[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก - ตอนที่ 62 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (31) / ตอนที่ 63 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (32)
- Home
- [นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก
- ตอนที่ 62 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (31) / ตอนที่ 63 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (32)
ตอนที่ 62 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (31)
บัตรเชิญบอกว่าเป็นบัตรเชิญก็จริง แต่ในความเป็นจริงแล้วคือคำเชิญออกงานอีเวนท์
ตันหวายหัวเราะเหอะๆ “ผม? ออกงาน? ท่านเห็นว่าผมนอกจากแสดงละครวาดรูป ยังดูเหมือนคนที่ทำอย่างอื่นเป็นอีกเหรอ?”
หลิวหลิวลำบากใจ “อีเวนท์ธุรกิจพวกนี้ก็แค่เข้าร่วมเป็นพิธี เชิญพวกดารามาโชว์ตัวหน่อยก็จบแล้ว”
ผู้ที่เชิญตันหวายออกงานครั้งนี้คือหลงเหยียนกรุ๊ป การเข้าร่วมงานเลี้ยงสักงาน ก็คือการขึ้นไปร้องเพลงสักเพลงสร้างความครึกครื้นสนุกสนานอะไรเทือกนั้น
“ดาราหางแถวตกกระป๋องอย่างผมจะไปเข้าร่วมพิธีอะไรกัน?” ตันหวายกลอกตาทีหนึ่ง เจ้าพ่อธุรกิจเชิญชวนเขา ไม่ใช่เขาเพี้ยนก็เป็นเจ้าพ่อเพี้ยนเองน่ะแหละ
“จะไม่ไปจริงๆ?” หลิวหลิวถาม
“ไม่ไป!” ตันหวายตอบอย่างเด็ดขาด “ถึงตอนนั้นพอผมขึ้นเวที ก็เอาแต่ถามกันว่าผมเป็นใคร มันน่าอึดอัดจะตาย”
“หนึ่งล้าน” หลิวหลิวงัดไม้แข็งออกมาสู้ “ค่าออกงาน หนึ่งล้าน!”
……
ไป! หลอกต้มก็ไป! ไม่รู้จักก็ไป! นี่มันเงินล้านเชียวนะ เขาคือคนที่ต้องการหาเงินมาแต่งภรรยาจริงๆ
เริ่นตงหลิวสตูดิโอให้สิทธิเสรีภาพแก่นักแสดงอย่างกว้างขวาง การออกงานอีเวนท์เล็กๆ แบบนี้ โดยปกติแล้วนักแสดงสามารถตัดสินใจเองได้เลย แน่นอนว่าหากเกิดเรื่องนักแสดงก็ต้องรับผิดชอบเองเช่นกัน
ตันหวายสวมชุดสูทสีครามไพลิน ยืนอยู่เบื้องหน้าโรงแรมใหญ่โตสูงหลายสิบชั้น ถามว่า “ที่นี่น่ะเหรอ?”
หลิวหลิวกุมขมับออกมาจากในรถ เอ่ยถามภายใต้สถานการณ์ที่ต้องพยายามไม่ทำลายความมั่นใจของนักแสดงอย่างที่สุด “นายรู้ตัวบ้างไหมว่าชุดที่นายใส่มันดูงี่เง่าน่ะ?”
