[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ - ตอนที่ 94 แตกต่างกันจริงๆ / ตอนที่ 95 นายรู้จักไม่รู้จัก
- Home
- [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ
- ตอนที่ 94 แตกต่างกันจริงๆ / ตอนที่ 95 นายรู้จักไม่รู้จัก
ตอนที่ 94 แตกต่างกันจริงๆ
[พวกนายมีเปลี่ยนครูฝึกด้วย? โดนนายทำเสียขวัญตกใจหนีเตลิดไปแล้ว?]
ชย่าอวี่ชิวแค่พูดล้อเล่นเพียงประโยคเดียวเท่านั้น แต่กลับทำให้หัวใจของชุยหังยุ่งเหยิงไปหมด
ดูเหมือนจะถูกเขาทำให้ตกใจจนหนีเตลิดไปจริงๆ นั่นแหละ
แน่นอนว่าตัวเขาเองก็คอยปลอบใจตัวเองตลอดว่าตัวเขาคงจะไม่มีความสามารถขนาดนั้น ที่จะทำให้ครูฝึกที่พึ่งจะมาไม่กี่วันหนีไปแบบนี้
แต่ว่าตอนที่เขาไปเจอหลูจื้อเมื่อเช้า คำที่เขาพูดกับหลูจื้อนับว่าเป็นคำที่เขาใช้พูดบอกลาหลูจื้อไปแล้ว
เขาถึงขนาดที่ลืมสังเกตไปเลยว่า วันนี้ตอนเช้าตอนที่เขาไปที่ห้องของหลูจื้อ ข้าวของของหลูจื้อ ทั้งหมดคงจะเก็บหมดแล้ว
บางทีเขาอาจจะได้รับคำสั่งมาตั้งแต่แรกแล้วว่าจะต้องไปจากที่นี่ แต่ก่อนที่จะไปจากที่นี่ก็คงอยากจะสอนบนเรียนให้กับชุยหังก่อน แต่คงคิดไม่ถึงว่ามันจะกลับกัน กลับถูกชุยหังสั่งสอนแทน
นี่เป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดที่ชุยหังสามารถคิดได้แล้ว
[ไม่ใช่อยู่แล้ว ฉันจะไปมีความสามารถแบบนั้นได้ยังไง บางทีเขาอาจจะมีงานหน้าที่รับผิดชอบอื่นเข้ามากะทันหันแหละ] ผ่านไปกว่าครู่หนึ่งชุยหังถึงตอบข้อความกลับไป
ด้านชย่าอวี่ชิวก็เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบเขากลับมา: [โอเค ถ้าอย่างนั้นก็รอจนกว่าจะฝึกทหารเสร็จแล้วค่อยไปก็ได้ หน้าประตูมหา’ ลัยแถบริมถนนเสื่อมทรามมีร้านเกี๊ยวตงเป่ยอยู่ เจ้าของเป็นคนเฮยหลงเจียง [1] รสชาติต้องเป็นต้นตำหรับดั้งเดิมแน่นอน”
[จริงหรือเปล่าเนี่ย? ทำไมฉันไม่รู้เลย] ชุยหังเอ่ยถาม
[วันๆ นายก็เอาแต่ใจน้อย เจ้าอารมณ์แบบนี้จะไปรู้อะไร เดี๋ยวเอาไว้ฉันพานายไป ห้ามพาคนอื่นไปด้วยเด็ดขาดเข้าใจหรือเปล่า] ชย่าอวี่ชิวส่งมาอีกข้อความ
ชุยหังยิ้มออกมาก่อนจะพิมพ์ส่งกลับไปว่า: [ฉันจะพาใครไปล่ะ รูมเมทฉันไม่มีใครเป็นคนตงเป่ยสักคน ถ้าพาไปก็คงจะไม่ชินกับรสชาติอาหารของพวกเราหรอก]
[ถึงจะกินได้ก็ห้ามพาไป โลกของคนสองคนดีจะตายไป] ชย่าอวี่ชิวส่งข้อความเสร็จก็กดส่งใบหน้ายิ้มตามมาด้วย
ชุยหังไม่กล้าคิดมากจึงส่งข้อความกลับไปว่า: [อืม ถ้าอย่างนั้นตกลงตามนี้นะ]
[โอเค รีบนอนเถอะ ฉันก็จะนอนแล้ว ฝันดีนะ]
ในที่สุดชย่าอวี่ชิวก็สิ้นสุดการสนทนากับชุยหัง
