[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 20 Station February
“…ดูเหมือนจะใช้มือถือได้ด้วยแฮะ”
“เธอมีขีดขึ้นจริงๆ ด้วย”
ฉันมองหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เต็นท์ที่พวกเราถูกพามาเป็นที่รกๆ ที่มีเตียงง่ายๆ แล้วก็โต๊ะ เก้าอี้พับได้ ขยะจากเสบียงและก็ขวดน้ำพลาสติกบู้บี้กระจัดกระจายไปทั่ว ทำเอาซะในเต็นท์ดูเหมือนซากปรักหักพังมากกว่าอีก เกิดอะไรขึ้นกับคนที่เขาเคยนอนอยู่เต็นท์หลังนี้ล่ะเนี่ย?
พวกเรานั่งลงข้างๆ กันบนเตียงอย่างง่ายนี่ แล้วก็หยิบโทรศัพท์ของพวกเราขึ้นมาดู โทริโกะหันมาดูที่มือถือของฉัน ถึงเธอจะลองที่มือถือตัวเองก็ได้
“มีขีดเดียวเอง… อ๊ะ 3 ขีดแล้ว ไม่เสถียรเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนจะโทรออกไปได้อยู่นะ”
“เฮ่ ลองโทรออกไปดูมั้ย?”
“ไปไหนล่ะ? จะโทรหาใคร?”
“โคซากุระไง”
“คุณโคซากุระ เหรอ…”
ดูเหมือนคุณโคซากุระจะเป็นนักวิจัยเรื่องของโลกเบื้องหลังนี่ด้วย ก็จริงอยู่นะว่าเธออาจจะช่วยอะไรได้ก็ได้ ประเด็นคือ ฉันเคยเจอเธอแค่ครั้งเดียวเอง ไม่รู้เลยว่าจะพูดยังไงกับเธอดี ฉันไม่มีไอเดียเท่าไหร่เลย
“ฉันไม่รู้เบอร์เธอนะ เธอโทรสิ โทริโกะ”
“คือว่านะ ของฉัน จอแสดงผลมันเพี้ยนไปแล้วน่ะสิ”
พอโทริโกะหันจอให้ฉันดู ก็ตกใจเลย หน้าจอมันผิดพลาดไปหมดเลย ขนาดภาพไอค่อนก็ยังเละไปแล้วด้วยซ้ำ
ตอนแรกที่ฉันเจอโทริโกะ สมาร์ทโฟนของฉันเองก็พังไปเลยหลังจากตกน้ำที่โลกเบื้องหลังนี่ด้วยเหมือนกัน หน้าจอมือถือของโทริโกะตอนนี้ก็เหมือนจะเป็นแบบนั้นเลย ที่ตัวอักษรนั่นมันอ่านไม่ออก ฟอนท์แบบนั้นมันมีอยู่จริงด้วยเหรอเนี่ย?
“เธอจำเบอร์ได้หรือเปล่า?”
“ได้ 090―――”
หลังจากที่กดเบอร์ไปตามที่เธอบอก ฉันก็ฟังเสียงรอสายผสมกับเสียงซ่าไป เพราะตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกไหนที่ดีกว่าแล้วด้วย
“เหมือนจะโทรติดแล้วนะ”
“เปิดออกลำโพงหน่อย!”
เสียงโทรออกก็ดังก้องอยู่ในเต็นท์
“แบบนี้จะดีเหรอ…? พันตรีเพิ่งบอกเองนะว่าไม่ให้ใช้มือถือน่ะ”
“เขาก็แค่แกล้งขู่น่า รู้ใช่ม้า แกล้งขู่”
“นี่มันใช่สถานการณ์ที่จะมาล้อเล่นได้ซะที่ไหนเล่า! เขาต้องโมโหเราแน่ที่ทำแบบนี้น่ะ”
“พวกเราไม่ใช่ลูกน้องของเขาซักหน่อยนะ เพราะงั้น พวกเราก็ทำแบบผ่าเผยไปเลย อีกอย่าง เขาก็ไม่ได้ห้ามนะ… เขาแค่บอกว่า ‘แนะนำไม่ให้ใช้’ เท่านั้นเอง”
“คือ ก็ใช่ แต่-…”
มีเสียงซ่าดังขึ้นทีนึงมาตัดประโยคของฉัน
TN: สำหรับคนที่อ่านมังงะนะครับ นิยายสั้นท้ายเล่ม 2 “บทคั่น ไก่และกอริลล่ากลางดึก” จะเป็นเหตุการณ์ของฝั่งโคซากุระก่อนตรงจุดนี้พอดี
‘…โหล?’