ไม่ใช่ว่าเขามีอคติกับชุดสูทสีครามไพลิน แต่สูทชุดนี้พอสวมอยู่บนตัวตันหวายช่างเหมือนกับนกยูงที่พร้อมจะรำแพนหางได้ทุกเมื่อ เจิดจ้าเสียจนบาดตาชาวบ้านชาวช่องไปหมด
ตันหวายไม่สนใจเขา ก้าวเดินเข้าไปด้านในด้วยตัวเอง
ไม่พูดไม่ได้ว่า งานสังสรรค์ทางธุรกิจก็คือธุรกิจ เจ้าพ่อธุรกิจด้านในมีไม่น้อยเลยทีเดียว สุ่มชี้ใครสักคนก็ล้วนเป็นบุคคลที่เคยปรากฏอยู่ในนิตยสารธุรกิจสักฉบับกันทั้งสิ้น
ชั่วพริบตาที่ตันหวายเดินเข้ามาก็ดึงดูดสายตานับไม่ถ้วน ทุกคนจ้องมองเขาพลางกระซิบกระซาบ พากันทายดูว่าเขาเป็นใคร
ตันหวายไม่สนใจสายตาของพวกเขา ก่อนจะหาบริเวณห่างไกลผู้คนนั่งลงไป การออกงานครั้งนี้ทุกอย่างดูแปลกชอบกลจริงๆ มีอย่างที่ไหนให้ดาราที่ออกงานโผล่มาเปิดตัวกลางห้องโถง?
ตันหวายที่จมอยู่ในภวังค์ความคิดไม่รู้สึกตัวเลยว่า ทุกการกระทำของเขาล้วนตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง
เถียนฉือจ้องมองใบหน้าของตันหวายอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดก็หยิบแก้วค็อกเทลเดินเข้าไปยืนข้างเขา โน้มตัวลงเล็กน้อย ยกค็อกเทลไว้ตรงอกโดยเอนแก้วไปข้างหน้า “ขอเลี้ยงเหล้าคุณสักแก้วได้ไหมครับ?”
ไม่มีคำตอบ
เถือนฉือเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความฉงน
ตันหวายมองเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพลางเอ่ยขึ้นช้าๆ “แม่ผมสอนไว้ อาหารนอกบ้านจะกินสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้”
เถียนฉือ “…”
เถียนฉือยังคงรอยยิ้มไว้ ก่อนวางค็อกเทลในมือลงบนถาดของบริกรที่เดินผ่านมา กล่าวอีกว่า “งั้นแอดวีแชทกันได้ไหม?”
“เจ้าพ่อธุรกิจอย่างพวกคุณจะชวนคุยต้องติดดินขนาดนี้เลยเหรอ?” ตันหวายประหลาดใจ จากนั้นก็มองเถียนฉืออย่างสงสัยพลางกล่าว “คุณคงไม่ใช่พวกขายชาเขียวหรอกนะ”
ระบบได้ฟังก็เกือบจะหัวเราะออกเสียง จริงดังคาด นอกจากเริ่นตงหลิวแล้ว ใครก็ไม่อาจทำให้ท่านเจ้าของร่างของมันหวั่นไหวได้
โบราณกล่าวไว้ว่า ผู้ประสบความสำเร็จพึงมีคุณสมบัติสองประการ ประการแรกคือความอุตสาหะอันยาวนาน ประการที่สองคือหนังหน้าทนทานแข็งแรง ตอนนี้ตันหวายค้นพบแล้ว โบราณว่าไว้ไม่มีผิดเลย
เถียนฉือเลิกคิ้วขึ้น ยิ้มกล่าว “คุณพูดถูกเผงเลยทีเดียว ตระกูลเถียนของเราตั้งตัวจากชาเขียวจริงๆ” ว่าพลางยื่นมือถือมาให้ตันหวายอย่างสุภาพ “ทีนี้ให้เบอร์มือถือได้หรือยังครับ?”
???
ตันหวายทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก เขาปฏิเสธอย่างชัดเจนเสียขนาดนั้น ทำไมคนคนนี้ถึงยังแกล้งโง่ถึงขั้นนี้ได้
“ท่านประธานเถียน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ พอดีว่าเขามีแฟนแล้ว” เสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา น้ำเสียงเจือแววกดดันอันทรงพลัง
ตอนที่ 63 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (32)
เขามีแฟนแล้ว เขามีแฟนแล้ว เขามีแฟนแล้ว!!!