ชุยหังวางโทรศัพท์มือถือลงข้างตัวอย่างสบายอกสบายใจ ก่อนจะสูดหายใจเข้าออกลึกๆ ทีหนึ่ง
“เหลาอู่ นายทำอะไร” วังเฉียงเอ่ยถาม
ชุยหังพูดตอบ: “เปล่า แค่สูดหายใจเข้าลึกๆ เฉยๆ”
“หายใจเข้าลึกๆ ทำไม นายตื่นเต้นหรอ” วังเฉียงถามต่อ
“เปล่าก็เตรียมตัวจะนอนไง” ชุยหังพยายามปิดบัง
ค่ำคืนที่เงียบงัน ด้านชุยหังที่ตัดความกังวลใจทิ้งไปได้แล้วจึงนอนหลับได้อย่างสบาย
ตอนที่ตื่นนอนขึ้นในเช้าวันต่อมา ชุยหังเก็บผ้าห่มที่หลับที่นอน จากนั้นก็ไปเอาผ้าห่มที่พับเก็บเป็นก้อนเต้าหู้ไว้เรียบร้อยแล้วออกมา
นี่เป็นวิธีการที่เขาพึ่งจะคิดขึ้นได้เมื่อวานนี้ ในเมื่อพวกเขามีชุดเครื่องนอนสองชุด ดังนั้นอีกชุดหนึ่งก็ไม่ต้องไปแตะต้องพับไว้ให้เรียบร้อย แล้วเก็บเอาไว้ในตู้ ตอนที่จะต้องตรวจก็ค่อยเอามันออกมา ส่วนผืนที่ห่มปกติก็ใช้อีกผืนหนึ่งที่เหลือแทน ในเมื่อช่วงนี้อากาศร้อนมาก พวกเขาก็ไม่ค่อยจะห่มผ้าห่มนอนสักเท่าไหร่
เพียงแค่ต้องทนไปให้ถึงครึ่งเดือนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เดี๋ยวพวกเขาก็จะได้เป็นอิสระแล้ว
หลังจากกินหมั่นโถวก้อนสองก้อนจากที่โรงอาหารเรียบร้อยแล้ว ตอนที่พวกเขาเดินมาถึงสนามกีฬา ครูฝึกซ่งก็ยืนรออยู่ในตำแหน่งที่ครูฝึกหลูเคยยืนเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว
แต่ทว่าบรรดาครูฝึกคนอื่นๆ กลับไม่ได้ยืนอยู่ข้างกายเขา แต่กลับยืนรักษาระยะห่างจากเขาออกไปเป็นช่วงเลยทีเดียว
ชุยหังรู้สึกว่าพวกเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบครูฝึกซ่งสักเท่าไหร่ จากที่ครูฝึกประจำห้องสองพูดเมื่อวานนี้ว่าเขามาทำไมที่นี่ ก็พอจะฟังออกแล้ว
“มาแล้วก็เลิกพูดคุยไร้สาระกันได้แล้ว รีบเข้ามายืนประจำที่ของตัวเองให้เรียบร้อย อย่าทำเหมือนไม่ได้หลับไม่ได้นอนให้มันกระฉับกระเฉงกว่านี้หน่อย” เมื่อครูฝึกซ่งเห็นพวกชุยหังเดินมาก็ตะโกนมาใส่ทันที
เป็นอย่างที่คิด เขาเข้มงวดมากกว่าหลูจื้อเสียอีก
ห้องอื่นๆ ยังคงเล่นกันได้อย่างอิสระเพื่อรอเพื่อนคนอื่นที่เหลือให้มารวมกัน แต่พวกเขาที่พึ่งจะมาแค่ไม่กี่คนกลับโดนเรียกให้ตั้งแถวซะแล้ว
ชุยหังอยู่แถวแรกสุด ซึ่งตอนนี้ในแถวแรกมีแค่เขาเพียงคนเดียวที่พึ่งจะมาถึง ต้องยืนโดดเดี่ยวเหงาหงอยอยู่ด้านหน้าสุดตัวคนเดียว มันทำให้รู้สึกว่าโดดเดี่ยว เหงาและเยือกเย็นมาก
ครูฝึกซ่งมองเขา จากนั้นก็เดินตรงมาทางเขาแล้ว
“นายชื่ออะไร”
“ชุยหังครับ”
ตอนที่ 95 นายรู้จักไม่รู้จัก
“ฉันชื่อซ่งไข่” ครูฝึกซ่งพูดขึ้น
ชุยหังนิ่งไป ชื่อนี้ทำไมเขารู้สึกเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะ?
