[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก - ตอนที่ 6 สิงร่างลูกผู้ดี แล้วปรี่เข้าประจบท่านอ๋อง (6)
- Home
- [นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก
- ตอนที่ 6 สิงร่างลูกผู้ดี แล้วปรี่เข้าประจบท่านอ๋อง (6)
ตันหวายจำได้ลางๆ ว่าอดหลับอดนอนครั้งสุดท้ายก็เมื่อตอนปีหนึ่ง ภายหลังจากรู้ถึงโทษของการอดนอน ไม่กี่ปีหลังจากนั้นก็ไม่เคยอดนอนอีกเลย นึกไม่ถึงว่าพออดนอนอีกครั้ง กลับเป็นการเค้นสมองคิดวางแผนยึดอำนาจคนอื่น คิดๆ ไปแล้วก็หลั่งน้ำตาด้วยความขื่นขม
วิธีการประจบประแจงคนมีมากมายหลายวิธี อย่างเช่น ทำตัวเป็นสุนัขรับใช้ให้เขา หรืออย่างเช่น ทำให้เขาตกหลุมรัก ตันหวายเลือกวิธีที่สอง จวินเฉิงกับไป๋เยว่หน้าตาเหมือนกันมาก ไม่ได้ไป๋เยว่มาครอบครองก็ยังได้ซีหนานอ๋อง ไม่เห็นเสียหายตรงไหน!
ตันหวายลืมไปแล้วว่าตนหลับได้อย่างไร รู้เพียงว่าเมื่อลืมตาตื่นมาตอนเช้าตรู่ก็ปวดหัวแทบระเบิด โผล่หัวออกมาจากผ้าห่มขาดวิ่นแล้วงสูดหายใจสองสามที ตันหวายเจอสาเหตุของอาการปวดหัวแล้ว…หวัดกินจะไม่ปวดหัวได้ไงล่ะ ลมหนาวโหมพัดตอนกลางคืนแถมยังอดหลับอดนอนเขียนแผนการในห้องแคบๆ โทรมๆ จะไม่เป็นหวัดได้อย่างไร
ตันหวายเสยผมที่ยุ่งเป็นรังนกพลางลุกนั่งบนเตียง คิดว่าชีวิตช่างยากลำบากอะไรเช่นนี้ ชีวิตของตันฝูเซิงยิ่งยากลำบากแบบกู่ไม่กลับเลยทีเดียว
บ้านรั่วมิหนำซ้ำฝนกระหน่ำทั้งคืน ตันหวายยังไม่ทันคลานออกมาจากผ้าห่ม ก็มีคนมาหาถึงหน้าประตูแล้ว
ตันหวายเอนนอนอยู่บนเตียงเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ปรือตาพินิจดูหญิงสาวตรงหน้า หญิงสาวสวมมงกุฎหงส์ แต่งหน้าแต่งตาค่อนข้างหนา เส้นเรียวเล็กที่กรีดลงบนหางตายิ่งทำให้เธอดูดุดันเฉียบขาดขึ้นอีกสามส่วน หญิงสาวกำลังพินิจดูตันหวายอยู่เช่นกัน ดวงตาทอแววไม่แยแสอยู่เต็มเปี่ยม
“ตื่นเช้ากันจริงเชียว” ตันหวายปวดเมื่อยไปทั้งร่าง สูดจมูกแล้วกล่าวกับหญิงสาวว่า “ข้าไม่สบายตัวนิดหน่อย บุญคุณความแค้นอะไรทั้งหลาย ไว้เราค่อยคุยกันคราวหน้าแล้วกัน มิเช่นนั้นตอนนี้เจ้าจะโดนหาว่าเป็นพวกฉวยโอกาสเอา”
เจ้าของร่างเดิมนิสัยแย่ถึงขั้นไหนกันแน่ ศัตรูถึงได้เข้ามาหาเรื่องมากมายขนาดนี้ เจ้าของร่างเดิมตายแล้วก็แล้วกันไป บัดนี้ทุกสิ่งกลับตกมาอยู่ที่ตัวเขาหมด ตันหวายก่นด่าในใจ พลางชำเลืองมองหญิงสาวตรงหน้าอีกหลายรอบ
อะไรกันเนี่ย! ตันหวายแทบจะอยากลากคอตันฝูเซิงมาต่อยสักยก เขาไม่ได้มอบความทรงจำเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้เลย! ตอนนี้เขาเป็นเหมือนแมลงวันไร้หัว กระทั่งมีบุญคุณความแค้นอะไรกับผู้หญิงก็ยังไม่รู้เรื่อง!
หญิงสาวได้ฟังก็นิ่งงันไป ดันคิดว่าสิ่งที่ตันหวายพูดก็มีเหตุผลเสียอย่างนั้น!
ตันหวายเห็นหญิงสาวลังเลใจก็เกือบจะหลุดขำ แม่นางผู้นี้ช่างน่ารักน่าชังเกินไปแล้ว ไม่มีสำนึกของตัวร้ายเลยสักนิด
“ตอนนี้ข้ารู้สึกไม่สบายมาก ไม่เช่นนั้นสู้เจ้าเป็นคนดีให้ตลอดรอดฝั่ง ช่วยหยิบยาให้ข้าได้ไหม?” ตันหวายกวาดสายตามองใบหน้าของหญิงสาว เผยรอยยิ้มไม่มีพิษมีภัยให้กับนาง “รอข้าหายดีแล้ว พวกเราค่อยสะสางหนี้แค้น อย่างนี้ยุติธรรมดี ว่าอย่างไร?”
