[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 57 ไฟล์ 7 : โดนแมวนินจาทำร้าย [4]
มาหาเกทกันตอนที่ฟ้ายังสว่างอยู่กันเถอะ ตกดึกก็ไปดื่มเบียร์กัน
นั่นก็เป็นที่พึ่งทางใจของพวกเราล่ะนะ แต่ตอนนี้ การค้นหาไปทั่วสวนสาธารณะชาคุจิอิในวันที่ร้อนจัดนี่ จบลงด้วยการคว้าน้ำเหลว
ฉันสบตาโทริโกะที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฉันไม่ได้เลย
“น- น่า! นี่แค่วันแรกเอง! อย่าให้มันมากวนใจเราเลย!”
“โซราโอะ”
“ฟู่ว~ เบียร์นี่รสชาติดีจัง! โทริโกะ เธอว่าพรุ่งนี้เราจะไปหาที่ไหนกันดี?”
“โซราโอะ”
“จะลองหยุดแวะทุกสถานีตามสายเซบุดูดีมั้ย?”
“คุณโซราโอะคะ กลับมาดูที่ความเป็นจริงกันก่อนดีมั้ย?”
“โอเค…”
ฉันคอตก วางแก้วเบียร์ในมือลงกับโต๊ะ
พวกเราอยู่ในร้านเหล้าใกล้สถานีที่มียากิโทริเสิร์ฟด้วย พอมองเอาไปจากหน้าต่างเนี่ย เป็นไปไม่ได้เลยล่ะที่จะไม่สังเกตเห็นแมวมารวมตัวกันที่ลานหน้าร้านเยอะขนาดนี้
TN: 焼き鳥 (Yakitori) แปลตรงๆ เลยก็คือไก่ย่าง แต่ของญี่ปุ่นจะต่างกับไก่ย่างบ้านเราตรงที่มันเป็นเนื้อไก่ที่นำมาหั่นเป็นชิ้น ปรุงรส แล้วเสียบไม้ย่าง แล้วก็ยังรวมถึงอาหารทะเลและผักเสียบไม้ด้วย เพราะงั้น ยากิโทริก็เลยเป็นอาหารเสียบไม้ย่างแบบรวมๆ มากกว่า
เรื่องต่างๆ มันเปลี่ยนไปทันทีที่เราออกมาจากสวนสาธารณะเลย พวกแมวพากันเดินตามหลังเรามา แน่นอนว่าเป็นแค่แมวธรรมดาๆ ที่เดิน 4 ขานี่แหละ พอรวมกับเรื่องที่พวกเราคุยกันก่อนหน้านี้ด้วยแล้ว มันก็ทำให้ฉันไม่สบายใจเลย แต่ตรงจุดนั้น ฉันก็ยังตั้งสติได้อยู่ ฉันว่าตอนที่มันยกขาขึ้นๆ ลงๆ เดินอยู่ในเงาตามพวกเรามาต้อยๆ นี่ก็น่ารักดีนะ
แต่ ยิ่งเวลาผ่านไป เรื่องที่เกิดขึ้นมันก็ยิ่งประหลาดขึ้นเรื่อยๆ จำนวนแมวมันเพิ่มขึ้นๆ ไม่หยุดเลย จาก 1 ตัว เพิ่มมาเป็น 2 ตัว แล้วก็มีมาเพิ่มอีกเป็น 3 ตัว…
ออกมาจากตามซอย จากบนกำแพง แล้วก็จากเงาตรงนู้นตรงนี้ มีแมวตัวใหม่ๆ โผล่ออกมาร่วมขบวนแห่ที่นำโดยฉันกับโทริโกะกันเต็มเลย พอพวกเราหยุดเดิน พวกแมวก็หยุดด้วย พอพวกเราเข้าไปใกล้ พวกมันก็กระจายตัวออก พวกมันไม่ยอมให้เราแตะตัวเลย แต่พอพวกเรายอมแพ้แล้วก็เริ่มเดินกันต่อ พวกมันค่อยๆ เดินตามกันมาเป็นแถวอีกในเวลาไม่นาน