“ครูฝึกครับ เมื่อวานครูฝึกบอกไปแล้วครับ” เขาเอ่ยเตือนขึ้นเสียงแผ่วเบา
ครูฝึกซ่งกลับไม่มีท่าทีอึดอัดลำบากใจใดๆ ทั้งสิ้น แต่กลับพูดอย่างใจเย็นว่า: “ฉันก็แค่อยากจะบอกนายตามลำพังอีกรอบน่ะ กลัวว่านายจะจำไม่ได้”
เอ่อ นี่มันตรรกะอะไรกัน?
ไม่นานทุกคนก็ทยอยมากันแล้ว ซึ่งต่างก็เป็นเช่นเดียวกันหมดคือขณะที่ทุกคนกำลังเดินเชื่องช้าอยู่ทางด้านหลังก็ถูกครูฝึกซ่งตะโกนเรียกให้รีบมากันทุกคน
เมื่อยืนรวมตัวกัน ทุกคนมองเพื่อนห้องอื่นๆ ที่ยังคงเล่นได้อย่างอิสระด้วยความรู้สึกอิจฉานิดๆ
แต่ทว่า ซ่งไข่ก็พูดกับพวกเขาทุกคนว่า: “พวกนายเป็นห้องที่ก่อนหน้านี้หลูจื้อได้คัดเลือกไว้เป็นห้องมาตรฐานต้นแบบ เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดอย่าทำให้ชื่อนี้ต้องเสียหน้า”
แน่นอนว่าสำหรับเหตุผลนี้พวกเขาทุกคนไม่มีหนทางที่จะปฏิเสธได้เลย
ใครใช้ให้พวกเขาถูกคัดให้มาเป็นต้นแบบล่ะ ก่อนหน้านี้มีผู้บังคับหมวดเป็นคนนำ ตอนนี้ยิ่งเจ๋งเข้าไปอีก ถึงขนาดผู้บังคับกองร้อยมานำเอง
สรุปแล้วก็คือต่างก็ติดยศติดดาวกันทั้งนั้น
“ก่อนหน้านี้พวกนายฝึกถึงการเดินตบเท้าถามตามจังหวะแล้วใช่ไหม”
เนื่องจากรูปร่างของเขาดูอวบอ้วนนิดหน่อย ทำให้เวลาผ่านไปเพียงไม่นานก็มีเหงื่อผุดออกมาเต็มใบหน้าของเขาแล้ว
แต่ว่าดูเหมือนเขาจะไม่สนใจมันเลยสักนิด ขนาดเช็ดยังขี้เกียจจะเช็ดมันเลย ก่อนจะทำการฝึกทุกคนต่อไป
“ครับ ครูฝึก” โจวเฉวียนเป็นตัวแทนเพื่อนๆ ตอบคำถาม
อันที่จริงการเปลี่ยนครูฝึกนับว่าเป็นเรื่องน่ากลัดกลุ้มใจสำหรับเขาอยู่พอสมควร
ในฐานะผู้ที่รับหน้าที่เป็นรักษาการหัวหน้าชั่วคราว ก่อนหน้านี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีโอกาสได้เสนอหน้าของตัวเองกับหลูจื้อ เพื่อให้หลูจื้อจดจำเขาได้ ตอนนี้ดันมาเปลี่ยนคนอีก
ความรู้สึกแบบนี้เป็นอะไรที่ยากที่จะอธิบายได้จริงๆ
ซ่งไข่แทบไม่ได้สนใจเขาเลย ก่อนจะพูดออกมาว่า: “ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่ครูฝึกหลูเคยสอนพวกนาย แสดงให้ฉันดูหนึ่งรอบ สั่งหนึ่งครั้งก้าวหนึ่งครั้ง หนึ่ง!”
ทุกคนรีบเตะขาซ้ายออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็แกว่งแขนขวาขึ้นมาไว้ระดับอกโดยเว้นระยะห่างจากอกหนึ่งกำมือ แขนซ้ายแกว่งไปทางด้านหลัง
“ไม่เลว ความเร็วให้เร็วกว่านี้อีกหน่อย ตอนที่แกว่งแขนเพิ่มน้ำหนักที่แขนให้มากขึ้น ขยับท่าทางให้กระฉับกระเฉงกว่านี้ สอง!”
