[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ - ตอนที่ 142 อยากพูดแต่พูดไม่ได้ / ตอนที่ 143 ขัดแย้ง
- Home
- [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ
- ตอนที่ 142 อยากพูดแต่พูดไม่ได้ / ตอนที่ 143 ขัดแย้ง
ตอนที่ 142 อยากพูดแต่พูดไม่ได้
เมื่อชย่าอวี่ชิวมาถึงก็สังเกตเห็นช็อกโกแลตในมือของชุยหัง
“ใครซื้อให้นาย” ชย่าอวี่ชิวถาม
ชุยหังรู้สึกอึดอัดนิดหน่อยและพูดว่า: “คนอื่นให้มา ไม่มีใคร”
“ผีหรอ?” ชย่าอวี่ชิวถาม
คำพูดของชุยหังเดิมทีก็ผิดปกติอยู่แล้ว แล้วยังไม่ได้ตอบคำถามของชย่าอวี่ชิวเลย แถมหน้าหลังยังขัดแย้งกันไปหมด
“ไม่ใช่ เอาเป็นว่าคนอื่นให้”
“เพิ่งให้เมื่อกี้?” ชย่าอวี่ชิวครุ่นคิด
“อืม เมื่อกี้” ชุยหังกล่าว
ชย่าอวี่ชิวถามขึ้น: “นายมีคู่เดทแล้วใช่ไหม”
ชุยหังคิดไม่ถึงว่าความช่างสังเกตของเขามันจะดีขนาดนี้ แต่ว่าเขาก็ยังรู้สึกอึดอัดใจที่จะยอมรับ ในเมื่อตนก็พึ่งจะปฏิเสธชย่าอวี่ชิวไปเพียงไม่นาน เหตุผลในตอนนั้นก็ค่อนข้างจะฝืนใจบีบบังคับให้คล้อยตามด้วย
“พวกเราไปกินเกี๊ยวกันเถอะ” ชุยหังว่า
ชย่าอวี่ชิวพูดขึ้น: “นายก็เอาแต่กินเกี๊ยว เปลี่ยนรสชาติบ้างได้ไหม”
“นี่พึ่งจะครั้งที่สองเอง อีกอย่างที่นี่ก็ยากที่จะได้ลิ้มรสชาติอาหารแบบตงเป่ยแท้ๆ ด้วย นายไม่คิดแบบนั้นหรอ” ชุยหังเอ่ยถาม
“ก็ได้ นายอยากกินอะไรก็กินอันนั้นแหละ ในเมื่อวันนี้นายอารมณ์ดี ไม่แน่นายอาจจะเลี้ยง” ชย่าอวี่ชิวกล่าว
ชุยหังพูดขึ้น: “แน่นอนสิ เกี๊ยวมื้อหนึ่งฉันยังพอที่จะเลี้ยงไหว”
เมื่อทั้งสองคนมาถึงร้านเกี๊ยว แต่ละคนก็ยังคงสั่งเกี๊ยวหกหยวน แล้วก็ซุปเกี๊ยวมาอีกสองชาม
“กินเครื่องเคียงไหม” ชุยหังถาม
ชย่าอวี่ชิวมองเขาแล้วพูดว่า: “นายมีคู่เดทแล้วจริงๆ หรอ”
ชุยหังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า: “อืม ถือว่าใช่มั้ง”
“อะไรคือถือว่าใช่ เป็นอะไรยังอึดอัดที่จะพูดหรอ” ชย่าอวี่ชิวถาม
ชุยหังพูดขึ้น: “ก็ไม่รู้จะพูดยังไงคือมันค่อนข้างกะทันหันมาก”
“ใช่กะทันหันมาก ฉันนึกว่านายจะตัดสินใจไม่หาแล้วซะอีก ขนาดว่าวันๆ ฉันเอาแต่ตัวติดนายอยู่แบบนี้ นายยังมีเวลาไปสมคบกับคนอื่นก็ถือว่าเก่งมาก” ชย่าอวี่ชิวว่า
“อะไรคือเรียกสมคบ พวกเราไม่ค่อยได้ติดต่อกันมากเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงก็…คบกันแล้ว” ชุยหังว่า
