[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ - ตอนที่ 338 รอคนอื่นกลับมา / ตอนที่ 339 ออกไปจากชีวิตลูกชายของฉัน
- Home
- [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ
- ตอนที่ 338 รอคนอื่นกลับมา / ตอนที่ 339 ออกไปจากชีวิตลูกชายของฉัน
ตอนที่ 338 รอคนอื่นกลับมา
เมื่อได้ยินคำพูดของหลูจื้อ ชุยหังก็รู้ว่ามีปมในใจ
เรื่องที่จะบอกกับตัวเองอาจเป็นเรื่องครอบครัวของเขา
ช่วงนี้เขาน่าจะต้องเผชิญกับความกดดันมากมายจากที่บ้าน
เพียงแต่เขาไม่เคยบอกกับตัวเองมาก่อน
ตั้งแต่พวกเขากลับมาจากเมืองไท่อัน หลูจื้อก็ไม่รับโทรศัพท์จากที่บ้านต่อหน้าเขา แม้ว่าเขาจะได้ยินหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ยินว่าพูดเรื่องอะไร
ทุกครั้งจะถามว่าเขาอยู่ที่ไหนหรือขอให้เขากลับบ้าน เชื่อว่าครั้งนี้คงจะไม่มีการยกเว้น
“โอเค ถ้างั้นฉันจะรอนายที่บ้าน” ชุยหังเอ่ยบอก
“อืม โอเค ไม่มีเรื่องอะไรแล้วใช่ไหม ฉันไปก่อนนะ”
“โอเค นายไปเถอะ” ชุยหังเอ่ยตอบ
ประโยคสุดท้ายทำให้ชุยหังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เขารู้สึกไม่ค่อยแน่ใจว่าหลูจื้ออาจจะมีบางเรื่องที่ไม่ได้บอกกับตัวเอง
เรื่องเหล่านั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ควรบอกกับตัวเองหลังจากที่เขากลับมาในวันหยุดสัปดาห์
ถึงอย่างไรตัวเองก็ลาออกมาอยู่ที่บ้านไม่มีธุระอะไรอยู่แล้ว ในเมื่อหลูจื้อบอกว่าจะกลับมาในวันหยุดสัปดาห์ ตัวเองก็ควรทำตัวดีๆ รอเขาอยู่ที่บ้าน
ยังมีเวลาเหลืออีกสองวันซึ่งไม่นานมาก ตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องกังวลกับการหางานใหม่
หวังว่าสองวันนี้พ่อแม่จะไม่คิดสงสัยเรื่องอื่นอีกและโทรมาตรวจสอบกับเขา ถ้าหากเขากำลังสัมภาษณ์ไม่สะดวกรับโทรศัพท์ อาจจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะมีปัญหา
ชุยหังเรียนรู้ที่จะผ่านวันที่น่าเบื่อนี้ไปด้วยการอ่านหนังสือ
หนังสือเล่มหนึ่งในร้านหนังสือเรื่อง The Boat-wreck ของ Tagore ทำให้เขาหลงรักมัน
ชีวิตในนวนิยายเต็มไปด้วยความบังเอิญและน่าหลงใหล
แม้ว่าจะมีความเศร้าและหดหู่แต่ก็มีความสุข
ผู้หญิงในบริษัทคนนั้นที่ออกไปทำงานนอกสถานที่ส่งข้อความมาถามชุยหังเรื่องที่เขากำลังหางานใหม่และบอกว่าทุกคนคิดถึงเขา
แต่ชุยหังรู้ว่าพวกเขาแค่คิดถึงตอนที่เขาไม่อยู่เพราะอย่างน้อยก็มีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่สามารถทำงานได้ก็เท่านั้น
ไม่ว่าจะเปลี่ยนน้ำหรือทิ้งขยะ แต่ตอนนี้พวกเขาต้องลงมือทำเองแล้ว
สองวันที่ผ่านมาหลูจื้อไม่ได้ติดต่อชุยหังเลย ชุยหังส่งข้อความไปหาเขา เขาก็ไม่เคยตอบกลับ