ฉันอดกังวลไม่ได้เลยว่าข้างหลังพวกเรานี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ซึ่งมันทำให้พวกเราตามหาเกทกันไม่คืบหน้าเลย ฟ้ายังไม่ทันมืดดีเลยตอนนี้ แต่พวกเราก็พอแล้ว ก่อนจะเดินหนีเข้ามาในร้านเหล้ากันเลยตั้งแต่เพิ่งจะ 6 โมงเย็น
ข้างนอกนั่น พวกเราได้ยินเสียงผู้คนอุทานกันด้วยความตกใจที่เห็นภาพแปลกๆ อย่างการมีแมวมาเดินเตร่กันเยอะแบบนี้ แล้วก็ถ่ายรูปกันด้วย พวกมันมีอยู่เป็นสิบๆ ตัวเลย ก็ออกจะเป็นภาพที่แปลกจริงๆ นั่นแหละ ฉันนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของตัวเอง มองดูพวกมันจากทางหน้าต่างอย่างเหนื่อยล้าแทบตาย ก่อนที่ยากิโทริที่เราสั่งไปจะมาเสิร์ฟในจานยาวพอดี
“นี่มันต้องมาจากเรื่องที่เธอเล่าให้ฉันฟังแน่นอนเลยล่ะ ว่ามั้ย?”
โทริโกะพูดขึ้นมา ก่อนจะเอาไม้ที่มีเนื้อไก่กับหัวหอมไป
“หรือไม่ บางทีพวกแมวอาจจะแค่ตามกลิ่นยากิโทริมาก็ได้?”
“หยุดใช้ข้อโต้แย้งที่แม้แต่ตัวเธอเองฟังเองก็ยังเชื่อไม่ลงจะดีกว่ามั้ย?”
“นั่นสินะ…”
ฉันตอบอะไรไม่ได้ ก่อนจะนั่งคอตกเคี้ยวกึ๋นไก่ในปากอย่างเศร้าๆ
โลกเบื้องหลังสามารถอ่านภาพความกลัวในหัวของพวกเราได้ แล้วก็แสดงพวกมันออกมาเป็นความผิดปกติ―ถ้าข้อสันนิษฐานนี้เป็นจริงล่ะก็ แมวนินจาเองก็อาจจะเข้ากับรูปแบบแบบนั้นอยู่เหมือนกัน
“ฉันไม่เข้าใจเท่าไหร่หรอก แต่พวกเราโดนดึงเข้ามาเอี่ยวกับเรื่องนี้แล้วล่ะ เด็กผู้หญิงคนนึงที่มาขอคำปรึกษาจากเธอ… คุณเซโตะใช่มั้ย? ฉันบอกเธอเลยนะ เธอควรจะติดต่อไปหาเด็กคนนั้นแล้วล่ะ”
โทริโกะพูด พลางเงยหน้าไปมองที่กระจก และหรี่ตามองไปที่พวกแมวที่อยู่ข้างนอก
“ถึงฉันยังไม่เห็นอะไรที่ดูมีความนินจาจากตรงนั้นเลยก็เถอะนะ เธอว่าพวกมันจะโผล่มาหรือเปล่า? หรือพวกน้องๆ ตรงนี้จู่ๆ ก็จะลุกขึ้นมายืน 2 ขาแล้วก็วิ่งมาหาเราพร้อมกับดาบกันนะ?”
“ถ้าพวกมันซ่อนดาบไว้ใต้ขนได้ ฉันว่ามันน่าตกใจมากกว่าน่ากลัวนะ ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นหรอก”
“จะยังไงก็เถอะ ฉันว่าเราอยู่ในสถานการณ์แปลกประหลาดเข้าแล้วล่ะ โทรไปหาเธอกันเถอะ จะโทรไปตอนนี้เลยก็ยังได้เลย”
“เออ… แต่ว่า…”
พอฉันแย้งกับความคิดนั้น โทริโกะก็ดูเป็นกังวลขึ้นมา
“เป็นอะไรไปน่ะ โซราโอะ? เธอแปลกๆ นะ”
“ไม่ขนาดนั้นซักหน่อย”
“เปล่าเลย… ทุกที ถึงเธออาจจะบ่นๆ แต่เวลาที่ใครเจอปัญหา เธอก็ยังช่วยพวกเขาอยู่ดีใช่มั้ยล่ะ? ทำไมครั้งนี้เธอถึงดูเห็นแย้งขนาดนี้เลย?”