“ไม่ค่อยติดต่อกัน? ฉันรู้ว่าปัญหาของตัวเองมันเกิดขึ้นจากตรงไหนแล้วล่ะ ก็คือฉันมาปรากฏตัวต่อหน้านายบ่อยมากเกินไป ที่แท้นายก็ชอบเพลโต [1] หรอ” ชย่าอวี่ชิวล้อเขาเล่น
ชุยหังรีบพูดขึ้นทันทีว่า: “ไม่ได้หมายความแบบนี้ คือ…”
เขากำลังครุ่นคิดว่าจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงดี หลูจื้อก็ส่งวีแชทมาหา
[ฉันถึงแล้วนะ ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว]
ชุยหังเผลอยกมุมปากขึ้นโดยไม่รู้ตัวแล้วส่งข้อความกลับไปให้หลูจื้อว่า: [อืม ฉันรู้แล้ว]
จากนั้นเขาก็เพิ่มสติ๊กเกอร์หน้ายิ้มใส่แล้วส่งไป
“แฟนนายหรอ” ชย่าอวี่ชิวถาม
ชุยหังพูดขึ้น: “นายรู้ได้ไง?”
“ดูจากท่าทางที่ดีอกดีใจจนหน้าบานนั่นของนายไง ฉันไม่ได้ตาบอดนะ” ชย่าอวี่ชิวกล่าว
ชุยหังพูดขึ้น: “อะไรคือดีอกดีใจจนหน้าบาน นายใช้คำให้มันดีหน่อยไม่ได้หรอ”
ชย่าอวี่ชิวพูดขึ้น: “นี่ก็ทำใจฉันแตกสลายไปหมดแล้ว นายยังจะให้ฉันเลือกคำดีๆ ให้นายอีก ใจนายนี่มันกว้างจริงๆ”
ชุยหังมองเขาและพูดว่า: “ดูๆ ทำไมนายพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกแล้ว”
“ช่างมันเถอะ ไม่พูดถึงแล้ว แฟนของนายทำอะไรหรอ คนในมหา’ ลัยพวกเราหรือเปล่า วิทยาเขตไหน” ชย่าอวี่ชิวถาม
ชุยหังพูดขึ้น: “เรื่องนี้เอาไว้ค่อยพูดทีหลังเถอะ เขาคงจะไม่อยากเปิดเผยต่อสาธารณะ”
เมื่อนึกถึงลักษณะเฉพาะของงานของหลูจื้อแล้ว เขายังคงคิดว่าเก็บไว้ให้เงียบๆ หน่อยน่าจะดีกว่า
ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขาเองยังจำเป็นต้องใช้เวลาสักพัก เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสถานะนี้แล้วค่อยว่ากัน
“คงจะไม่ใช่พวกที่เพิ่มมาตามโปรแกรมโน่นนี่สุ่มสี่สุ่มห้าหรอกใช่ไหม” ชย่าอวี่ชิวถาม
ชุยหังพูดขึ้น: “นายคิดอะไรเนี่ย ไม่ใช่แน่อยู่แล้ว นายสบายใจเถอะคุณสมบัติประจำตัวเขาไม่มีปัญหา”
“อืม ดูเหมือนว่านายจะรู้จักเขาเป็นอย่างดีเลยนะ นายมาที่นี่ที่จริงก็แค่ไม่นาน งานเลี้ยงคนบ้านเดียวกันวันนั้นนายก็ดื่มซะมีสภาพแบบนั้น ตอนนั้นคงจะยังไม่มีแฟนใช่ไหมล่ะ นี่พึ่งจะสองวันเองปะ? แฟนคนนี้โผล่มาจากไหน คือขนาดใช้โรงเพาะชำก็คงจะไม่โตเร็วขนาดนี้หรอกมั้ง”
ตอนที่ 143 ขัดแย้ง
