[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก - ตอนที่ 28 สิงร่างลูกผู้ดี แล้วปรี่เข้าประจบท่านอ๋อง (28) / ตอนที่ 29 สิงร่างลูกผู้ดี แล้วปรี่เข้าประจบท่านอ๋อง (29)
- Home
- [นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก
- ตอนที่ 28 สิงร่างลูกผู้ดี แล้วปรี่เข้าประจบท่านอ๋อง (28) / ตอนที่ 29 สิงร่างลูกผู้ดี แล้วปรี่เข้าประจบท่านอ๋อง (29)
ตอนที่ 28 สิงร่างลูกผู้ดี แล้วปรี่เข้าประจบท่านอ๋อง (28)
น้ำชาในห้องทรงพระอักษรผลัดเปลี่ยนแล้วหลายจอก ส่งเข้าไปอย่างไรก็ยกกลับออกมาอย่างนั้น น้ำหมึกบนโต๊ะทรงพระอักษรฝนแล้วฝนอีก ทว่ามิได้จุ่มลงเขียนแม้แต่น้อย
เหอจินหมิงใจลอยเมื่อรู้ตัวว่า ตนเหลือตัวคนเดียวเหมือนเช่นที่ตันฝูเซิงกล่าวไว้จริงๆ
ก่อนตันฝูเซิงความจำเสื่อม หัวใจและสายตาของเขาล้วนมีเพียงตนผู้เดียว พวกเขามีความทรงจำร่วมกัน ถึงแม้ความทรงจำนี้จะไม่สวยงามเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่โดดเดี่ยวเดียวดายถึงเพียงนั้น
ทว่าตันหวายความจำเสื่อมแล้ว ลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อไม่อาจแบ่งปันความทรงจำกับใครได้อีกต่อไป ทันใดนั้นเขากลับสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ ในยามที่ไม่มีอะไรเลย ก็มุ่งแต่แสวงหาอำนาจเงินทอง บัดนี้มีอำนาจล้นฟ้า กลับมองหาความรักความอบอุ่น
มนุษย์หนอ ช่างละโมบเสียนี่กระไร
เรื่องที่ตันฝูเซิงได้รับความโปรดปรานอีกครั้ง เล่าลือเซ็งแช่ไปทั่วทั้งพระราชวัง แต่ทว่าทุกครั้งที่กล่าวถึงเขา ล้วนส่งเสียงชื่นชมแผนการอุบายอันยอดเยี่ยมของเขากันถ้วนหน้า
ตันหวายไม่สนใจใยดีแม้แต่น้อย ทุกวันตื่นเช้ามาเตรียมอาหารว่างส่งเข้าห้องทรงพระอักษร ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน อาหารว่างคราวนี้ไม่เคยถูกกีดกันไว้นอกตำหนักแม้แต่ครั้งเดียว
ตันหวายอุ้มเจ้าไป๋เมาเอนนอนบนเก้าอี้โยก ด้านข้างยังมีองุ่นจานหนึ่งวางไว้ องุ่นพันธุ์นี้เป็นบรรณาการที่ส่งมาจากทางใต้ ได้ยินว่ามีอยู่ไม่กี่พวง หนึ่งพวงในนั้นก็ถูกส่งมายังหอจวินจื่อ
ตันหวายที่ปรือตาซึมซับแสงแดดยามบ่ายจู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนตนถูกบีบจมูก พอลืมตาขึ้นก็มองเห็นใบหน้าของจวินเฉิงอย่างเต็มตา ระยะห่างระหว่างคนทั้งคู่ใกล้ชิดจนสอดกระดาษหนึ่งแผ่นไม่เข้าเสียด้วยซ้ำ
ว่ากันว่าระยะห่างทำให้มองสิ่งต่างๆ สวยงามขึ้น แต่ทำไมพวกเขาต่างใกล้ชิดกันถึงขนาดนี้ ตันหวายก็ยังคิดว่าเขาหล่อมาก!