“อ๊ะ ฮ- ฮัลโหล! ใช่คุณ โคซากุระหรือเปล่าคะ?”
‘นั่นใครน่ะ?’
คำตอบตอบกลับห้วนๆ นั่นทำเอาฉันลนไปหมดเลย
“ฉ- ฉัน เออ คามิโคชิค่ะ ที่ ที่เราเคยเจอกันก่อนหน้านี่ ค- คุณจำได้หรือ――”
‘อ้อ… โซราโอะจัง?’
“ค- ค่ะ!”
โล่งอกไปที ดูเหมือนเธอจะยังจำฉันได้แฮะ
ตอนที่เราไปเจอหน้ากัน ฉันเข้าใจผิดจากรูปร่างหน้าตาของเธอที่เป็นเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กร่างบางที่ดูเหมือนเด็กมอต้น ก็เลยไม่ทันสังเกตเมื่อตอนนั้น แต่พอคุยกันผ่านมือถือแบบนี้ ฉันก็เพิ่งเห็นว่าเสียงของคุณโคซากุระทุ้มจนน่าตกใจเลย ตอนนี้ เธอกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะแสงสลัวๆ ที่ล้อมรอบด้วยจอภาพเยอะแยะอยู่หรือเปล่านะ?
‘มีอะไรเหรอ? แล้วเกิดอะไรขึ้นกับยัยบ๊องอีกคนล่ะ?’
คุณโคซากุระถามขึ้นมาอย่างหงุดหงิด โทริโกะก็เลยแทรกขึ้นมา
“ฉันอยู่นี่”
‘โอเค งั้น มีธุระอะไร? เดี๋ยวนะ นี่พวกเธอโทรมาจากที่ไหนเนี่ย? นั่นเสียงอะไร? น่ารำคาญเป็นบ้าเลย’
“ขอโทษค่ะ ฉันว่าสัญญาณมันไม่ดี”
‘บอกคนข้างหลังพวกเธอหน่อย ช่วยเงียบซักทีจะได้มั้ย!’
“หา?”
ฉันหันขวับกลับไปมองข้างหลัง แต่มีแค่พวกเรา 2 คนนะ ในเต็นท์ที่ถูกปล่อยทิ้งเนี่ย ตอนที่ฉันงงๆ อยู่ คุณโคซากุระก็เร่งฉัน
‘แล้วไง?’
“คือ เออ…”
“โคซากุระ เราโทรมาจากโลกเบื้องหลังน่ะ”
‘หา?’
นั่นต้องทำให้เธอตกใจแน่เลย
‘ที่นั่นมันมีสัญญาณด้วยเหรอ? อย่ามาพูดอะไรบ้าๆ’
“ฉ- ฉันรู้ค่ะ ว่ามั้ยล่ะคะ? แต่เป็นเรื่องจริงนะคะ”
“คือว่า ฟังนะ พวกเราเดินเล่นไปตามถนนในชินจุกุ และก็หลุดมาที่โลกเบื้องหลัง แล้วทีนี้ ก็มีกองกำลังทหารอยู่ที่นี่ด้วย! กองกำลังสหรัฐในญี่ปุ่นน่ะ!”
‘หา?’
“โทริโกะ! นั่นไม่ได้ช่วยบอกอะไรเธอเลยนะ! เออ ที่นี่คือสถานีคิซารากิค่ะ รู้จักหรือเปล่าคะ? โอ๊ะ! ต้องรู้จักอยู่แล้วนี่นะคะ ขอโทษค่ะ ขอ―”
‘ฟังนะ ยัยคู่หูคู่บ๊อง… พูดให้มันรู้เรื่องหน่อย’
ฉันกับโทริโกะช่วยกันอธิบายสถานการณ์ โดยมีเสียงรบกวนการสนทนาขัดเป็นระยะๆ จนในที่สุด พอพวกเราเล่าครอบคลุมทุกอย่างหมดแล้ว คุณโคซากุระก็ถามขึ้นมาอย่างสงสัย
‘กองพันเพลฮอร์สเหรอ? พวกนั้นเรียกตัวเองแบบนั้น’
“ค- ค่ะ”
‘ไม่ใช่กองพันดาร์กฮอร์สแน่นะ?’