คำพูดของเริ่นตงหลิวประดุจอสนีบาตฟาดทลายลงมา ฟาดจนสมองตันหวายอื้ออึงสับสนไปหมด
เริ่นตงหลิวเดินหน้าขรึมเข้ามาอยู่ตรงหน้าตันหวาย ก้มตัวลงเล็กน้อยพลางเอื้อมมือมาให้เขา บ่งบอกความหมายชัดเจนว่า ขอให้ตนส่งมือไปให้เขา
ผู้คนส่วนหนึ่งตกใจกับการกระทำของพวกเขาตรงนี้ คนเหล่านี้พากันเบนสายตามามองพวกเขาด้วยความสนอกสนใจ
ตันหวายกะพริบตาปริบๆ มองเริ่นตงหลิวอย่างงงงัน คึกคักดั่งกระต่ายที่มองเห็นแครอทแต่ไม่รู้ว่าควรลงมือเมื่อไหร่ดี
เริ่นตงหลิวเม้มริมฝีปาก กวาดสายตามองทุกคนที่เริ่มครึกครื้นกันขึ้นมา ก่อนก้าวเข้ามาดึงตันหวายลุกขึ้น กึ่งโอบไว้ในอ้อมแขน แล้วเดินออกจากห้องโถงไปทันที
เถียนฉือขมวดคิ้ว จ้องมองแผ่นหลังที่หายลับไปของทั้งคู่พลางกำหมัดแน่น
ภายในห้องสวีทของโรงแรม เริ่นตงหลิวดันร่างตันหวายติดกับผนังแล้วก้มลงประกบจูบโดยไม่ยอมให้แก้ตัว ไม่แยแสสีหน้าตื่นตระหนกของตันหวายแม้แต่น้อย ริมฝีปากทั้งคู่แนบชิดกัน พลิกซ้ายเอียงขวาอย่างดูดดื่ม ลมหายใจต่างรินรดบนใบหน้า ช่างแสนงดงามและเร่าร้อน
จนกระทั่งตันหวายเริ่มรู้สึกว่าหายใจลำบาก เริ่นตงหลิวจึงค่อยปล่อยตัวเขา ใบหน้าของทั้งสองใกล้ชิดกัน ใกล้ชิดจนสามารถมองเห็นตำหนิเล็กๆ บนใบหน้าของอีกฝ่าย
รอบด้านเงียบสงัด ดวงไฟในห้องสวีทเปิดสว่างขึ้นเพราะแรงกระแทกจากตันหวาย คนทั้งสองใต้แสงไฟสบตากันไม่พูดจา
ผ่านไปเนิ่นนาน นานจนกระทั่งตอนที่เริ่นหลิวนึกว่าตันหวายเป็นใบ้เสียแล้ว ตันหวายก็ทลายความเงียบงันระหว่างทั้งคู่ในที่สุด
ตันหวายหรี่ตาลง พินิจพิจารณาชุดสูททางการบนตัวเริ่นตงหลิวครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็พบว่าเริ่นตงหลิวคนนี้มีเสน่ห์เกินไปแล้ว ไม่ว่าจะสวมชุดสูทหรือสวมชุดลำลองล้วนน่าดึงดูดจนเขาหัวใจเต้นรัว
เอื้อมมือไปเกี่ยวเข็มขัดของเริ่นตงหลิว ตันหวายพลันกระตุกมือซ้าย ฉุดรั้งร่างเริ่นตงหลิวเข้ามาหาตน แค่นเสียงหึกล่าวว่า “ผู้กำกับใหญ่เริ่นไม่ใช่ชายแท้ทั้งแท่งหรอกเหรอ หืม?”
“งอแล้ว” เริ่นตงหลิวก้มหน้ามอง พอเห็นริมฝีปากที่เปียกชื้นเล็กน้อยของเขา นัยน์ตาก็พลันทอแววลึกล้ำ กล่าวต่อว่า “งอเป็นขดยากันยุง[1]ตั้งนานแล้ว”
ตันหวายเบิกตาโพลง “ไหนคุณบอกว่าคุณเป็นชายแท้?”