“…”
“เถอะน่า บอกฉันหน่อยสิ”
พอโทริโกะมองตรงมาที่ฉัน ฉันก็อิดออกอยู่ ก่อนจะค่อยๆ ยอมสารภาพออกไป
“…ฉันไม่ถูกกับพวกเรื่องผีที่ มันเกี่ยวกับแมวน่ะ”
“เอ๊ะ…? เธอไม่ชอบแมวเหรอ?”
“ไม่มีทาง ฉันรักน้องแมวต่างหาก เพราะงั้นแหละ ฉันเลยไม่อยากเจอกับเรื่องผีเรื่องน่ากลัวที่มันเกี่ยวกับพวกน้องๆ ฉันไม่อยากที่จะต้องกลายเป็นว่ารู้สึกกลัวพวกน้องแมวน่ะสิ”
“โอ… เค? ฉันว่าฉันพอเข้าใจความรู้สึกอยู่นะ? แต่ถ้ามันเกี่ยวข้องกับโลกเบื้องหลัง ต่อให้มันอาจจะดูเหมือนแมว มันก็อาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้นี่จริงมั้ย?”
“แต่ยังไงฉันก็ต้องยิงพวกมันใช่มั้ยล่ะ?”
“เอ๊ะ?”
โทริโกะมองมาที่ฉันอย่างงงๆ
“แมวมันน่ารักอะ ฉันยิงไม่ลงหรอก…”
ฉันพึมพำระหว่างที่เคี้ยวอกไก่กับวาซาบิไปด้วย
โทริโกะมองมาที่ฉัน กระพริบตาปริบๆ ก่อนจะพยักหน้าให้ช้าๆ
“เข้าใจละ ให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ถ้าเกิดมีอะไรที่ทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายล่ะก็ เดี๋ยวฉันจะเป็นคน―”
“ว- หวา เดี๋ยวสิ พูดเรื่องอะไรอยู่น่ะ?”
ฉันหันขวับมามองที่โทริโกะอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“โทริโกะ เธอไม่คิดว่าน้องแมวน่ารักเลยเหรอ?”
“ก็น่ารักสิ แต่พวกสัตว์น่ะแข็งแกร่งกว่าคนนะ เพราะงั้นกับพวกมันแล้ว ฉันประมาทไม่ได้หรอก”
“แต่ จะหันปืนใส่พวกมันนี่มันก็ออกจะ…”
“นี่ โซราโอะ เรากำลังพูดถึงตัวประหลาดหน้าตาเหมือนแมวที่วิ่งเข้าใส่พวกเราพร้อมดาบใบหยักไม่ใช่เหรอ ไม่ได้หมายถึงพวกน้องๆ ที่นอนขี้เกียจกันอยู่ตรงนั้นซักหน่อย”
“อึก”
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ถ้ายังปล่อยเอาไว้แบบนี้ พวกมันก็อาจจะแว้งกลับมาเป็นศัตรูก็ได้ เธอชอบแมวไม่ใช่เหรอ? อยากใช้ชีวิตที่เหลือโดยที่ต้องมากลัวพวกมันไปด้วยหรือไง?”
“ม- ไม่เอาแบบนั้นหรอก”
“งั้นก็โทรไปหาเด็กคนนั้นซะสิ สิ่งที่เราต้องทำมันก็เหมือนทุกทีใช่มั้ยล่ะ? หาแมวนินจาให้เจอ ใช้ตาขวาของเธอเปิดเผยร่างจริงของมันออกมา แล้วก็เก็บมันซะ ปัญหาจบ ง่ายๆ ว่ามั้ย?”
“อึก”
“ถ้าเธอโทรไม่ได้ เดี๋ยวฉันโทรให้มั้ย? เอาเบอร์มาสิ”
“อึก… เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันโทรเอง”
สุดท้าย การขัดขืนของฉันก็พังทลายลง ฉันดึงโทรศัพท์ออกมา หยิบกระดาษโพสต์อิทที่ยังยัดอยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาด้วย ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็กดไปตามเบอร์ที่เขียนเอาไว้ในนั้น เสียงตรู๊ดดังอยู่ 3 ครั้ง เธอก็รับสายแล้ว
“ฮัลโหล เซโตะพูดค่ะ”
“อ- อา นี่คามิโคชิ-…”
“อ๊ะ! รุ่นพี่! โทรมาแล้วเหรอคะ!”
เสียงตะโกนตกใจที่ร่าเริงของเธอทิ้งความรู้สึกเสียความมั่นใจไว้กับฉันนิดหน่อย ฉันได้ยินเสียงจอแจดังมาจากปลายสายด้วย เธออยู่กับครอบครัวหรือเปล่านะ?
“เออ… คือ เรื่องที่เธอถามขอคำปรึกษาเมื่อวานนี้น่ะ… ตอนนี้สะดวกหรือเปล่า?”
“ค่ะ! หมายถึงเรื่องแมวนินจาสินะคะ?”
“ช- ใช่ สถานการณ์ของเธอเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า?”
“ไม่เลยค่ะ ยังเป็นเหมือนเดิมเลย… รุ่นพี่ล่ะคะ? เห็นอะไรหรือเปล่า?”
“…เห็นอะไร? เธอหมายถึง?”
“เออ พวกภูติผีวิญญาณ อะไรแบบนี้น่ะค่ะ”
อ้อ นั่นน่ะเหรอที่เธอหมายถึง ตอนแรก ฉันก็นึกว่าเธอรู้เรื่องพลังของตาขวาของฉันแล้วซะอีก ตกใจนิดๆ เลยนะเมื่อกี้
“ก็บอกแล้วไง ฉันทำอะไรแบบนั้นไม่ได้น่ะ”
“แต่รุ่นพี่ให้คำปรึกษาฉันได้ใช่มั้ยคะ?”
“ฉันไม่ให้เธอหวังสูงอะไรขนาดนั้นล่ะนะ เอาเป็นว่าตอนนี้ ฉันอยากเรียกเธอมาคุยกันก่อน มาที่อิเคบุคุโระได้มั้ย? อาจจะเป็นพรุ่งนี้?”
“ได้เลยค่ะ! เดี๋ยวฉันไป! ขอบคุณมากนะคะรุ่นพี่!”
“อ- อื้อ เดี๋ยวเวลากับสถานที่จะส่งข้อความไปอีกทีนะ”
ฉันวางสายแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ โทรให้คนที่ไม่รู้จักนี่มันทำให้เครียดได้ทุกครั้งเลยจริงๆ นะ ในตอนที่ฉันพยายามรวบรวมสติกลับมาอีกรอบ โทริโกะก็ยื่นมือขวามาลูบหัวฉัน
“อ- อะไรเนี่ย?”
“โทรได้แล้วนี่นา เก่งมากเลย”
“เธอแกล้งชัดๆ เลยใช่มั้ยเนี่ย?”
“ไม่เลยยยย~”
ตอนที่ฉันผลักแขนเธอออกไป สลัดผักชีก็มาถึงพอดี
“พรุ่งนี้ เธอมากับฉันด้วยได้มั้ย?”
ฉันถามโทริโกะไปตอนที่เธอดึงแขนของเธอกลับไปแล้ว
โทริโกะเอียงคอไปด้านข้าง แล้วก็ยิ้มตอบ
“ฉันจะไม่ไปเป็น ก ข ค ในเดทเล็กๆ ของเธอเหรอ?”
“…”
“ล้อเล่นน่า! อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ!”
โทริโกะพูดไปหัวเราะไป ก่อนจะตักสลัดส่วนนึงไปที่จานของเธอ ได้ยินแบบนั้น ฉันโมโหขึ้นมาเลย แทนที่จะตอบอะไรเธอไป ฉันก็หยิบกึ๋นไก่ส่วนของโทริโกะมากินเองซะเลย
TN: มีด้านที่คาดไม่ถึงเหมือนกันนะเนี่ย~ ^^