“พวกเขาไม่ได้พูดแบบนั้นนะคะ”
“มันเป็นปัญหายังไงเหรอ?”
‘ถ้าเป็นดาร์กฮอร์สล่ะก็ ฉันรู้ นั่นคือกองปฏิบัติการทดสอบยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่ๆ จะมีหุ่นยนต์มาใช้งานฉันก็ไม่แปลกใจเลย แล้วก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเคลื่อนพลมาที่โอกินาว่าจริงๆ แต่ว่า―อย่างน้อย ถ้าเป็นข้อมูลที่เปิดเผยให้สังคมภายนอกเข้าถึงได้เนี่ย―ฉันไม่เคยเห็นชื่อกองพันเพลฮอร์สเลยนะ’
“หมายความว่า…?”
‘พวกเขาอาจจะเป็นกองกำลังลับก็ได้’
คุณโคซากุระพูดพลางกดเสียงให้เบาลง
“แต่พวกเขาก็เรียกชื่อของพวกเขาเองออกมาง่ายๆ เลยนี่นา?”
‘เขาอาจจะโกหกพวกเธอก็ได้ อาจจะแบบนั้น ไม่ก็ พวกเขาคิดว่าไม่มีความเสี่ยงอะไรที่พวกเธอจะไปทำให้ความลับของพวกเขารั่วไหลได้’
“เอ๊ะ? พวกเขาจะลบพวกเราทิ้งเหรอ?”
‘ไม่อยู่แล้ว มีสันติวิธีอีกเพียบที่จะให้ใครซักคนเงียบเอาไว้… หรือ นั่นก็คือสิ่งที่ฉันอยากจะพูดล่ะนะ แต่จากที่พวกเธอเล่าให้ฉันฟังแล้วเนี่ย สติของพวกเขายับเยินอย่างหนักเลย ถ้าเกิดพวกเขารู้เรื่องสภาพที่เปลี่ยนไปของร่างกายพวกเธอล่ะก็ พวกเขาอาจจะลั่นไกอย่างเร็วเลยก็ได้ ถ้าพวกเธออยู่ที่นั่น―’
“พวกเราควรจะทำไงดี? ถ้าจะหนีเนี่ย จะหนีไปที่ไหนล-…?”
‘…ออก อยู่ที่นั่น’
เสียงของคุณโคซากุระยิ่งเบาลงไปอีก
“หืม เมื่อกี้ว่าไงนะ…”
‘ไม่ให้หนีได้หรอก’
คุณโคซากุระพูดจากอีกฝั่งของสาย
หลังของฉันขนลุกเกรียวเลย พอฉันลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ ฉันก็ทำมือถือตัวเองตก หน้าจอน้อยๆ ของมือถือก็สว่างไปบนผืนผ้าใบของเตียงอย่างง่ายนั่น
‘…ได้โปรด มันอันตราย สถานีต่อไป คิซารากิ’
“โคซากุระ…?”
โทริโกะกระซิบถามออกไป พลางเอามือเข้ามาเกาะแขนของฉัน พวกเราก้มลงไปมองหน้าจอพร้อมกัน เอาตัวเข้ามาชิดกันแบบไม่ทันรู้ตัวเลย
‘รถไฟใกล้ถึงชานชะลาแล้ว กรุณายืนอยู่หลังเส้นสีขาว เร็วเข้า’
เสียงที่ดังออกมาจากลำโพงเริ่มฟังดูไร้เหตุผลขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
‘ชานชะลาคือแสงสีฟ้าแห่งความตาย ดูคลิปวิดีโอของโลมา ทำซะ พวกเรากำลังจะผ่านธรณีประตูในอีกไม่ช้า เป็นรถไฟลิงที่เห็นได้บ่อยในโรงเรียนอนุบาล คนแก่ถือลวดกำลังมา’
จู่ๆ ก็มีเสียงโลหะกระทบแหลมสูงดังขึ้น ทำเอาพวกเราสะดุ้งกันเลย
*แก๊ง―! แก๊ง―!…*
เป็นเสียงเหมือนกับเคาะระฆัง แล้วก็ดังต่อเนื่องไปซักพักเลยด้วย
จากนั้น ก็เป็นเสียงพื้นดินสั่นสะเทือน พอมันเหมือนว่าจะหยุด ทั่วทั้งค่ายก็ปั่นป่วนไปหมดเลย เสียงบูทหนักๆ วิ่งไปรอบๆ เสียงภาษาอังกฤษที่ดังกระโชกโฮกฮากก็ตะโกนกันไปมา เครื่องปั่นไฟส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา แล้วก็มีเสียงของแข็งกระทบกันดังระงม
ตอนที่ฉันรู้สึกตัวอีกที หน้าจอมือถือมันก็ดำไปแล้ว ฉันหยิบมันขึ้นมาอย่างลังเล ก็เห็นว่า สายถูกตัดไปแล้ว การสนทนาเมื่อกี้นี้มันเกิดขึ้นจริงๆ น่ะเหรอ?