แน่นอนว่าชุยหังไม่ได้ถือสากับคำหยอกล้อของชย่าอวี่ชิว เพียงแต่รู้สึกว่าไม่รู้จะบอกกับเขายังไงดีว่าตนกับหลูจื้อมาคบกันได้ยังไง
ขั้นตอนผ่านมานี้ในสายตาของคนอื่นบางทีมันอาจจะสั้นมาก แต่ตัวเขาเองรู้ดีว่าถึงแม้เวลามันจะไม่นานแต่เขากับหลูจื้อต่างก็ผ่านความพันพัวยุ่งเหยิงและการทะเลาะขัดแย้งมามากมาย หรือกระทั่งความเจ็บปวดและใจสลาย
หลูจื้อสามารถตัดสินใจแบบนี้ได้ เต็มใจที่จะกลับมาและกล้าต่อต้านครอบครัวสักครั้งเพื่อเขา มันก็พอจะทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งใจ
คำถามมากมายเกี่ยวกับหลูจื้อเมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่สำคัญแล้ว
ยังมีเรื่องอะไรที่มันจะร้ายแรงไปกว่าคนสองคนได้คบกันอีกหรอ?
“ไม่ใช่ รู้จักมาก่อนหน้านั้น” ชุยหังกล่าว
“ก่อนหน้าหรือว่าทีหลังฉัน?” ชย่าอวี่ชิวถาม
ชุยหังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า: “ก่อนหลังกันแป๊บเดียวมั้ง เวลาใกล้เคียงกัน แต่ว่าดูเหมือนจะเร็วกว่านายนิดหน่อย”
“ถ้านายบอกว่ามาทีหลังฉัน ฉันอาจจะคิดว่าเป็นครูฝึกคนไหนสักคน แต่ถ้ามาก่อนหน้าฉัน ฉันก็เดาไม่ออกแล้ว เพราะนายมาที่มหา’ ลัยนี้คนแรกที่รู้จักก็คือฉัน” ชย่าอวี่ชิววิเคราะห์
ชุยหังถูกคำพูดของเขาทำเอาตกอกตกใจ เมื่อครู่นี้เขาเกือบจะตั้งเป้าหมายได้ถูกแล้ว
“คงจะไม่ใช่คนขับรถโจรเมื่อตอนแรกคนนั้นหรอกใช่ไหม?” ชย่าอวี่ชิวถาม
ชุยหังรีบปฏิเสธและพูดว่า: “นายรีบลืมไปซะเถอะ ฉันยังจำหมายเลขทะเบียนรถได้อยู่เลย ยังไม่ทันได้ร้องเรียนเอาความเขาเลย จะมีความสัมพันธ์อะไรกับเขาได้ยังไง”
“งั้นยังจะเป็นใครไปได้อีก? รู้จักกันในเน็ต?” ชย่าอวี่ชิวถาม
ชุยหังพูดขึ้น: “ฉันก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง เอาเป็นว่าให้ฉันเรียบเรียงก่อนถ้าคิดได้แล้วจะบอกนายทีหลัง”
“แพ้แบบสับสนงงๆ แล้วยังไม่รู้อีกว่าคนนั้นเป็นใคร หงุดหงิดจริงๆ เลย” ชย่าอวี่ชิวกล่าว
ชุยหังรีบพูดขึ้น: “พอแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว ไม่ใช่ว่านายอยากจะหาสาวสวยจากคณะคมนาคมสักคนหรอ ตอนนี้คืบหน้าบ้างหรือยัง”
“ไม่มี มันจะเร็วขนาดนั้นได้ยังไง ตอนนี้นายกลัวว่าฉันจะตัวติดนายใช่หรือเปล่า” ชย่าอวี่ชิวว่า
ชุยหังพูดขึ้น: “ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น มาครับพี่ชย่าดื่มน้ำซุป ดื่มน้ำซุป”