ทุกคนทำตามคำแนะนำที่ครูฝึกซ่งพึ่งจะบอกเมื่อครู่นี้ทันที โดยเพิ่มความเร็วขึ้น จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นขาอีกข้าง
ปรากฏว่าตอนช่วงที่ชุยหังแกว่งแขนนั้น เพราะเขาแกว่งใกล้ลำตัวมากจนเกินไปจึงส่งผลให้มันฟาดเข้ากันต้นขาของตัวเองอย่างแรง
“นายจะทำร้ายตัวเองหรือไง”
เมื่อเห็นท่าทีหน้าบิดหน้าเบี้ยวของชุยหัง ครูฝึกซ่งจึงหันมาถาม
ชุยหังไม่สามารถตอบคำถามได้ ในเมื่อเขาก็แค่กำลังจิกกัดเยาะเย้ยชุยหังอยู่ต่างหาก
ครูฝึกซ่งยืนอยู่ข้างกายชุยหัง จากนั้นก็แสดงท่าทางจุดสำคัญของการเคลื่อนไหวให้เขา พลางพูดไปด้วยว่า: “ตอนที่แกว่งแขนจะต้องใช้แขนส่วนบนเพื่อขยับแขนช่วงล่าง การเคลื่อนไหวจะต้องแผ่ขยายออกไป ไม่ต้องทำเป็นหลบๆ ซ่อนๆ แล้วก็ไม่ต้องแนบชิดลำตัวจนเกินไป ต้องแผ่ออก ให้มันดูสง่าผ่าเผยหน่อย”
หลังจากฟังคำบรรยายของเขาไปสองสามคำ ชุยหังก็รู้สึกว่าทั่วทั้งตัวของตัวเองไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง
ซ่งไข่คนนี้ หลูจื้อคงจะไม่ได้เชิญมารับมือกับเขา แก้แค้นเขาโดยเฉพาะหรอกใช่ไหม
ก็แค่จูบเขาไปนิดหน่อยเอง แล้วก็ล้างสมองเขากลับเท่านั้น จำเป็นต้องคิดแค้นแบบนี้ไหม
แต่ว่าดูจากท่าทางของซ่งไข่แล้วก็ไม่เหมือนว่ากำลังพุ่งเป้ามาที่ชุยหังเลย เพราะกับคนอื่นๆ เขาก็ตั้งเงื่อนไขแบบนี้ด้วยทั้งนั้น
ช่วงตอนที่พักเบรก ซ่งไข่โบกไม้โบกมือให้ชุยหังเหมือนส่งสัญญาณว่าให้เขาเข้าไปหา
แม้ว่าภายในใจชุยหังจะรู้สึกลังเลสงสัยอยู่นิดหน่อย แต่ก็เดินเข้าไปหาจนได้
“วิ่งเข้ามาเร็วๆ”
ครูฝึกพวกนี้ ในวันที่อากาศร้อนแบบนี้ก็ยังชอบให้คนโน้นคนนี้วิ่งไปวิ่งมาอยู่ได้
ชุยหังวิ่งเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าของครูฝึกซ่ง แล้วเอ่ยถามว่า: “ครูฝึกเรียกผมหรอครับ”
ครูฝึกซ่งมองเขาอย่างพิจารณานิดหน่อยก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาว่า: “นายรู้จัก ‘ตงถิงรั่วเหยียน’ ไหม”
ในเวลานั้นชุยหังตกตะลึงไป นี่มันเหมือนจะเป็นชื่อที่ใช้บนอินเตอร์เน็ตของเขานะ
ครูฝึกซ่งคนนี้รู้ได้ยังไงกัน?
“ฉันคือเสี่ยวไป๋หยาง”
วินาทีนั้นชุยหังตะลึงแข็งเป็นหินทันที เสี่ยวไป๋หยางคนที่เคยคุยกับเขาเมื่อนานมาแล้ว แต่เพราะตัวเขาบอกไปว่ามีแฟนแล้ว เขาก็เลยแสดงท่าทีเสียใจเสียดายคนนั้นหรอ
——
[1] เฮยหลงเจียง黑龙江มณฑลเฮยหลงเจียง เป็น 1 ใน 3 มณฑลที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และตั้งอยู่ตอนเหนือสุดของประเทศจีน