[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก - ตอนที่ 17 สิงร่างลูกผู้ดี แล้วปรี่เข้าประจบท่านอ๋อง (17)
- Home
- [นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก
- ตอนที่ 17 สิงร่างลูกผู้ดี แล้วปรี่เข้าประจบท่านอ๋อง (17)
เหอจินหมิงสั่งให้เขาขึ้นม้า ตันหวายคิดว่าเหอจินหมิงอาจจะอยากสั่งให้เขาไปตาย
ตันหวายเหลือบมองม้าที่อยู่ตรงหน้า แล้วเหลือบมองเหอจินหมิงที่อยู่ด้านข้าง ก่อนเอียงคอกล่าวอย่างใสซื่อทันใด “ดูเหมือนข้าจะขี่ม้าไม่เป็น”
ใช่แล้ว ไม่ใช่แค่เขาที่ขี่ไม่เป็น เจ้าของร่างเดิมก็ขี่ไม่เป็นเช่นกัน ยามเยาว์เจ้าของร่างเดิมเคยเกือบตกจากหลังม้า จากนั้นก็ไม่ได้เรียนขี่ม้าอีกเลย เรื่องนี้เหอจินหมิงก็รู้ดี ทว่าตอนนี้กลับสั่งให้เขาขึ้นม้า
เหอจินหมิงจิตใจสกปรกสักแค่ไหนกันเชียว ตันหวายก่นด่าในใจ
“เจ้าขี่ม้าเป็น” เหอจินหมิงยกยิ้มมุมปาก มองเขาด้วยสายตาเฉียบคม “แต่ก่อนเจ้าขี่ม้าชำนาญยิ่งนัก เจ้าเพียงแค่หลงลืมหลังจากความจำเสื่อมเท่านั้น ขอเพียงเจ้าขึ้นไปก็ย่อมจดจำได้แน่นอน ขึ้นม้าสิ”
เหอจินหมิงทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อให้เขาตายจริงๆ ตันหวายทอดถอนใจ เด็ดเดี่ยวแน่วแน่เสียขนาดนี้ ช่างหายากโดยแท้
ตันหวายฉีกยิ้มเหยเก รับบังเ**ยนม้ามาแล้วเหลือบมองจวินเฉิงโดยไม่กระโตกกระตาก
จวินเฉิงไม่ได้มองเขาเลย กลับก้มหน้าก้มตาคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา
เหยียบโกลนพลิกตัวขึ้นม้า ระดับสายตาของตันหวายยกสูงขึ้นอีกเท่าตัวทันทีทันใด เขากลืนน้ำลายอึก รู้สึกถึงความหวาดกลัวของตนเองได้อย่างชัดเจน
ถ้าตายแล้วก็แล้วกันไป แต่ถ้าตกลงมาจากม้าแล้วพิกลพิการ แบบนั้นคงทุกข์ทรมานน่าดู
ม้าที่ตันหวายขึ้นขี่ราวกับไม่คุ้นเคยที่มีคนมาขึ้นหลังมัน จึงดีดขาหน้ายกขึ้นอย่างฉุนเฉียว
เหอจินหมิงอยู่ๆ ก็ยิ้มประหลาด ยกแส้ม้าในมือขวาขึ้น แล้วออกแรงหวดใส่ก้นม้าตัวที่ตันหวายขี่อยู่
ม้าที่ถูกจู่โจมกะทันหันยิ่งคลุ้มคลั่ง แบกร่างตันหวายห้อตะบึงออกไปจากฝูงชนทันที
เพราะว่าม้าเกิดพยศอาละวาดกะทันหัน ตันหวายจึงตั้งสติไม่ทันชั่วขณะ ร่างหงายตีลังกาไปข้างหลังทันที โชคดีว่าในมือกุมบังเ**ยนไว้มั่นเลยยังไม่ถูกเหวี่ยงออกไป
เกิดความวุ่นวายขึ้นท่ามกลางฝูงชน ม้าตัวนี้เห็นชัดว่าเป็นม้าพยศที่ไม่เคยผ่านการฝึกให้เชื่อง ไม่ควรปรากฏตัวอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก
ไท่พู[1]เห็นภาพนี้เข้าก็สีหน้าเปลี่ยนทันใด ขาอ่อนแรงทรุดฮวบลงกับพื้น