พอเริ่นตงหลิวอ้าปากจะอธิบาย ใครบางคนก็เคาะประตูจากด้านนอก
ตันหวายมองไปทางเริ่นตงหลิวอย่างสับสน กระซิบถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
เริ่นตงหลิวเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ตบบ่าปลอบโยนเขาแล้วทำท่าจะเดินไปเปิดประตู
เดินไปไม่ถึงสองก้าว มือของเริ่นตงหลิวก็ถูกตันหวายคว้าจับไว้
“ผมต้องซ่อนตัวหรือเปล่า?” ตันหวายกระซิบกล่าว ดวงตาใสซื่อเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นแค่ดาราตัวเล็กๆ ทั้งยังอยู่ในสังกัดเริ่นตงหลิวสตูดิโอ จู่ๆ มาโผล่ที่ห้องพักในโรงแรมพร้อมกับเขา จะพูดอย่างไรก็คงฟังไม่ขึ้น
“ไม่ต้อง คุณตามหลังผมมา” เริ่นตงหลิวรั้งมือของตันหวายเอาไว้ ก่อนลากเขาไปเปิดประตูโดยไม่ยอมให้คัดค้าน
“ตงหลิวฉัน…” ผู้หญิงที่หน้าประตูรอยยิ้มแข็งค้าง จากนั้นก็สงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็ว ผงกศีรษะยิ้มๆ ให้กับตันหวาย ก่อนหันไปบอกเริ่นตงหลิวว่า “คุณลุงเริ่นให้ฉันมาตามคุณกลับไป ฉันเห็นว่าคุณไม่อยู่ในห้องโถง ก็เลยมาหาคุณที่นี่”
“อืม” เริ่นตงหลิวพยักหน้า ปล่อยมือของตันหวายแล้วเปลี่ยนเป็นโอบประคองพลางกล่าว “เดี๋ยวผมออกไปเอง ขอบคุณคุณหนูหลี่”
หลี่เยียนที่ก่อนหน้านี้ยังฝืนยิ้มอยู่ได้เมื่อเห็นการกระทำของเริ่นตงหลิวก็ทนฝืนไม่ไหวอีกต่อไป
หลี่เยียนหุบยิ้มลง หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของตันหวาย พอเห็นว่าริมฝีปากตันหวายบวมเจ่อขึ้นมาอย่างชัดเจน นัยน์ตาหลี่เยียนก็พลันเย็นเยียบ กล่าวตักเตือนว่า “เล่นสนุกข้างนอกน่ะพอได้ คุณลุงเริ่นเกลียดคนไม่เอาไหนที่สุด”
หืม? ตันหวายสะบัดหน้าไปมองหลี่เยียนพลางขบกราม
เริ่นตงหลิวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แค่นหัวเราะกล่าว “ถ้าอย่างนั้นคุณหนูหลี่อย่าโผล่หน้าไปให้คุณพ่อเห็นจะดีกว่า คุณพ่อไม่ชอบคนไม่เอาไหนที่สุด”
“พรืด~” ตันหวายทนกลั้นหัวเราะไม่ไหว พอเห็นสีหน้าถมึงทึงของหลี่เยียนก็แอบรู้สึกสะใจ
ความรู้สึกเวลาตอกกลับคนอื่นจนหน้าหงายโดยไม่ต้องลงมือเองแบบนี้ มันช่างน่าสะใจเสียจริงๆ!
สะใจกับตัวเองสักพัก ตันหวายก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เงยหน้าขวับขึ้นทันใด ตันหวายเอามือจับเอวเริ่นตงหลิวพลางถามว่า “ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่? ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”
อันที่จริงวงการบันเทิงกับโลกธุรกิจเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น เริ่นตงหลิวมาถึงที่นี่ยังพอเข้าใจได้ ที่สำคัญคือเขาอยากถามว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครมากกว่า แต่จะให้ตนถามออกไปโต้งๆ อย่างนั้นก็กระไรอยู่…
——
[1] หมายถึงคนรักร่วมเพศ