จากนั้นโทรศัพท์มือถือของชุยหังก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นซ่งไข่
ชุยหังรู้สึกใจฝ่อนิดหน่อย แต่ว่าสุดท้ายก็ออกไปรับสายโทรศัพท์
“ฮัลโหล ครูฝึกซ่ง”
“เมื่อกี้หลูจื้อออกไปหานายมาใช่ไหม” ซ่งไข่กลับไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆ
ชุยหังคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ยอมรับออกไป
“อืม เขากลับไปแล้วไม่ใช่หรอครับ”
“พวกนายเป็นยังไงบ้าง ถือว่าตกลงปลงใจกันแล้ว?” ซ่งไข่ถาม
ชุยหังพูดขึ้น: “ถือว่าใช่มั้งครับ ยังไงก็ตามนั้นแหละครับ”
“เขาเป็นผู้ชายแท้ เบี่ยงเบนแล้วก็ง่ายที่จะเอียงเอนกลับนายไม่รู้หรอ ถึงตอนนั้นคนที่จะเจ็บปวดเสียใจก็คือตัวนายเอง นายเคยคิดบ้างไหม”
อารมณ์ของชุยหังเคร่งขรึมขึ้นนิดหน่อย อันที่จริงนี่เป็นปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่พอดี
เขาพูดขึ้น: “แล้วผมจะทำอะไรได้?”
ซ่งไข่ถอนหายใจและพูดว่า: “มันก็จริง นายชอบเขา ในตอนนี้เขาเองก็ชอบนายเหมือนกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นแค่ความหุนหันพลันแล่นชั่ววูบของเขาหรือเปล่า เมื่อถึงตอนนั้นถ้ารู้สึกตัวกลับมาก็เสียใจภายหลังแล้ว”
ชุยหังพูดขึ้น: “ครูฝึกซ่ง คุณแค่ราดน้ำเย็นใส่ผมเท่านั้นใช่ไหม”
“ราดน้ำเย็นกะผีน่ะสิ ฉันกำลังเตือนนายว่าอย่าทุ่มเทความรู้สึกมากขนาดนั้น แค่พอประมาณก็พอแล้ว ถึงตอนนั้นจะเจ็บปวดจนถลอกปอกเปิกไปทั้งตัว ถึงขนาดที่ที่ให้ร้องไห้ก็หาแทบจะไม่มี” ซ่งไข่กล่าว
ชุยหังกลับพูดว่า: “ครูฝึกซ่ง เรื่องของความรู้สึกเนี่ย ถ้าสามารถดึงกลับได้อย่างอิสระตามใจชอบมันยังจะเรียกว่าความรู้สึกได้อีกหรอครับ”
“เฮ้อ เจ้าเด็กคนนี้ทำคนอื่นเป็นห่วงจริงๆ เลย ทำไมจะชอบใครไม่ชอบต้องไปชอบผู้ชายแท้เข้าด้วยเล่า เอาล่ะนายจัดการเองก็แล้วกัน” ซ่งไข่พูดจบก็วางสายโทรศัพท์ไปเลย
ชุยหังมึนงงนิดหน่อย คำพูดของซ่งไข่เมื่อครู่นี้ทำให้อารมณ์ที่เดิมทีสดใสสวยงามอยู่ของเขาถูกเมฆมืดครึ้มเข้าปกคลุมทันที
——
[1] เพลโต 柏拉图 เป็นนักคิดชาวกรีกโบราณที่เชื่อมโยงความรักเข้ากับทฤษฎีของเขาเกี่ยวกับความรู้และความคิด เป็นความรักในแบบภราดรภาพ เสียสละเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่นนั้น