงหลีกับไช่ซือชิงชู้รักของเขา ส่วนการแบล็คเมล์เขาจนเป็นเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ เป็นความคิดพวกเขาคนใดคนหนึ่งหรือร่วมด้วยช่วยกันทั้งคู่ก็ไม่อาจรู้ได้
มือถือส่งเสียงสั่นระรัว กงฉือหยิบมือถือยื่นส่งให้ตันหวายพลางกล่าว “พี่ชายคุณ”
ตันหวายชะงักมือ รู้สึกกลัดกลุ้มใจ เพิ่งจะไปได้ประเดี๋ยวเดียวก็โทรมาอีกแล้ว มั่นใจแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าเป็นเพราะข่าวที่พวกเขาเพิ่งอ่านไปเมื่อสักครู่
“ฮั่วหมิงเยว่ นายอธิบายฉันมาเดี๋ยวนี้ ข่าวฉาวของนายดังกระฉ่อนไปทั่วแล้วรู้หรือยัง เมื่อกี้ฉันรับโทรศัพท์ไม่รู้ตั้งกี่สายถามฉันว่านายนอกใจจริงๆ หรือเปล่า!!!”
ตันหวายเอากำปั้นจ่อไว้ตรงปากพลางกระแอมเบาๆ อย่างจนใจ “ผมนอกใจหรือเปล่าพี่ไม่รู้หรอกหรือไง?”
ปลายสายนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แค่นหัวเราะกล่าว “ต้องให้ฉันซื้อนายหน้าสงเคราะห์นายด้วยไหม?”
ฮั่วหมิงเยว่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย โดยหลักแล้วไม่ควรมีคนให้ความสนใจเขามากมายขนาดนี้ แต่ว่าตอนนี้ข่าวฉาวของเขากลับแพร่สะพัดอย่างครึกโครม เห็นได้ชัดว่ามีคนซื้อนายหน้าแบล็คเมล์เขา
“ไม่ต้อง” ตันหวายกล่าว “อย่าเพิ่งยุ่ง ผมมีแผนการ”
อีกฝ่ายตัดสายโทรศัพท์ทิ้งทันที ไม่มีแม้กระทั่งคำบอกลาตามมารยาท ตันหวายคิดว่าพี่ชายของตนควรไปฝึกอบรมมารยาทเสียใหม่จริงๆ
ตันหวายยักไหล่พลางแบมือ “คุณกงที่รักครับ ตอนนี้พวกเราตีตราถาวรกันได้หรือยัง?”
ตราประทับชั่วคราวที่กงฉือมอบให้เขาก่อนหน้านี้จางหายไปแล้ว เขากลับกลายเป็นโอเมก้าที่ไม่มีกลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าติดตัวเลยแม้แต่น้อย”
กงฉือพยักหน้าเป็นเชิงว่าเห็นด้วย
ตอนที่ 141 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 29)
คนโบราณคิดค้นสุภาษิตที่ว่า ‘คำคนเป็นอาวุธน่ากลัว’ ช่างมีเหตุผลโดยแท้ ไม่ว่าจะเป็นใคร เมื่อตกอยู่ในวังวนของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ย่อมยากจะปีนป่ายกลับขึ้นมา
ตันหวายคิดเอาเองว่าสภาพจิตใจแข็งแกร่งพอ แต่พักหลังมานี้พบว่าตัวเองก็ยังเป็นตัวเอง เขาไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นขนาดนี้มานานมากแล้ว พอเปิดดูโลกออนไลน์เมื่อไหร่ คำพูดด่าทอแบบมืดฟ้ามัวดินก็ทำให้เขาเจ็บปวดจนอยากจะวิ่งชนกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด
ในทางกลับกัน กงฉือดูจะใจเย็นกว่ามากนัก เขาปิดคอมพิวเตอร์ตรงหน้าตันหวาย มองดูตันหวายที่โกรธจัดจนเลือดขึ้นหน้าด้วยความเป็นห่วง
“คุณฮั่วที่รักครับ คุณไม่จำเป็นต้องโกรธคนที่ไม่ควรให้ค่าพวกนั้นเลย”
ตันหวายไหล่ตก กล่าวอย่างจนใจว่า “พูดตามจริง เรื่องแบบนี้ใช่ว่าผมเพิ่งเจอเป็นครั้งแรก ตอนนั้น…”
ตันหวายหยุดชะงัก ตอนแรกเขาอยากเล่าว่าไซเบอร์บูลลี่ที่เขาต้องเผชิญสมัยเป็นดาราน่ากลัวยิ่งกว่านี้เสียอีก แต่เขารู้ดีว่าเขาพูดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นกงฉืออาจจะคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว
ตันหวายเม้มปากแล้วกล่าวต่อ “ผมแค่เห็นพวกเขาเอาแต่ต่อว่าคุณไม่สนใจถูกผิดบ้างเลย มันทนไม่ไหวน่ะ”
กงฉือกะพริบตาปริบ ไม่ได้ซักไซ้ไล่ถามว่าครั้งแรกที่เขากล่าวถึงหมายความว่าอย่างไร ตอนนี้เขาถูกตันหวายหยอดคำหวานโดยไม่ตั้งใจจนหัวใจอ่อนยวบไปหมด
เนื่องจากข่าวบนโลกออนไลน์ครึกโครมใหญ่โต ทางมหาวิทยาลัยจึงให้ตันหวายหยุดพักงานชั่วคราว แจ้งว่ารอตรวจสอบแน่ชัดแล้วค่อยพิจารณาตัดสิน และเป็นเพราะเรื่องนี้เอง หลายวันมานี้กงฉือจึงไม่ได้ไปมหาวิทยาลัย ทั้งคู่อาศัยอยู่ในบ้านอย่างสงบสุข
“เลยเวลามาเยอะแล้ว ผมไปเตรียมมื้อเที่ยงก่อนนะ ในตู้เย็นวัตถุดิบพอไหม?”