หญิงสาวหัวคิ้วขมวดมุ่น สาวเท้าเดินมาข้างหน้า สังเกตอาการตันหวายอย่างละเอียดสักครู่ ก่อนหันไปกล่าวกับนางกำนัลด้านหลัง “เรียกหมอหลวงมา”
ภายในห้องเหลือแค่เพียงตันหวายกับหญิงสาว ตันหวายนอนเอนอยู่บนเตียงหลับตาพักผ่อน ส่วนหญิงสาวกลับจ้องหน้าตันหวายเขม็งอยู่ตลอดเวลา ตันหวายหลับตายังรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบของหญิงสาว
ลืมตาขึ้นอย่างจนใจ ตันหวายมองไปทางหญิงสาวพลางกล่าว “แม่นาง ข้าชอบผู้ชาย”
“ข้ารู้” หญิงสาวแค่นหัวเราะ “ข้าก็แค่อยากดูสักหน่อย คุณชายตันที่เลื่องลือกันทั่วทั้งต้าฉู่ คนที่ทำให้เขากอดไว้ในอ้อมแขนกระทั่งวันพิธีอภิเษกสมรส หน้าตาจะน่าดูชมสักเพียงไรกัน บัดนี้เห็นแล้ว ก็ไม่เท่าไหร่นี่นะ”
ความคิดพลันผุดวาบขึ้นในหัวตันหวาย เดาออกแล้วว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นใคร นี่คือน้องสามีของเขานี่เอง! ถึงแม้ตอนนี้เขากับจวินเฉิงจะยังไม่มีอะไรคืบหน้า แต่ก็ไม่อาจยับยั้งความประทับใจที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ของเขาต่อจวินฉิงได้เลย
“ข้าอยู่ซีหนานได้ฟังเรื่องราวของเจ้ามามาก แน่นอนว่าส่วนใหญ่มิใช่เรื่องน่าภิรมย์อะไร” หญิงสาวลุกขึ้นยืนพลางมองสำรวจไปทั่วห้อง “เจ้าก่อเรื่องให้คนทั้งใต้หล้าพากันเยาะเย้ยมากมายเพียงนี้ เคยเสียใจบ้างหรือไม่?”
ตันหวายไม่ได้กล่าวอะไร เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี คนเรากระทำผิด ย่อมต้องชดใช้เวรกรรม เวรกรรมที่ตันฝูเซิงต้องชดใช้นั้นคืนสนองเร็ว เอาชีวิตเขาไปทิ้งคนเดียวไม่พอ ยังเดือดร้อนถึงชีวิตของคนทั้งตระกูลเขาด้วย
ตันหวาย “พี่ชายเจ้าชอบอะไรหรือ?”
“อะไร?” จวินฉิงตั้งตัวไม่ทัน
“ข้าถามว่าพี่ชายเจ้าชอบอะไรหรือ? อย่างเช่นชอบกินอะไร ชอบเครื่องประดับอะไร ชอบคนราศีไหน ชอบคนแบบไหน ชอบ…”
“บังอาจนัก!” จวินฉิงวาดมือขึ้นชี้หน้าเขา โกรธจนหน้าแดงก่ำไปหมด “เจ้ายั่วยวนฝ่าบาทไม่พอ เจ้ายังคิดยั่วยวนพี่ชายข้าอีกรึ? พี่ชายข้าคู่ควรกับคนอย่างเจ้าเสียเมื่อไหร่ เจ้ายังไม่รีบหยุดความคิดโสมมเช่นนี้อีก!”
ตันหวาย “…”
เอาล่ะ ถึงแม้เธอจะพูดถูกว่าฉันคิดจะอ่อยพี่ชายเธอ แต่เธอช่วยพูดให้มันน่าฟังกว่านี้หน่อยได้ไหม พูดจาแสลงหูแบบนี้ออกเรือนไปแล้วโดนตบเข้าให้อย่าหาว่าฉันไม่เตือน
“พวกเจ้าทำอะไรกัน?”
ตันหวายกับจวินฉิงหันไปมองด้านนอกประตูพร้อมกัน ก่อนจะพบว่าปีศาจกำลังยืนอยู่หน้าประตู มองดูพวกเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ฝ่าบาท!” จวินฉิงได้สติกลับมาเป็นคนแรก ท่าทีเมื่อสักครู่หายวับในพริบตา ก่อนโผเข้าสู่อ้อมอกของเหอจินหมิงอย่างอ่อนแอ “ฝ่าบาท พระองค์เสด็จมาได้อย่างไรเพคะ”
เหอจินหมิงโอบกอดนางไว้ สายตาเขม็งมองตันหวายอย่างเ**้ยมเกรียม
เดี๋ยวก่อน ฉากแบบนี้มันคลับคล้ายคลับคลายังไงอยู่นะ? ตันหวายพูดไม่ออก ไม่ใช่ว่าเป็นฉากนางเอกถูกแม่ดอกบัวขาว[1]ปั้นเรื่องใส่ร้าย พระเอกก็เลยเข้าใจนางเอกผิด เกิดบันดาลโทสะจนลงโทษนางเอกอย่างหนักหรอกหรือ?
เป็นจริงดังคาด
“เจ้าทาสชั้นต่ำตันฝูเซิงบังอาจล่วงเกินฮองเฮา จับมันไปคุกเข่าสำนึกผิดหน้าตำหนักเย็น”
——
[1] คำแสลงจีน หมายถึง ผู้หญิงที่ภายนอกดูใสซื่อแต่เบื้องหลังประพฤติตัวไม่งาม