กุมหัวใจดวงน้อยที่เต้นตึกตักเบาๆ เอาไว้ ตันหวายถอนหายใจ รูปงามเป็นภัยโดยแท้
จวินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนก้มลงบดขยี้ริมฝีปากของตันหวายอย่างรุนแรง เรียวลิ้นรุกล้ำเขตแดนภายใน ทำเอาตันหวายเสียท่าล่าถอย
คนทั้งสองจูบกันอย่างอ้อยอิ่งอาวรณ์ ไม่ยอมแยกจากกันโดยง่าย ตันหวายพบว่าเจ้าเหมียวในอ้อมแขนวิ่งหนีหายไปไหนไม่รู้ตั้งนานแล้ว
เห็นตันหวายมองหาแมวไปทั่ว จวินเฉิงก็ไม่พอใจ “แมวนั่นดูก็รู้แล้วว่าเลี้ยงไม่เชื่อง วันๆ เจ้าคอยเอาแต่ปรนนิบัติราวกับเป็นบรรพบุรุษ”
(จากการคาดการณ์โดยระบบ การแสดงออกของจวินเฉิงในขณะนี้อาจเกิดจากความหึงหวง)
ฉันรู้แล้ว ขอบใจ
ตันหวายเงยหน้าขึ้นจุมพิตปลายคางของจวินเฉิง “ท่านหึงหวงใช่หรือไม่?”
จวินเฉิงส่งเสียงอืมเบาๆ โดยไม่ปฏิเสธ จ้องมองตันหวายพลางกล่าวว่า “เจ้าจะแสร้งรับหน้าเอาใจเขาไปถึงเมื่อไหร่กัน?”
ตันหวายกะพริบตาปริบไม่กล่าววาจา เพียงแค่มองเขาตาละห้อยอย่างน่าสงสาร
“เลิกทำออเซาะ เจ้าเด็กดื้อด้าน!”
จวินเฉิงเหยียดกายยืนตรง ชำเลืองมองแผ่นกระดาษบนโต๊ะด้านข้างพลางเลิกคิ้ว
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของจวินเฉิง ตันหวายก็พูดในใจว่าแย่แล้ว พลันตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากเก้าอี้โยกพุ่งไปยื้อแย่งกระดาษ เสียดายที่ช้าไปก้าวหนึ่ง กระดาษแผ่นนั้นยังคงตกไปอยู่ในมือของจวินเฉิง
ตันหวายปิดหน้า นึกอยากมุดดินหนีด้วยความอับอาย
บนกระดาษเป็นรูปดวงตาคู่หนึ่งที่วาดร่างไว้อย่างคร่าวๆ ดวงตาคู่นั้นโค้งเล็กน้อย เปี่ยมล้นไปด้วยรอยยิ้มอยู่ภายใน ที่สำคัญที่สุดคือ ระหว่างเปลือกตาของดวงตาคู่นั้นมีไฝเล็กๆ ดวงหนึ่ง
จวินเฉิงหัวเราะ ลูบไล้ภาพวาดบนกระดาษ พลางยิ้มหวานถามว่า “นี่คือทักษะแบบไหนกัน เหตุใดก่อนหน้านี้จึงไม่เคยพบเห็น ภาพที่เจ้าวาดนี้คือข้า?”
คุณถามคำถามเยอะแยะขนาดนี้ในคราวเดียว คุณจะให้ผมตอบข้อไหนก่อนล่ะ! ตันหวายบ่นในใจ
อีกอย่าง เทคนิควาดภาพก็เป็นการสเก็ตช์ภาพแบบสมัยใหม่ อธิบายให้คุณฟังก็คงฟังไม่เข้าใจอยู่ดี
ตันหวายเพียงแค่ตอบคำถามสุดท้าย “คือท่าน”
“ข้าเอาแต่คิดว่า คล้ายจะเคยเห็นภาพหน้าตาเหมือนกันมาก่อน” จวินเฉิงลูบไล้กระดาษในมือแผ่นนี้ “แต่ทำไมถึงนึกไม่ออกว่าเคยเห็นจากที่ไหน”
เด็ดเอาองุ่นลูกหนึ่งมาจากจาน ตันหวายยัดมันเข้าใส่ปากของจวินเฉิง
ตันหวาย “เป็นไปไม่ได้ นอกจากข้า ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถใช้วิธีการเช่นนี้วาดออกมาได้อีกภาพจริงๆ”
จวินเฉิงที่ถูกยัดลูกองุ่นเข้าปากไม่พอใจ ก่อนพ่นลูกองุ่นออกมา กล่าวด้วยความหึงหวงอย่างเต็มเปี่ยม “เขาให้ของนี่กับเจ้ารึ? เฮอะ ไม่เห็นอร่อยกว่าของซีหนานตรงไหน”
“ข้ารู้แล้วข้ารู้แล้ว” ตันหวายกล่าวพลางกินเข้าไปอีกหลายลูก