“โซราโอะ…”
พอฉันเงยหน้าขึ้น ก็เห็นโทริโกะยืนอยู่ด้วยสีหน้าสับสนไปหมด
“ก- เกิดอะไรขึ้นกับโคซากุระหรือเปล่า?”
เธอเหมือนจะตัวสั่นยิ่งกว่าทุกทีซะอีก หลังจากที่ฉันลังเลไปซักพัก ก็รู้แล้วว่าทำไม… มันแน่อยู่แล้วสิ เธอรู้จักกับโคซากุระมานานกว่าฉันนี่นา ถ้าคนแบบนั้นจู่ๆ ก็เริ่มพ่นอะไรไม่รู้เรื่องออกมารวดเดียวแบบนี้ เธอจะกังวลแบบนี้ มันก็แน่อยู่แล้ว
“โทริโกะ สำหรับตอนนี้ คิดแค่เรื่องของพวกเราก่อน นะ?”
พอฉันพูดไปแบบนั้น โทริโกะก็ก้มหน้าลง กัดริมฝีปากแน่น
“อือ แต่ว่า โคซากุระน่ะ เธอ…”
โอ่ เข้าใจละ―เธอเป็นเด็กดีมากๆ เลยนี่นา
เริ่มรู้สึกว่าตัวเองค่อยๆ เข้าใจโทริโกะมากขึ้นแล้วแฮะ เธอเป็นห่วงเพื่อนของตัวเองมากๆ เลย ไม่ใช่แค่คุณซัทสึกิ สำหรับโทริโกะแล้ว โคซากุระก็เป็นเพื่อนคนสำคัญเหมือนกัน
โทริโกะ… ไม่ได้แล้งน้ำใจเหมือนอย่างฉันนี่เนอะ
ฉันเลือกคำพูดต่อไปของตัวเองอย่างระวัง
“โทริโกะ เธอเป็นห่วงโคซากุระใช่มั้ย? ถ้าเราจะไปดูเธอได้ เราก็ต้องออกจากที่นี่ให้ได้ก่อน ต้องกลับไปที่โลกเบื้องหน้าด้วยกันให้ได้นะ ตกลงมั้ย?”
“…อื้อ เข้าใจแล้ว”
โทริโกะพยักหน้าตอบ
“ขอบใจนะ โซราโอะ”
“อ- อืม”
แล้ว ฉันก็ได้ยินเสียงเท้าข้างนอกเต็นท์ และประตูก็ถูกดึงเปิดออก ร้อยโทเดรคนั่นเอง ตาของเขามองไปที่มือถือในมือฉัน ก่อนจะเลื่อนมามองที่หน้าของพวกเรา แล้วเขาก็ส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“นี่แหละครับ เหตุผลที่พวกเธอไม่ควรจะใช้มือถือ”
“เอ๊ะ…?”
ก่อนที่ฉันจะทันได้ถามอะไร ร้อยโทก็พูดต่อ
“ได้โปรด อย่าออกจากเต็นท์นะครับ การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว พวกเธอจะปลอดภัยที่นี่… อย่างน้อยก็ น่าจะนะ”
เขาพูดแค่นั้น แล้วก็ไป พอเราได้ยินเสียงเดินของเขาจางหายไปแล้ว พวกเราก็มองดูแสงไฟที่แลอดเข้ามาทางประตูทางเข้า
“…เอาไงดีล่ะตอนนี้ โทริโกะ?”
“ไปกันเถอะ จะอยู่แต่ที่นี่ก็ไม่ได้ด้วย”
“ไม่ต้องถามเลยสินะ”
ฉันเลิกผ้าปิดเต็นท์หนักๆ ออก ก่อนที่พวกเราจะก้าวออกมาข้างนอก
TN: ก็ถ้าปัญหาจะเยอะขนาดนี้ ก็อย่าใช้คำว่า “แนะนำ” สิครับ พลตรี 555