[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ - ตอนที่ 276 ครั้งแรกพบ / ตอนที่ 277 ควรดูกับไม่ควรดู
- Home
- [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ
- ตอนที่ 276 ครั้งแรกพบ / ตอนที่ 277 ควรดูกับไม่ควรดู
ตอนที่ 276 ครั้งแรกพบ
ชุยหังพูดขึ้นโดยเต็มไปด้วยความลำบากใจว่า: “เรื่องยาวนานขนาดนั้นแล้ว ทำไมนายยังจำได้อีก?”
ซ่งไข่หันกลับมามองพวกเขาแล้วพูดว่า: “ทำไมหรอ พวกนายเคยบังเอิญเจอกันบนถนนเส้นนี้?”
หลูจื้อพูดขึ้น: “อืม ครั้งแรกเขายืนด่าฉันอยู่บนถนนสายนี้ แถมยังเป็นตัวแทนครอบครัวเขาขอบคุณกองทัพของพวกเราที่ฝึกทหารดีขนาดฉันออกมาด้วยนะ”
คิดไม่ถึงว่าเขาจะจดจำได้อย่างชัดเจนขนาดนี้จนพูดออกมาได้ทุกคำ แต่เรื่องนี้ก็ไม่น่าแปลกเพราะตอนนั้นพวกเขาเจอกันครั้งแรกแถมยังรับรองได้เลยว่าตนจะต้องเป็นคนแรกที่พูดกับเขาแบบนั้นแน่นอน
ถ้าไม่มีความประทับใจเลยสิถึงเรียกแปลก
ยิ่งไปกว่านั้นภายหลังพวกเขายังไปเจอกับที่มหาวิทยาลัยอีก ซึ่งนั่นยิ่งพิสูจน์ได้เลยว่าพวกเขามีโชคชะตาต่อกันจริงๆ
ซ่งไข่หัวเราะพลางพูดว่า: “มันต้องตกอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบไหนนายถึงได้พูดคำพูดแบบนั้นกับว่าที่สามีในอนาคตของตัวเองได้?”
ชุยหังรู้สึกอายเล็กน้อยและพูดว่า: “ตอนนั้นผมโดนรถโจรคันหนึ่งลากมาถึงที่นี่แล้วก็รู้สึกกลัวนิดหน่อย แล้วเขาบังเอิญขับรถผ่านมาพอดีผมก็เลยไปขวางรถไว้ แต่หลังจากที่รถโจรคันนั้นขับหนีออกไปแล้วผมอยากให้เขาช่วยพาผมกลับ แต่เขากลับปฏิเสธผม แล้วผมก็คิดว่าปกติพี่ทหารควรจะมีน้ำใจไม่ใช่หรอทำไมถึงได้โยนนักศึกษาตัวเล็กๆ อย่างผมเอาไว้ในสถานที่แบบนี้คนเดียว”
“แล้วไงต่อ?” ซ่งไข่ฟังด้วยความสนใจ
ชุยหังพูดขึ้น: “จากนั้นเขาก็บอกผมว่าเดินต่อไปข้างหน้าอีกสักพักก็จะเจอเมือง ที่นั้นสามารถเรียกรถกลับไปส่งได้”
“อืม ตอนนั้นเขาคงจะกำลังไปปฏิบัติภารกิจน่ะ” ซ่งไข่ว่า
ชุยหังพูดอย่างช่วยไม่ได้: “ยังไงซะผมก็ไม่รู้นี่นา ต่อมาพอเปิดภาคเรียนก็พบว่าเขาเป็นครูฝึกของพวกเรา เดิมทีผมคิดว่าผมตัวเตี้ยเขาคงจะสังเกตไม่เห็นผมหรอก คิดไม่ถึงว่าเขากลับให้คนตัวเตี้ยไปยืนอยู่ด้านหน้าสุด”
หลูจื้อพูดขึ้น: “ว่าตัวเตี้ยก็แย่แล้ว ยังจะโกหกส่วนสูงของตัวเองจนต้องใส่กางเกงที่ความยาวไม่พอดีกับขาของตัวเองอีก สุดท้ายเป้าเปิดเลยเห็นไหมล่ะ”
ชัยหังหน้าแดงแล้ว ทำไมอะไรอย่างอื่นไม่พูดดันมาพูดเรื่องนี้?