“ฝ่า…ฝ่าบาททรงไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” ไท่พูพร่ำพูดไปพลางร้องขอชีวิตจากเหอจินหมิงไปพลาง
สายตาเหอจินหมิงจับจ้องผู้ที่ล้มทรุดลงกับพื้น เอ่ยปากกล่าว “ไท่พูกระทำการเปิดเผยโจ่งแจ้งเช่นนี้ สมควรต้องลงโทษให้หนัก ประหารซะ”
ผู้คนรอบข้างพากันสั่นสะท้าน แต่กลับไม่กล้าพูดอะไร มองไท่พูถูกพาตัวไปพลางเบิกตาค้าง
ตันหวายถูกม้าที่พยศอาละวาดแบกร่างห้อตะบึงไปไกล ทั้งร่างกลับมั่นคงอย่างน่าแปลกใจ มือที่ดึงบังเ**ยนยิ่งกุมแน่นขึ้นอีก
เขาต้องคิดหาวิธีช่วยตัวเอง เขาไม่ได้นึกอยากตายอีกครั้งไวขนาดนี้เลย
ม้าข้างใต้ร่างเมื่อพบว่าคนข้างบนหลังสลัดไม่หลุดเสียทีก็คลุ้มคลั่งอย่างเห็นได้ชัด ไม่เพียงแต่วิ่งห้อไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง ทว่ายังกระโดดดีตัวด้วยพละกำลังมหาศาลหมายให้คนข้างบนหลังร่วงตกลงไป
ตันหวายรู้ว่าตนไม่มีทางปราบม้าตัวนี้เชื่องลงได้ ม้าตัวนี้พยศเกินไป ผู้ชำนาญการฝึกม้าก็ไม่แน่ว่าจะฝึกให้เชื่องได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนขี่ม้าไม่เป็นเลยสักนิดอย่างเขา
เหลือบไปเห็นสนามหญ้าด้านข้าง ตันหวายจับบังเ**ยนในมือไว้แน่นกว่าเดิม หากกระโดดลงบนสนามหญ้าจากตรงนี้ได้ บางทีอาจจะยังมีโอกาสรอด
เขาไม่มีเวลาให้ลังเลมากนัก แทบจะคิดเพียงชั่ววูบ ก็ปล่อยมือเตรียมกระโดดลงไป แต่ว่าปล่อยมือออกไม่ทันไร ตันหวายก็ถูกใครบางคนจับมือเอาไว้
“ขี่ม้าพยศเช่นนี้ยังกล้าคลายมือ เจ้าใจเด็ดถึงเพียงนั้นเชียวรึ? อยากตายจนแทบอดใจรอไม่ไหว ช่างเปิดหูเปิดตาข้าเสียจริง” เสียงหนึ่งดังขึ้นแนบชิดกับใบหูของตันหวาย น้ำเสียงเจืออารมณ์ขุ่นเคืองเบาบาง แต่เสียงนี้เหมือนกับฝ่ามืออันอ่อนโยน ปลอบให้มือที่เหยียดเกร็งด้วยความตื่นตระหนกของเขาผ่อนคลายลงทีละน้อย
ตันหวายจิตใจสงบลงในทันใด เรี่ยวแรงทั้งกายเขาถูกสูบออกไปจนหมดในพริบตา แทบจะอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขนของจวินเฉิง
จวินเฉิงมือหนึ่งคว้าบังเ**ยนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มืออีกข้างกอดตันหวายเอาไว้ สองเท้าออกแรงเหยียบโกลนทะยานลงมาจากหลังม้า
ตันหวายมือหนึ่งคว้าแขนเสื้อของจวินเฉิง อีกมือหนึ่งลูบหน้าอกทำท่าอาเจียน เขาเพิ่งจะถูกม้าคลั่งเหวี่ยงจนหัวเกือบหลุด ตอนนี้เขาแทบจะสำรอกตับไตไส้พุงตัวเองออกมาหมดแล้ว
จวินเฉิงมองมือที่ถูกบังเ**ยนบาดจนเลือดออกของตันหวายด้วยสายตาลึกซึ้ง
——
[1] ไท่พู (太仆) คือตำแหน่งขุนนางผู้รับผิดชอบม้าศึกและรถศึกของกษัตริย์และกองทัพ