ถูกกงฉือจ้องมองจนรู้สึกขัดเขิน ตันหวายเลยรีบหนีไปเตรียมทำกับข้าว
กงฉือ “เมื่อวานเพิ่งไปซื้อมาจากซูเปอร์ พออยู่ครับ”
พอเห็นตันหวายมุดเข้าไปง่วนอยู่ในครัว กงฉือก็ค่อยๆ หุบรอยยิ้มลง ก่อนหยิบมือถือบนโต๊ะขึ้นมาเริ่มอ่านคอมเมนต์วิจารณ์ในขณะนี้
ฉันเป็นเบต้าตัวน้อย : ฉันอยากขำให้ฟันร่วง อาจารย์มหาวิทยาลัยนิสัยเป็นแบบนี้เหรอ? ฉันก็นึกว่าอัลฟ่ากับโอเมก้าจะจริงใจต่อกันซะอีก เหอะๆ
ฟ้ามืดแล้ว : ไอ้Xฮั่วหมิงเยว่ พวกผิดผัวผิดเมีย นังพานจินเหลียน[1]กลับมาเกิด!
กงฉือกำมัดแน่น สูดลมหายใจลึกหลายครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็กดรายงานโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
กงฉือเม้มริมฝีปาก นิ้วมือรัวพิมพ์เบอร์โทรศัพท์ลงบนหน้าจอ เบอร์โทรศัพท์นี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ราวกับเคยกดมาเป็นร้อยพันครั้ง
โทรหาดีไหมนะ กงฉือรู้สึกขัดแย้งในใจ หากติดต่อไปแล้ว สถานการณ์ของพวกเขาจะดีขึ้นไหม หรือว่าแย่ลงยิ่งกว่าเดิม
“คุณกง” ตันหวายชะโงกหัวเล็กๆ ออกมาจากห้องครัว “บะหมี่ของคุณจะใส่ไข่ด้วยไหม?”
กงฉือมือสั่นวูบ รีบขานรับว่า “ใส่ครับ!”
ตันหวายคลี่ยิ้มกว้าง ไม่ทันสังเกตท่าทางมีพิรุธของกงฉือ ก่อนจะย้อนกลับเข้าห้องครัวไปทำอาหารกลางวันอย่างตั้งอกตั้งใจ
ส่วนกงฉือที่ค่อยๆ สงบนิ่งลงพลันตกใจเมื่อก้มหน้ามาเห็นว่า เขาเผลอกดโทรออกไปเรียบร้อยแล้ว
อีกฝ่ายรับสายอย่างรวดเร็ว แทบจะไม่ทันให้กงฉือได้ตั้งตัว บนหน้าจอก็แสดงภาพว่ากำลังอยู่ในสาย
กงฉือยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ชะงักไปสักครู่แล้วจึงเอ่ยขึ้น “ผมกงฉือ”
“อยู่ในเมือง B มีเรื่องอยากให้พวกคุณช่วยเหลือ”
“ด่วนมาก…ถ้าเรื่องนี้คลี่คลายลงแล้ว ผมจะกลับไป”
ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไรอีก กงฉือผงกศีรษะด้วยสีหน้าหม่นหมอง กล่าวตอบไปว่าตกลง
พอตันหวายยกบะหมี่ออกมาก็มองเห็นสีหน้าเศร้าซึมของกงฉือ หัวใจพลันถูกบีบรัดจนเจ็บปวดชั่วขณะ ตอนติดอยู่บนภูเขาหิมะต่อให้เขาร่างกายบาดเจ็บ สีหน้าของเขาก็เรียบเฉยตลอดเวลา ตอนนี้เป็นเพราะอะไรเขาถึงเผยให้เห็นสีหน้าแบบนี้กัน เป็นเพราะข่าวฉาวกับคำสบประมาทตลอดหลายวันมานี้หรือ?
ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ตันหวายคิดว่าอาจจะต้องดำเนินแผนการของตนเร็วกว่ากำหนดแล้ว
——
[1] พานจินเหลียน คือตัวละครหญิงในวรรณกรรมจีนเรื่องซ้องกั๋งที่มีภาพจำเป็นหญิงแพศยา