แม้ว่าชุยหังจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาอาจจะกำลังเรียบเรียงภาษาที่ต้องอธิบายกับตัวเองในวันสุดสัปดาห์นี้อยู่ก็ได้
ในที่สุดวันหยุดสุดสัปดาห์ก็มาถึง ชุยหังทำความสะอาดบ้านแม้จะไม่รู้ว่าหลูจื้อจะมาแน่นอนหรือเปล่า อย่างน้อยถ้าเขากลับมาเห็นว่าบ้านสะอาดก็น่าจะอารมณ์ดี
เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป ชุยหังก็เอนตัวนอนลงบนเตียงพลิกอ่านนวนิยายและหลับไปในภายหลัง
ในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
ชุยหังพลิกตัวขึ้นมาและขยี้ตาพลางคิดว่าหลูจื้อต้องกลับมาแล้ว
เขาคิดว่าหลูจื้อก็มีกุญแจแต่ทำไมไม่เปิดประตูเขามาเลย
เขาวิ่งตรงไปที่ประตูด้วยเท้าเปล่า จากนั้นก็เปิดประตูด้วยรอยยิ้ม
ภาพตรงหน้าทำให้รอยยิ้มของเขาหยุดค้างไว้
หญิงวัยกลางยืนอยู่ที่ประตู เธอแต่งตัวสง่างามและทันสมัยมาก สวมแว่นตาและผมสั้น แต่เธอดูเรียบร้อยมาก เมื่อมองครั้งแรกเธอดูเป็นคนฉลาดมาก
เธอถือกระเป๋าหนังหนึ่งใบ แม้ชุยหังจะไม่รู้ว่ามันคือแบรนด์อะไร แต่ดูเหมือนจะเป็นของแบรนด์เนม
“คุณ…” ชุยหังกำลังจะถามว่าเธอมาหาใคร
ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยถามก่อน “เธอคือชุยหังใช่ไหม”
ชุยหังถึงกับผงะว่าเธอรู้จักตัวเองได้อย่างไร
“ผมเอง คุณเป็นเจ้าของห้องเหรอครับ” ชุยหังเอ่ยถามพร้อมกับรู้สึกเหมือนหัวของเขาชักกระตุก
ตอนแรกที่มาเช่าห้อง เขาเห็นแค่เจ้าของห้องผู้ชายแต่ไม่เคยเห็นผู้หญิง
“ไม่ใช่ ฉันเป็นแม่ของหลูจื้อ”
ตอนที่ 339 ออกไปจากชีวิตลูกชายของฉัน
เวลานั้นชุยหังก็ตกตะลึง ผู้หญิงเผด็จการที่อยู่ในจินตนาการของตัวเองมาตลอดในที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้นมา
“สวัสดีครับคุณป้า…” ชุยหังพยายามสงบสติอารมณ์และเอ่ยทักทาย
“ฉันไม่ใช่ป้าของเธอ ฉันไม่อยากเป็นด้วย เธอไม่ต้องกังวล ฉันไม่ตีเธอหรอกแล้วก็จะไม่ด่าด้วย ฉันขอเข้าไปนั่งหน่อยได้ไหม” แม่ของหลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังไม่สามารถห้ามเธอให้เข้ามาข้างในได้ ถ้าอย่างนั้นคงจะแปลกเกินไป
หลูจื้อไม่ได้กลับมา แต่คนที่มากลับเป็นแม่ของเขา ชุยหังคิดว่าเรื่องนี้ค่อนข้างแปลก
“อ่อ เชิญครับ” ชุยหังเอ่ยตอบ
หลังจากที่แม่ของหลูจื้อเข้ามา เธอก็มองไปในห้องนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เรียบร้อยดี เธอทำความสะอาดเองเหรอ”
ชุยหังเอ่ยตอบ “ใช่ครับ ความจริงที่นี่ก็ไม่ได้สกปรกมาก แค่ทำความสะอาดนิดหน่อยก็พอครับ”
“เธอเป็นเปรียบตัวเองเป็นแฟนสาวเหรอ” แม่ของหลูจื้อเอ่ยถาม
“เธอยกตัวเองเป็นแฟนสาวแล้วเหรอ”
ชุยหังถึงกับผงะและไม่เข้าใจความหมายของเธอ
“ไม่เข้าใจเหรอ เธอเป็นนักศึกษาของมหา’ลัยโพลีเทคนิคใช่ไหม” แม่ของหลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบ “ก่อนหน้านี้ใช่ครับ แต่ว่าตอนนี้พักการเรียนไว้”