แต่ว่าตอนที่เขาเริ่มรู้สึกประทับใจหลูจื้อก็คงจะเป็นตอนนั้นแหละ
เพราะคำพูดของเขาช่วยปกป้องตนไว้ไม่ให้เพื่อนร่วมชั้นหัวเราะเยาะตนอีก
ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นล่ะก็ความประทับใจของเขาที่มีต่อหลูจื้อคงจะยังเป็นครูฝึกใจแคบที่ชอบผูกพยาบาทคนอื่น
“ที่แท้พวกนายก็รู้จักกันตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว” ซ่งไข่ทอดถอนใจด้วยความหดหู่
ชัยหังก็ถูกประโยคนี้ทำเอาตกใจไปด้วย เพราะเขาจำได้ว่าถ้าหากนับตามเวลาแล้วที่จริงตนกับซ่งไข่ก็รู้จักกันมานานมากแล้ว
เพียงแค่ซ่งไข่เคยเห็นเขาแต่ว่าเขาไม่เคยเห็นซ่งไข่ก็เท่านั้นเอง
ดังนั้นตอนที่เขาเจอกับตนครั้งแรกถึงได้จำตนได้ในทันที
เขาไม่ได้ตอบรับประโยคนี้แต่หลูจื้อกลับพูดว่า: “ใช่สิ แต่ว่าตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าจะได้ลงเอยกับเขา”
ชุยหังตอบรับไปว่า: “แน่นอนสิ ตอนนั้นนายมีแฟนสาวอยู่แล้วไม่ใช่หรอ”
“ฮ่าๆๆ หลูจื้อทำไมนายถึงบอกเขาทุกอย่างเลยล่ะ”
หลูจื้อพูดขึ้น: “ตอนนั้นฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่าฉันจะถูกเขาเบี่ยงเบนเอา พอเห็นพฤติกรรมน่าเอือมระอานั่นของเขาแล้วยังคิดว่าถูกแฟนทิ้งมาถึงได้เข้าไปปลอบใจเขา สุดท้ายกลายเป็นว่าเอาตัวเองไปพัวพันซะงั้น”
“ความหมายของนายคือนายเสียเปรียบสิ?” ชุยหังฟังออกเป็นความหมายอื่น
“แน่นอนอยู่แล้ว คนที่คิดถึงฉันตลอดเวลามีตั้งมากมาย เพื่อต้นหญ้าอย่างนายขนาดสวนดอกไม้ฉันยังไม่เอาเลยนะ” หลูจื้อพูดอย่างตรงไปตรงมา
ชุยหังตะคอกกลับอย่างเย็นชาไปว่า: “ทำอย่างกับฉันข่มขู่นายยังไงอย่างนั้น…”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ แต่ว่านายมันสมควรโดนจัดการแล้วฉันก็สามารถจัดการนายได้…นายไม่เคยได้ยินสุภาษิตหนึ่งหรอที่เขาว่าขจัดอันตรายเพื่อประชาชน”
ตอนที่ 277 ควรดูกับไม่ควรดู
ซ่งไข่หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง แต่ชุยหังฟังออกว่าเขาดูหัวเราะแบบปลอมไปหน่อย
นี่คือสิ่งที่เขากังวลมากที่สุด ตนกับหลูจื้อมักจะอ้อยอิ่งต่อหน้าเขาแบบนี้บ่อยๆ อันที่จริงก็ไม่ค่อยดีเลย
ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาที่เป็นทหารในหัวสมองมีสายอักขระที่ขาดหายไปเส้นหนึ่งหรือเปล่า ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงดูเหมือนจะพะว้าพะวังน้อยเหลือเกิน
ถ้าหากความสัมพันธ์ไม่เลวล่ะก็ ชุยหังก็จะเป็นคนที่ใส่ใจมากว่าคนอื่นจะคิดยังไง ดังนั้นโดยส่วนใหญ่จึงมักจะเป็นฝ่ายรู้สึกผิดเอง
ก่อนหน้านี้เป็น ตอนนี้ก็เป็น ต่อไปในอนาคตก็อาจจะยังแก้นิสัยแบบนี้ทิ้งไปไม่ได้
แต่ว่าถ้าหากเป็นคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ชุยหังก็ไม่มีทางเป็นแบบนี้
เขารู้สึกว่าชีวิตมันสั้นเกินไป สำหรับพวกคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตเขาพวกนั้นแค่ให้พวกเขาดูแลชีวิตตัวเองให้ดีก็พอแล้ว ไม่มีคุณสมบัติอะไรที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์ชีวิตของเขา
ดังนั้นในความเป็นจริงแล้วนิสัยของชุยหังถือว่าขัดแย้งกันมากทีเดียว
สำหรับคนนอกเขาจะดูเป็นคนอิสระง่ายๆ แต่สำหรับคนที่เรียกได้ว่าสนิทสนมเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะปฏิเสธยังไง
หลูจื้อตบศีรษะของชุยหังเบาๆ แล้วพูดว่า: “รอนายแก่แล้วได้ผ่านที่นี่อีกครั้งแล้วนึกถึงคำพูดที่เคยพูดกับฉันขึ้นมานายจะรู้สึกเสียใจภายหลังไหม”
“แน่นอนว่าไม่ ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดพวกนั้นนายจะจำฉันได้ที่ไหนกัน แบบนั้นไม่ใช่ว่าโลกใบนี้จะมีผู้ชายที่ทำผิดต่อตัวเองเพิ่มอีกคน?” ชุยหังว่า
“อะไรคือผู้ชายที่ทำผิดต่อตัวเอง?” หลูจื้อถาม
“ก็ตัวเองไม่ได้รักไม่ได้ชอบแล้วยังต้องเสแสร้งทำเป็นสนิทสนมกัน จากนั้นก็แต่งงานมีลูก หรือว่ามันไม่เรียกว่าทำผิดต่อตัวเอง? ยังไงซะตอนนี้ผู้ชายมีมาก ผู้หญิงมีน้อย นายก็เหลือโอกาสไว้ให้คนอื่นเถอะ” ชุยหังพูดอย่างใส่อารมณ์ตรงไปตรงมา
หลังจากได้ฟังที่เขาพูดซ่งไข่ก็ยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา หลูจื้อตบศีรษะชุยหังเบาๆ อีกครั้งแล้วพูดว่า: “ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าในหัวของนายมันใส่อะไรเอาไว้บ้าง”
ระหว่างทางกลับชย่าอวี่ชิวได้ส่งข้อความผ่านวีแชทมาให้อีกครั้ง ถามว่าชุยหังอยู่ที่ไหนกันแน่ ทำไมถึงปิดมือถือตลอดเวลา ไม่สามารถเชื่อมต่อได้ แม้ว่าจะโทรติดแล้วแต่ก็ไม่มีใครรับสายเลย
ชุยหังเหลือบมองไปทางหลูจื้อ หลูจื้อพูดขึ้นว่า: “ไม่ต้องมองฉัน นายควรจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ”
ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ชุยหังยังคงไม่กล้าพอจึงหันหลังให้หลูจื้อแล้วค่อยพิมพ์ข้อความ
ไม่กล้าตอบกลับต่อหน้าหลูจื้อ เขาตอบกลับไปว่า: [ฉันกลับบ้านเกิดแล้ว]
[ไม่ใช่ว่าตัดสินใจไปหาเพื่อนร่วมชั้นของนายหรอ ทำไมถึงกลับบ้านล่ะ ที่บ้านนายรู้เรื่องที่นายพักการเรียนไหม]
[ไม่รู้ ฉันไม่ได้กลับบ้านเพียงแค่อยู่ระแวกใกล้ๆ บ้าน ไม่ให้พวกเขารู้หรอก]
[ถ้านายหางานไม่ได้บอกฉันนะ ฉันจะบอกให้คนที่บ้านฉันช่วยจัดหางานให้นายสักงาน] คำพูดของชย่าอวี่ชิวทำให้ชุยหังยากที่จะตอบกลับ
เขารู้ว่าชย่าอวี่ชิมต้องการที่จะช่วยเหลือจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ตนกำลังโกหกเขาอยู่
ตนไม่ได้กลับไปด้วยซ้ำจะให้เขาช่วยอะไร
[ไม่ต้องแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่กับเพื่อนร่วมชั้นทางนี้ดีอยู่แล้ว]
[โอเค มีเรื่องอะไรโทรหาฉันนะ ฉันจะไม่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์] ชย่าอวี่ชิวตอบกลับ
“เจ้าอ้วนคนนั้นใช่ไหม” หลูจื้อถาม
ชุยหังพูดขึ้น: “เขาก็ไม่นับว่าอ้วนไหม แถมยังแข็งแรงมากด้วย”
“นายรู้ได้ยังไง” หลูจื้อถาม
“เพราะฉันมีตาไง…” ในตอนนี้ความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดของชุยหังเหมือนจะไม่แข็งแรงมากนัก
น้ำเสียงของหลูจื้อเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามขึ้นว่า: “เคยเห็นอะไรมาบ้าง”
ตอนนี้ชุยหังถึงตระหนักถึงความหมายของหลูจื้อได้แล้วรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า: “สิ่งที่ไม่ควรดูก็ไม่เคยดูสักอย่าง”
“งั้นหรอ งั้นอะไรถึงเรียกว่าไม่ควรดู อะไรที่เรียกว่าควรดู?” หลูจื้อไม่คิดที่จะปล่อยชุยหังไปง่ายๆ
หัวของชุยหังโตขึ้นเรื่อยๆ แล้ว: “กลับไปแล้วค่อยชี้ออกมาให้นายดูได้ไหม”
“ได้ ทางที่ดีนายพูดคำไหนคำนั้น หลอกลวงเจ้าพนักงานทหารโทษไม่เบาหรอกนะ”