จวินเฉิง “…”
ตอนที่ 29 สิงร่างลูกผู้ดี แล้วปรี่เข้าประจบท่านอ๋อง (29)
หนึ่งเดือนต่อมา
ตันหวายมองดูกระดาษบนโต๊ะ ก่อนจะวางพู่กันลงอย่างพึงพอใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาลองใช้พู่กันวาดภาพ ยังคงเป็นภาพดวงตาคู่นั้น
“ระบบ เหลืออีกกี่วัน?” ตันหวายถาม
(เหลือเวลาอีกสี่สิบห้าวัน ท่านเจ้าของร่างโปรดเร่งมือโดยเร็ว)
ตันหวายพยักหน้า คิดว่าถึงเวลาแล้ว
ตลอดหนึ่งเดือนมานี้ เขาราวกับกลายเป็นตันฝูเซิงโดยแท้จริง พยายามทำดีกับเหอจินหมิงอย่างสุดความสามารถ ส่วนเหอจินหมิง บัดนี้นับวันยิ่งเชื่อมั่นในตัวเขา ให้ความสำคัญกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ
เหอจินหมิงมิใช่ว่าไม่เคยเอ่ยปากขอให้เขาถวายงานบรรทม แต่ล้วนถูกเขาปฏิเสธอย่างอ้อมๆ โชคยังดีที่เหอจินหมิงก็ไม่ได้รบเร้าเช่นกัน เพียงแค่มานั่งเล่นในหอจวินจื่อแห่งนี้ทุกวัน สนทนาพาทีเฉกเช่นสหายเก่าเท่านั้น
“ระบบ เปิดร้านค้าแลกแต้ม ผมต้องการแลกเปลี่ยนกู่แม่”
(การแลกเปลี่ยนต้องการคะแนนสะสมจำนวนยี่สิบแต้ม ขณะนี้ท่านมีคะแนนสะสมทั้งหมดจำนวน 100 แต้ม ต้องการยืนยันการแลกเปลี่ยนหรือไม่?)
ตันหวายเหลือบมองภาพวาดบนโต๊ะแวบหนึ่ง พยักหน้า “ยืนยัน”
(การแลกเปลี่ยนสำเร็จ เหลือคะแนนสะสมจำนวนแปดสิบแต้ม สินค้าชิ้นนี้ไม่อนุญาตให้แลกเปลี่ยนอีกครั้งในภายหลัง)
ตอนที่เหอจินหมิงมาหา ตันหวายกำลังนั่งดูภาพวาดภาพหนึ่งบนโต๊ะ
เหอจินหมิงเลิกคิ้ว โบกมือให้คนข้างหลังถอยออกไป ตนเองเดินเข้ามาพลางยิ้มกล่าว “ดูอะไรถึงตั้งใจดูเพียงนี้?”
ตันหวายรวบภาพเก็บไว้ ผลักสุราตรงหน้าไปทางเหอจินหมิงพลางกล่าวว่า “ท่านมาพอดีเลย ดูสิข้าได้สุราใหม่มาด้วย”
เหอจินหมิงนั่งลง ไม่ได้แตะต้องสุราบนโต๊ะ มองตันหวายแล้วกล่าว “เจ้าบอกก่อนว่าเจ้าดูอะไรอยู่ เราค่อยลองดื่มสุรานี่”
“ท่านดื่มก่อน” ตันหวายไม่ยอมลดราวาศอก
เหอจินหมิงไม่ขยับ
“ทำไม กลัวมีพิษรึ?” ตันหวายหัวเราะ เอาจอกตรงหน้าตนกับเหอจินหมิงสับเปลี่ยนกัน ชูจอกขึ้นให้เขา แล้วดื่มรวดเดียวหมด
ตลอดหนึ่งเดือนมานี้ เพราะความสนิทสนมของคนทั้งสอง ตันหวายกับเหอจินหมิงพูดคุยอย่างเป็นกันเองขึ้นมาก ดังนั้นจึงไม่กลัวว่าเหอจินหมิงจะโกรธเคือง
เหอจินหมิงหรี่ตา ชูจอกสุราขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ พลางใช้นิ้วชี้หมุนไปมา ขณะที่หมุนอยู่สุราจำนวนหนึ่งก็กระฉอกลงกับพื้น
เหอจินหมิงมองสุราในมือพลางหัวเราะ ก่อนจะชูจอกดื่มลงไป
ผลักจอกกลับไปหาตันหวาย ความหมายของเหอจินหมิงบ่งบอกชัดเจน ข้าดื่มสุราแล้ว เจ้าก็ควรเอาของที่เจ้าดูออกมาวางเสีย
ตันหวายเอนพิงกับเก้าอี้ กล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “ฝ่าบาททรงทราบหรือไม่ ความสอดรู้ฆ่าแมวหมายถึงอะไร?”