“นักศึกษามหา’ลัยโพลีเทคนิคเป็นคนมีความสามารถและความอดทนก็สูงมาก” แม่ของหลูจื้อเอ่ยบอก
เธอไม่ได้พูดอะไรมากเกินความจำเป็น
อย่างไรก็ชุยหังเข้าใจความหมายแฝงนี้ดี
เธอเป็นคนฉลาดไม่จำเป็นต้องพูดตรงมากเกินไป
ชุยหังทำได้เพียงยิ้มอย่างประหม่า จากนั้นก็ทำตัวไม่ถูกไม่รู้ควรทำอย่างไร
แม่ของหลูจื้อยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นเหมือนกับภรรยาเจ้าของห้องเช่ากำลังมองไปทุกมุมของห้องอย่างเย็นชา ห้องนอนถูกปิดไว้แต่เธอไม่ได้สนใจที่จะเข้าไปดู
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เดินไปที่โซฟา เสียงของรองเท้าส้นสูงที่กระทบกับพื้นทำให้หัวใจของชุยหังเต้นรัว
“พ่อหนุ่ม นั่งลงเถอะ เรามาคุยกันหน่อย” เธอเอ่ยบอก
ชุยหังไม่มีทางที่จะปฏิเสธเธอได้ จึงเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามเธอ
“เธอไม่ต้องตื่นเต้น ฉันเพิ่งบอกไปว่าฉันไม่ได้จะตีเธอและจะไม่ด่าด้วย ก็แค่อยากมาดูว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นคนยังไงถึงทำให้ลูกชายของฉันไม่ยอมเชื่อฟัง ไม่อยากกลับบ้านและไม่อยากแต่งงานแล้ว คุณย่าก็อายุมากแล้วอยากเห็นเขาแต่งงานมีลูกแต่เขาก็ไม่สนใจ”
ถึงแม้คำพูดของแม่หลูจื้อจะไม่ใช่คำด่า แต่รู้สึกสะเทือนใจมากกว่าคำด่าเสียอีก
ชุยหังรู้สึกถูกกดดันไปด้วยบรรยากาศที่เขาไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้ แต่เขาก็ยังพยายามทำตัวสุภาพและเคารพอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็มองไปในดวงตาของเธอ
เขาไม่เห็นความชื่นชมใดๆ จากดวงตาของอีกฝ่าย แต่กลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“พวกเธอแตกต่างกัน ครอบครัวของเราไม่สามารถอยู่กับเธอได้ ตอนนี้พวกเธอก็ถือว่าเป็นความผิดพลาดในช่วงวัยรุ่นก็แล้วกัน ฉันก็ไม่อยากถามเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ แต่หลังจากนี้ฉันไม่อยากเห็นเธอปรากฎตัวต่อหน้าฉันอีก” แม่ของหลูจื้อเอ่ยบอก
ตั้งแต่ต้นจนจบชุยหังยังไม่ได้พูดอะไรก็ถูกเธอตัดสินแบบนี้แล้ว
“อย่ามาหลอกฉันว่าพวกเธอรักกันจริงยังไง เธอคลอดลูกได้ไหม เธอสืบทอดทายาทได้หรือเปล่า ฉันกับพ่อของหลูจื้อไม่ยินดีกับความรักของพวกเธอ ตอนนี้เราทุกคนกำลังปิดบังคุณย่าอยู่ ถ้าวันหนึ่งท่านรู้ขึ้นมาและรับไม่ได้แล้วจากไป เธอจะรับผิดชอบเรื่องนี้ไหวไหม” แม่ของหลูจื้อเอ่ยบอก
เรื่องนี้ชุยหังก็รับผิดชอบไม่ไหวเหมือนกัน
เรื่องที่เขากังวลก่อนหน้านี้ก็คือปัญหานี้ เขาจึงไม่สนใจสักพักหนึ่ง จากนั้นก็หนีมันไป
ไม่คิดว่าปัญหานี้จะอยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้อีกครั้ง