เจ้าไป๋เมาตรงเท้ากระดิกหู ส่งเสียงเหมียวๆ เรียกตันหวายหลายที
เหอจินหมิงได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว ฟังไม่เข้าใจว่าคำพูดของตันหวายหมายถึงอะไร แต่ตันฝูเซิงในวันนี้ทำตัวผิดปกติไปบ้างจริงๆ ส่วนผิดปกติตรงไหนนั้น เขาเองก็ยังคิดไม่ออก
ตันหวายหยิบภาพขึ้นมาพลางยิ้ม “นี่ข้าวาดเองกับมือเลย”
ตันฝูเซิงวาดภาพเป็นด้วยหรือ? เหอจินหมิงอึ้งงัน ในความทรงจำของเขา ตันฝูเซิงไม่ว่าดีดฉินหมากล้อมเขียนอักษรเขียนภาพล้วนไม่แตกฉานสักอย่าง สิ่งเดียวที่แตกฉานคือการเล่นสนุก เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเขาเรียนรู้การเขียนภาพตั้งแต่เมื่อไหร่
ตันหวายคลี่กางกระดาษ ความรู้สึกแรกของเหอจินหมิงคือวาดได้งดงามจริงแท้ เมื่อมองเห็นชัดว่าเป็นดวงตาข้างหนึ่ง เหอจินหมิงก็นิ่งตะลึง
“นี่คือ…”
“นี่คือดวงตาของจวินเฉิง” ตันหวายกล่าวต่อแทนเขา น้ำเสียงอ่อนโยน
เหอจินหมิงสีหน้าเคร่งขึงโดยพลัน จ้องมองเขาด้วยสายตาเฉียบคม ราวกับกำลังซักถามตันหวายว่าหมายถึงอย่างไร
ตันหวายเบะปาก ถามเป็นจริงเป็นจังว่า “ข้าวาดคนที่ข้าชอบ มีปัญหาอะไรหรือ?”
พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าที่เขาแสร้งวางมาดขรึมเมื่อครู่นั้นลำบากยากเย็นแค่ไหน แต่ก่อนไม่รู้ยังไม่เป็นไร เดี๋ยวนี้พอรู้แล้ว ก็ยิ่งเคารพเลื่อมใสบรรดาพี่ใหญ่ประเภทพูดจาขัดหูก็ตัดหัวในตำนานทั้งหลาย
“เช่นนั้นเจ้าเห็นเราเป็น—”
เช่นนั้นเจ้าเห็นเราเป็นอะไร!
เหอจินหมิงขบกราม ไม่ได้กล่าวจนจบ
ตันหวายที่ได้ฟังเพียงครึ่งเดียวตอบสนองทันควัน กล่าวด้วยสีหน้าสมเพชเวทนาว่า “ท่านคงไม่คิดว่า ท่านทำกับตันฝูเซิงถึงปานนี้ แล้วเขาจะหลงชอบท่านอยู่หรอกนะ!”
เหอจินหมิงกำลังอารมณ์เสีย พอได้ยินคำเรียกของตันหวายก็นึกว่าเขายังความจำเสื่อม แบ่งแยกตนเองกับตัวตนเดิมของเขาออกจากกัน จึงกล่าวเสียงเข้มว่า “มีใครบอกอะไรเจ้าใช่หรือไม่?”
ตันหวายกลอกตาขึ้นฟ้า คร้านจะสนใจเหอจินหมิงที่พูดไม่รู้เรื่องมาตั้งแต่ต้น ก่อนจะโยนราชโองการฉบับหนึ่งไปไว้ตรงหน้าเขาพลางกล่าว “ลงนามซะ ตราก็ประทับแทนท่านให้แล้ว”
เหอจินหมิงก้มหน้า เมื่ออ่านเนื้อหาในราชโองการแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที